เมื่อไหร่ที่ควรซื้อ CPALL


ผม ว่า หลายๆคน "อยากซื้อ CPALL เพราะมันเป็น ธุรกิจที่แน่นอน รายได้มั่นคง ไม่ว่าเศรษฐกิจดีหรือไม่ ..คนก็เข้า 7-11 เสมอ" แล้วจริงๆมันน่าซื้อ (จริงหรือ!!)

ในความคิดผม อะไรก็ตามที่มันดี (แต่ราคาแพงไปแล้ว) ..ย่อมไม่น่าซื้อ เพราะนั้นหมายถึง ราคาของหุ้นตัวนั้นๆ ได้สะท้อนมูลค่าของมันไปแล้ว ดังนั้น ให้คุณเอาเงินที่จะลงทุน ไปหาตัวอื่น ที่ราคายังไม่ได้สะท้อน "มูลค่า"ดีกว่า(นี่เป็น Idea ของ Value Investor ที่มุ่งหาราคาหุ้นที่"ถูก"กว่าความเป็นจริง) ..แล้วมันดีจริงหรือ ?.. ก็อีกนั่นแหละครับ "ไม่มีทางเลือกที่ดีที่สุด" เพราะบางครั้ง หุ้นที่ "ถูก" อาจยังคง "ถูก"ต่อเนื่องไปอีกนาน เพราะการที่หุ้น "ถูก" อย่าง P/BV ต่ำๆ ย่อมหมายถึงว่า หุ้นตัวนั้น ไม่เป็นที่สนใจของ นักลงทุน อาจเป็นเพราะ ธุรกิจอาจจะเล็กเกินไป หรือ อยู่ใน Sector ที่ไม่น่าสนใจ ทำให้คนไม่เล่น Volume การซื้อขายก็น้อยตาม (มือใหม่ หลายคนวิเคราะห์แล้วก็อาจมองว่า "หุ้นตัวนั้น..ตัวนี้ดี" แล้วทุ่มสุดตัว.. สรุปติดหุ้น เพราะ "ซื้อแล้วขายไม่ได้" (ในตลาดก็มีหุ้นอย่างนี้ค่อนข้างเยอะ) แต่ในกรณีที่คุณ พอใจ "เงินปันผล"ของกิจการนั้นๆ คุณก็ไม่จำเป็นต้องขาย จริงมั๊ยครับ!!

สำหรับผม ถ้าให้มองตลาดเวลานี้ ผมยังชอบ Style ของ Value Investor มากกว่าอยู่ดี ..เพราะการลงทุนด้วย "เงินนอน" อย่างผม ไม่จำเป็นต้องขาย จึงสามารถถือเพื่อรับปันผลเท่านั้นได้ (ซึ่งในกรณีโชคดี หุ้นที่ผมเลือก อาจถูกรายใหญ่เข้ามา"ปั่น" ก็จะทำให้ผม "กำไรสุด" ได้อีกด้วย อย่างตอนนี้หุ้น cfresh หรือ BLA ที่ผมซื้อ ก็โชคดีไปด้วย)

ในกรณีของ Trader ในช่วง 2 ปีนี้ ผมว่า ใครเก่ง ก็น่าจะทำกำไรได้ดี โอกาสติดหุ้นจริงๆ ก็น้อย เพราะ "พื้นฐานโดยรวมของตลาดค่อนข้างแข็งแกร่ง" คือ ต่างชาติไม่ซื้อ เราก็ซื้อกันเอง เพราะหุ้นตอนนี้ ยังดีกว่า "พันธบัตรรัฐบาลและเงินฝากอยู่" จะเห็นได้จาก กองทุนและประกัน ในบ้านเรา ก็ขนเงินมาซื้อหุ้น กันอย่างเต็มเพดาน เพราะเขามองว่า "เงินนอน ในระยะยาว ของเขา จะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ถ้าอยู่ในหุ้นนั่นเอง"(และที่สำคัญ วิกฤตคราวนี้ คนไทยไม่ได้ "จนลง" เหมือนอย่างปี 1997 --ดังนั้น เงินที่ออกจากตลาดหุ้นไป "มันแค่เปลี่ยนที่" ดังนั้น ถ้ามันกลับมา "ที่เดิม" ตลาดก็จะดี "ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย")

ส่วนหุ้น CPALL ถามว่า ควรซื้อเมื่อไหร่ ก็ตอบง่ายๆว่า --"ซื้อเมื่อราคามันถูก" ตอนที่มันเกิดวิกฤต(ซึ่งต้องมี แต่ยังไม่รู้ว่าอะไร!!และเมื่อไหร่!! ถ้ารู้ไปเป็น "เทพ" แล้ว...หุ หุ) ...อย่างเช่น Toyota ใครๆก็มองว่า ไม่มีทางกระทบ แต่ปีนี้ กรณี "เรียกคืนรถ ..คันเร่งติด..เบรกค้าง" ทำให้หุ้นตกฮวบฮาบ!! และนี่แหละเวลาที่ "ควรซื้อ" --- ก็กลยุทธ์เดิมๆครับ "ซื้อหุ้นในกิจการที่มั่นคง ในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนสูง" เพราะ คนส่วนใหญ่จะแยกไม่ออกว่า "อะไรคือ ความไม่แน่นอน" และ อะไรคือ "ความเสี่ยง" ..ตอนนี้ Toyota ก็กลับมาเหมือนเดิม ดังนั้น นักลงทุนเก่งไม่เก่ง "มันวัดกันตรงจุด วิกฤต กับการตัดสินใจ นี่แหละครับ"

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘