คำสาบของ Bull Market

นี่ ผมหยิบราคาน้ำตาลดิบมาให้ดูกัน ปีนี้แรงได้ใจ แต่ชาวไร่ไทย ขายหมูไปหมดแล้ว (ด้วยวิธีการต่างๆทั้ง ถูกกฏหมายและแอบไป ..สรุปพยายามสุดฤทธิ์ ขายไปจนน้ำตาลขาดแคลนประเทศ แต่ดันขายหมูซะนี่) -- "นี่แหละครับที่เขาว่า อย่าพยายาม Timing Market คุณจะผิดเสมอ !!"

จะว่าไปแล้ว ปีนี้ Commodity เกือบทุกตัว "แรง" อย่างที่หลายๆคนคาดการณ์..มันกำลังจะเป็นจริง "คนกำลังหนีของปลอม วิ่งเข้าหาของจริง" (ไอ้ของปลอมที่ว่าก็คือ เงินกระดาษ US Dollar ที่พิมพ์เท่าใดก็ได้นั่นแหละครับ มูลค่าลดเอา ลดเอา ในอัตราเร่ง ...ทำเอาทั้งฝรั่งจริง และฝรั่งหัวดำ "สยองกันไปตามๆกัน จนแห่เข้าซื้อ Asset ทุกอย่าง ตั้งแต่ ทอง , หุ้น , พันธบัตร , Bonds ...ซึ่งที่ร้อนพิเศษ ก็เห็นจะเป็น Commodity และก็หุ้นในตลาด Emerging Market (บ้านเราก็พลอยร้อนตาม "ก็ดีครับ!!")

ผมอ่านบทความที่เขาเขียนเกี่ยว กับว่า ตอนนี้บริษัทใหญ่ๆมากมายเริ่มให้ความสำคัญกับ วัตถุดิบ นั่นก็คือ Commodity อย่างบริษัทรถไฟฟ้า BYD ก็เริ่มเข้าไปซื้อ Lithium "ซื้อเหมืองซะเลย จะได้ป้องกันความเสี่ยงของราคาที่พุ่งแรง"

อย่าว่า แต่บริษัทรถยนต์ บริษัทเหล็กอย่าง ArcelorMittel ก็ขยายธุรกิจแบบ Vertical เข้าไปซื้อวัตถุดิบ แบบทำเหมืองเองนั่นแหละ ...พวกบริษัทขนมก็ไม่น้อยหน้า เข้าไปซื้อขายพืชผลทางการเกษตรล่วงหน้า ยาวขึ้นไปอีก (อันนี้ผลดีตกแก่เกษตรกร เฉพาะของฝรั่งเขานะ ที่ขายพืชผลก่อนลงมือปลูกโดยใช้ Future Contract (ชาวนาไทยขายตามตลาด ซึ่งมักได้ราคาห่วยเสมอ ตามพืชที่แห่กันปลูกพร้อมๆกัน)

..ซึ่งการที่ บริษัทจริงๆอย่าง General Mills / Mars ต่างให้ความสำคัญของการล็อคราคาซื้อล่วงหน้า ย่อมทำให้ชาวนา ชาวไร่ สามารถขายได้ล่วงหน้า นานขึ้นไปอีก .."จุดนี้ทำให้ราคาจะนิ่งมากขึ้น แต่ผลเสียจะตกแก่บริษัทที่ต้องแบกต้นทุนเพิ่มขึ้นนั่นเอง...สุดท้ายก็ส่งผล ถึงผู้บริโภคอย่างเราๆท่านๆ ที่จะต้องบริโภคแพงขึ้น!!"

สิ่งที่ผม อยากจะ Point out ก็คือ "Inflation มันกำลังก่อตัว อย่างรุนแรง ครั้งนี้หากใครไม่เตรียมรับมือ ผมว่า สยองไม่เบานะครับเนี่ย !!" ...อยากรู้ Inflation ที่แท้จริง ไม่ใช่ไปดูที่รัฐบาลประกาศ ก็รัฐบาลเล่นเอาสินค้าควบคุมมาดู "ราคามันก็ไม่ค่อยขึ้นซิครับ" (มั่ว!!)

ของ จริงต้องไปดู "ข้าวแกง" ..ดังนั้น Inflation ในปัจจุบันที่ใครคิดว่าเบา มัน 10% ขึ้นอย่างต่อเนื่อง (คิดง่ายๆว่า ถ้าคุณเอาเงินฝากธนาคารแบบไม่มีดอกเบี้ย เท่ากับว่า มูลค่าเงินของคุณจะลบด้วย 10% ทุกปีนั่นเอง)

มาพูดถึงคำสาบของ Bull Market มันคืออะไรล่ะ .."ฮึม!! มันก็คือ เวลาตลาดมัน Bull แรงๆนี่ ..ถ้าคุณคิดว่าตลาดมัน Peak สุดๆแล้ว คุณจะเดาผิดและขายหมูตลอด" เพราะเมื่อขายไปแล้ว มันก็ขึ้นต่อทุกที

ดังนั้น วิธีแก้คำสาบก็คือ "คุณต้องคิดว่า (ไม่ใช่!!) ตลาดมันยังไม่ Peak มันเป็นเพียง Correction ..เพราะถ้าตลาดมัน Bull Market จริงๆ คุณจะทายถูกตลอด แต่คุณจะผิดครั้งเดียวเมื่อตลาดมันแตะ Peak จริงๆ (ก็ไม่เห็นยาก คุณก็ถือไปจนมัน Peak พอมันตกจริงๆ คุณก็ค่อยขาย แน่นอนคุณไม่ได้ขายที่ราคาสูงที่สุด แต่คุณก็ไม่ต้องขายหมู แล้วก็โดดไปโดดมา ต้นทุนสูงขึ้นเรื่อยๆ)"

ซึ่งถ้าย้อนดูประวัติอัน ยาวนานของตลาดหุ้น ตั้งแต่เปิดตลาดมามี Peak สูงสุดครั้งเดียวปี 1993 จากนั้นก็ต่ำ ต้วมเตี้ยม ไม่เคยไปไหน ...ดังนั้น ถ้าคุณจะถือหาง Bull คุณก็แค่ ทำนายขา Long "ซึ่งโอกาส ก็คือ คุณจะทายถูกตลอด และผิดครั้งเดียว เมื่อตลาดมันไปแตะ Peak จริงๆ ซึ่งยังไม่มีใครรู้ว่า รอบนี้ตลาดจะไปถึงเท่าไหร่ในภาพใหญ่"

(เอ๋อ!! แต่คำเตือน คือ ไอ้หุ้นที่คุณถือ Long มันต้องเป็นหุ้นพื้นฐานดี ..ไม่ใช่หุ้นปั่นนะครับ "อันนั้นเจ๊งตั้งแต่ซื้อแล้ว...หุ หุ หุ")

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘