"จำนวนคนโดดตึกตาย"--ดัชนีวัดความ Bubble ของตลาด


ไอ เดียที่เสนอนี่อาจฟังดูแปลกๆ แต่ผมว่า"จำนวนคนโดดตึกตาย"มันสามารถชี้ได้ลึกๆ ถึงปัญหาว่า"กระทบถึงพื้นฐานที่แท้จริงเท่าไหร่" ผมจำได้ว่าตอนปี 1997 มีคน"โดดตึกฆ่าตัวตายมากมาย"--แสดงว่าตอนนั้นมัน"แรงจริงๆ" ..แต่มาเที่ยวนี้ตอน Sub-Prime Crash ไม่เห็นมีใครมาฆ่าตัวตายเหมือนอย่างปี 97

...จุดนี้มันชี้ให้เรา เห็นว่า วิกฤตคราวนี้(เอเชีย)เราเจอแค่"หางๆ" แต่อเมริกากับยุโรปโดน"เต็มๆ"(อย่าง Greece ในตอนนี้เจอเหมือน"ต้มยำกุ้ง" ลองคิดดูซิครับว่า จะมีก็คนต้องโดดตึกตาย เพราะขนาดความเสียหายเขามากกว่าเรา 30 กว่าเท่า)

ดังนั้นตั้งแต่ปี 1997 ถึงปัจจุบันก็ปาเข้าไป 10 กว่าปีแล้ว..ที่ตลาดเรายังไม่ได้เจอ Bubble เลย ...ซึ่งโดยธรรมชาติ ในทุกๆ 15 ปีก็น่าจะมี Bubble ครั้งนึง --ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าเราใกล้สู่ Bubble อีกครั้ง ...ครั้งนี้ไม่รู้จะแรงไปถึงกี่"จุด"

หากย้อนดู Bubble ครั้งก่อนของตลาดบ้านเรา เริ่มจากปี 1986 ที่ประมาณ SET 130 จุด วิ่งไปสู่ Peak ของ Bubble ที่ 1,680 จุดในปี 1993 (เป็นเวลา 7 ปีเต็มที่ตลาดเราอยู่ในสภาวะ"Bubble"..เรียกได้ว่า ยุคนั้นก็ให้เกิดคนรวยมากมาย)--จากนั้นตั้งแต่ปี 1994 - 1998 จากจุด Peak ก็วิ่งลงมาแตะ 200 จุดในปี 1998 เป็นเวลาเกือบ 4 ปีที่ ทำให้คน"เจ๊ง"หมดตัวอย่างมากมายเช่นกัน ..แน่นอน ทุกคนอยากลงทุนก่อน Bubble และอยากออกก่อนที่จะ Bust (แต่ถ้าหากเรามัวแต่หลง"ระเริง"กับกำไรเล็กๆน้อยๆรายวัน สำหรับการ"ซื้อๆขายๆ" อาจเป็นกับดัก ที่ทำให้เราลืมภาพใหญ่ และลวงเราไปสู่"ดอยมรณะ"ในที่สุด)

คุณสังเกตุไหมว่าตั้งแต่ต้นปี 2009 เป็นต้นมา ..แทบไม่มีคนใดเลยในตลาดที่ขาดทุนตากการเล่นหุ้น .."ไม่แปลก!!" เนื่องจากตั้งแต่ต้นปี 2009 เป็นต้นมาตลาดยังอยู่ใน"ขาขึ้น"นั้นเอง ..อีกจุดนึงถ้าใครสังเกตุจะเห็นว่า ทุกครั้งที่คุณขาย โอกาสที่ต้นทุนคุณจะสูงขึ้นเรื่อยๆเป็นไปได้สูง นั่นหมายความว่า (คนที่กำไรที่สุดในตลาดตอนนี้ ก็คือ ผู้ที่เข้าตั้งแต่ต้นปี 2009 และยังไม่ได้ขายนั่นเอง) ....เวลานี้เป็นยุค"โดดตึก"ของอเมริกาและยุโรป เพราะเรา"เคยโดด"กันมาก่อนแล้ว ..เราอย่าเผลอไป"โดด" ร่วมแจมกับเขาเพราะอารมณ์ร่วม...หุ หุ....

(("โวหารพาเพลิน"))--(ประเทศแต่ละประเทศย่อมมีวงจรการขึ้นลง แตกต่างกันไป ..บางครั้งภาพรวมอาจ สามารถสร้าง"ความกลัว"ที่ทำให้นักลงทุน"ตัดสินใจ ด้วยอารมณ์" ซึ่งทำให้ "ราคาหุ้น"เกิดความผันผวน(สุดๆ)..ในช่วงเวลาหนึ่งๆ ..ซึ่ง"ช่วงเวลาดังกล่าว"หากใครสามารถ แยกแยะอารมณ์ออกจากการตัดสินใจได้ --เขาก็จะมีโอกาสได้ซื้อหุ้นในราคาที่"ถูกสุดๆ"นั่นแล...ดังภาษิต "หนึ่งชาย(ขายหมู) อีกหนึ่งชาย(ซื้อหมู)")

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘