ดูหุ้นที่เคยขาย

ผมนั่งนับนิ้ว 5 ปีที่ผ่านมา ผมขายหุ้นไปแล้ว 30 ตัวพอดีครับ
(ไม่รวมหุ้นที่ผมถืออยู่ในพอร์ตปัจจุบัน)

ใน 30 ตัวนั้น ถูกเลือกมาในรูปแบบการลงทุนช่วงแรกที่จับฉ่ายพอสมควร มีตั้งแต่หุ้นคุณค่า หุ้นปันผล หุ้นเติบโต หุ้นแข็งแกร่ง หรือ หุ้นวัฏจักร เรียกได้ว่ามีทุกแบบ แต่ก็เป็นการกรองจากหุ้นที่ผมดู ๆ ประมาณ 100 ตัว (ที่ถูกกรองหยาบ ๆ มาอีกทีจากหุ้นในตลาด) ตะแกรงที่ใช้กรอง เปลี่ยนไปมาหายรอบแล้ว แต่มักจะเป็นลักษณะ Top Down เป็นหลัก
เฉลี่ยกำไรในการขายทุกตัวก็ไม่เลวร้ายนักอยู่ที่ประมาณ 50% ไม่รวมปันผล ภายใต้ระยะเวลาในการถือหุ้น 0-2 ปี ซึ่งสั้นกว่าที่ตั้งใจไว้ คงเพราะคุณภาพของหุ้นที่ถือ
สิ่งที่น่าสนใจคือหุ้นทั้งหมดถ้าถือยาวมาถึงวันนี้ พบว่า 20 ตัวราคาไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก คือ บวกลบประมาณ 20%
อีก 6 ตัวถ้าไม่ขายจะขาดทุนหนัก
อีก 4 ตัวถ้าไม่ขายจะกำไรเป็นเด้ง
หุ้นที่ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ดูในรายละเอียดพบว่าไม่ได้หมายความว่าเป็นหุ้นคุณภาพไม่ดี แต่อาจจะเป็นเพราะตลาดให้ราคาหุ้นผันผวน แต่สำหรับหุ้น 4 ตัวที่กำไรมาก นั้นเป็นหุ้นที่มีคุณภาพดีทุกตัว หุ้นที่ผ่านกาลเวลานาน ๆ ได้อย่างเข้มแข็งมีอยู่สาเหตุเดียว คือมันเป็นของจริง ส่วนหุ้นที่ขาดทุนมาก 6 ตัวมักเป็นหุ้นที่ถูกคาดหวังสูง หรือเคยเป็นดาว แต่ก็ผ่านช่วงเวลาที่ดีที่สุดของมันไปแล้ว
ผมลองดูลงไปลึก ๆ ถึงสาเหตุที่ซื้อหุ้นเหล่านี้ ไม่เคยเรียบเรียงความคิด แต่เอาคร่าว ๆ คงมีสาเหตุใหญ่ ๆ 4 ประเด็นดังนี้
1. Trend คือ หุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีอนาคต เป็นแนวโน้มกลาง-ใหญ่ที่จะเกิดขึ้น
2. Growth คือ หุ้นที่มีการเติบโตสูงทั้งในแง่ยอดขาย และกำไร (ที่มีคุณภาพพอสมควร)
3. DCA (Durable competitive advantage) คือ หุ้นที่มีความสามารถในการแข่งขันสูง
4. Valuation คือ หุ้นที่มีราคาต่ำเมื่อเทียบกับมูลค่า
หุ้นกลุ่มที่ผลตอบแทนธรรมดานั้น มักจะถูกเลือกโดยเรียงลำดับความสำคัญจากมากไปน้อยดังนี้ Value > Trend > DCA > Growth
หุ้นที่ขาดทุนนั้น มักจะถูกเลือกโดยเรียงลำดับความสำคัญจากมากไปน้อยดังนี้ Trend > Growth > DCA > Value และยังมีรูปแบบการเรียงเป็นแบบอื่น ๆ อีก คงเอาไว้ลำดับหน้า จะลองเรียบเรียงตรรกะในการเลือกหุ้นดู
แต่ผมเอะใจมาก เพราะ pattern แบบหุ้นที่ขาดทุน คือ pattern ของหุ้นที่อยู่ในพอร์ตผมในปัจจุบัน ซึ่งมีกำไรสูงที่ผมคิดว่าจะถือต่อไปได้อีกยาวนาน อย่างไรก็ตาม วิธีการเดียวกัน แต่สิ่งที่ต่างมีอยู่ คือ Trend, Growth, DCA ของหุ้นที่ขาดทุนไม่ใช่ของจริง และราคาที่ซื้อหุ้นเหล่านั้นไม่เหมาะสมนัก
แต่สำหรับระยะเวลาสั้น ๆ หุ้นที่ผลตอบแทนสูงออกได้ทุกแบบ ซึ่งไม่มีรูปแบบเหมือนกันเลย หุ้นที่ต่างประเภทกันระยะเวลาในการถือที่แตกต่างกันนั้นส่งผลต่างกันมหาศาล
สรุปคือ ตลาดหุ้น ยากและซับซ้อน หุ้นไทยถือยาวไม่ได้ก็เป็นความจริงเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ได้หมายถึงว่าจะขาดทุนแต่กำไรที่ได้ก็จะน้อยกว่าความเสี่ยงที่มี ถ้าราคาที่ซื้อเหมาะสม ความจำเป็นที่จะอยู่รอดได้ด้วยวิธีคิดของตัวเองสำคัญมาก เพราะถ้าคุณรู้แค่ว่า Mr. X ถือหุ้น Y ไม่เพียงพอ และมันจะพาคุณสู่ความล้มเหลว เพราะมันไม่ได้การันตีว่าคุณจะถือหุ้นใน Period เดียวกับเค้า
และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ลองกลับไปดูหุ้นที่คุณเคยขายดูครับ คุณจะเรียนรู้อะไรได้เยอะทีเดียว

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘