ใต้ดิน “อีสาน” มีทรัพยากรล้ำค่า “ไม่แพ้ ซาอุ เลยทีเดียว”


พูดถึง “น้ำมัน” ใครๆก็รู้ว่า “สำคัญ เป็นทองคำสีดำ” แค่ 30 ปีที่แล้ว-- ก่อนที่โลกจะต้องการน้ำมันขนาดนี้ “ประเทศในตะวันออกกลางเหล่านี้ ยากจน พื้นดินแห้งแล้งปลูกอะไรไม่ได้ ต้องประทังชีวิตด้วยการทำประมง” ….30 ปี ต่อมา ท่านเห็น “นครดูไบ” สร้างตึก(สูงที่สุดในโลก), สนามกอล์ฟ (กลางทะเลทราย), โรงแรมหรูหราและแพงที่สุดในโลก, ถมทะเลสร้าง “World Map” จำลอง ขายให้มหาเศรษฐีไว้ทำ รีสอร์ท … “อะไรมันเกิดขึ้นที่นั่น” จากผืนทรายต้องคำสาบ เปลี่ยนเป็น “ที่ดินทราย” ที่มีราคาแพง สุดโต่ง (มันบ้าไปแล้วหรือ !!!)

มาพูดเรื่องใต้ดิน “อีสาน” ซึ่งอุดมไปด้วยเกลือ ..ใครไม่รู้ว่าเกลือ เป็นส่วนประกอบของอุตสาหกรรมต่างๆมากมาย ตั้งแต่ กระจก , เซรามิก , ปุ๋ยเคมี , สบู่ ,ผงซักฝอก , พีวีซี , สีฟอกย้อม ดังนั้น ในประเทศอุตสาหกรรม อย่างอเมริกา มีอัตราการ “ใช้เกลือ” ต่อคนสูงถึง 225 กิโลกรัมต่อคนต่อปี ในขณะที่ประเทศไทยใช้แค่ 27 กิโลกรัมต่อคนต่อปี (ไม่ใช่คนอเมริกา กินเค็มนะ ..เขามีการผลิตอุตสาหกรรมมากต่างหาก ….หุ หุ )

ไทยมีการนำเข้าแร่โพแทช(ส่วนหนึ่งที่ได้จากการทำเหมืองเกลือ) ปีละประมาณ 4 -5 แสนตัน ซึ่งประเทศอย่างจีนและอินเดียที่มีอุตสาหกรรมมากมายก็มีการนำเข้าแร่โพแทชม หาศาล .. เฉพาะโครงการของบริษัท อุดรธานี “เหมืองเกลือ” 20 ปี จะมีรายได้เข้ารัฐ 3 แสนล้านบาท ..ลองนึก “นี่แค่เหมืองเดียว” แต่ใต้อีสาน ที่ดิน “เค็มสุด” อย่าง “ทุ่งกุลาร้องไห้” มีมากมาย(ทำได้ไม่รู้จักกี่เหมือง) --แต่แปลกไหมครับ เรา “พยายามเอาดินเค็มนั้นมาปลูกพืช” --ซึ่งขายได้ราคา “ต่ำโคตร!!” มันคล้ายๆกับ “ซาอุ” บอกว่า เขาจะไม่ขุดเจาะน้ำมัน แต่จะทำเกษตร บนพื้นทราย ส่งออกพืชผลทางการเกษตร แทนการส่งน้ำมัน (คงจะทำให้หลายๆคน ขำ พิลิก) --แต่ “มันไม่ขำเมื่อมันเกิดขึ้นจริงในอีสานบ้านเรา”

ประเทศอย่าง “ออสเตรเลีย” แห้งแล้งกว่า ค่อนประเทศ …อุตสาหกรรมหลัก เขาคือ ขุดแร่ธาตุขาย ส่วนประชากรก็อาศัยอยู่รอบนอก … “ประเทศเขาจึงรวยโคตร!!” ..แต่บ้านเราครับ ไปอาศัยอยู่ บนพื้นที่แห้งแล้งซึ่งใต้ดินมีทรัพยากรที่มีค่า ประดุจน้ำมัน แต่เรากลับ พยายาม “ปลูกพืชขาย” ซึ่งราคา ต่ำ --“ผมว่ามันแปลกอยู่นะ”

จุดนี้มัน ต้อง มีการวิเคราะห์กันอย่างจริงจังว่า อะไรเกิดขึ้นในบ้านเรา หรือ ว่าที่ดินเป็นของ “นายทุน” และการที่ ให้คนจน เช่าทำนาเป็นการสร้างรายได้ที่มั่นคง แก่นายทุน (เพราะชาวนาไม่มีทางลืมตาอ้าปาก ..คือ เริ่มตั้งแต่ปล่อยกู้มหาโหด ให้มาเช่าที่ตัวเอง แล้วก็มาซื้อพืชผลในราคาต่ำ ไปขายเก็งกำไร) ….อย่าง ออสเตรเลียครับ “คนทำเหมืองแร่” แค่คนงาน--ก็รวย มีบ้านอยู่ มีฐานะที่ดีกันทุกคน ..ยิ่งคนที่ยอมไปทำงานที่ Western Australia ในเหมืองแร่ ก็ยิ่งมีรายได้ต่อหัวสูง (เนี่องจาก แร่ที่เขาขายทำเงินสูง(กว่าทำการเกษตร) จึงจ้างแรงงานได้แพง)

แต่ในบ้านเรา “พืชผลการเกษตร”มันราคาต่ำ ดินในอีสานก็ไม่อำนายต่อการเพาะปลูก …ทำไมเราไม่ทำเหมืองแร่ “เกลือโพแทชแทน” แต่ก็นั่นแหละครับ ท้ายสุดมันต้องอยู่ที่การจัดการที่ดี และโปร่งใส ไม่งั้นก็รวยเฉพาะ เจ้าของเหมืองนั่นแหละครับ ..วันนี้ผมว่า NGO บ้านเราแทนที่จะต่อต้านอะไรก็ไม่รู้ มาช่วยกัน “ต่อต้านความจนของชาวบ้านดีกว่า” เพราะท้ายสุด ความสงบสุขของประเทศมันอยู่ที่การ “กินดีอยู่ดีของประชาชน” ผมไม่เห็นคนที่กินดีอยู่ดีที่ไหน จับปืนขึ้นมา ปฏิวัติประเทศเลย มีแต่ประเทศที่ยากจนเท่านั้น ที่วุ่นวาย ตรงนี้ผมว่า เป็นเรื่องที่รัฐบาล และนายทุน รวมทั้งคนที่มองหาโอกาสในการลงทุน --ไม่ควรมองข้าม…..(ทั้งรวยแถมได้บุญ ผมว่า ไม่เลวนะ !!!)

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘