ลงทุนทำธุรกิจในฝัน

ตั้งแต่เด็กผมเป็นคนที่มองหาลู่ทางในการทำเงินมาตลอด  ความยากจนและความกลัวว่า  พรุ่งนี้เราจะมีอะไรกินไหม  ทำให้ผมเป็นคนประหยัดขณะเดียวกันก็พยายามหา  หนทางแห่งความร่ำรวย  ซึ่งในสมัยก่อนดูเหมือนว่าจะมีทางเดียวนั่นคือ  ทำธุรกิจ
            ผมขายขนมตั้งแต่ยังอยู่ชั้นประถมนั่นเป็นธุรกิจแรก ๆ  ที่ผมทำและทำได้สำเร็จ  แต่นั่นก็เป็นธุรกิจเล่น ๆ  ที่ทำในตอนปิดเทอมเสียมากกว่า  ต่อมาเมื่อผมเรียนในมหาวิทยาลัย  ความคิดก็ก้าวหน้าขึ้น  ธุรกิจที่ผมเริ่มคิดทำส่วนใหญ่อยู่ในเรื่องของการเกษตรทั้งที่ผมเรียนวิศวกรรม  เหตุผลคงเป็นเพราะว่าในขณะนั้น  ประเทศไทยเริ่มจะมีการพัฒนาในเรื่องของการเกษตรที่เป็นธุรกิจ  มีการใช้วิชาการเพื่อผลิตสินค้าการเกษตรแบบก้าวหน้า  อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ  การทำการเกษตรนั้น  ใช้เงินลงทุนน้อยมากโดยเฉพาะในตอนเริ่มต้น   ผมอาศัยสวนของเพื่อนแถวถนนจันทร์เป็นที่ทดลอง  ดังนั้นต้นทุนเรื่องสถานที่ก็ไม่มี   ส่วนเงินในการซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ  นั้น  ผมอาศัยเงินที่บางส่วนมาจาก ทุนการศึกษาเด็กยากจน  ที่ผมได้รับมาเกือบตลอดสี่ปีที่เรียนมหาวิทยาลัย
            ธุรกิจแรกดูเหมือนจะเป็นการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามซึ่งกำลังฮือฮากันในช่วงนั้นซึ่งก็คือประมาณปี 2516-17  นี่เป็นธุรกิจที่ถ้าทำได้สำเร็จก็น่าจะทำกำไรได้งดงาม  เพราะกุ้งมีราคาสูงมากและบริโภคกันในหมู่คนมีเงิน  เหนือสิ่งอื่นใด  กุ้งส่วนใหญ่ต้องจับจากแม่น้ำซึ่งหายากขึ้นเรื่อย ๆ   ผมตัดสินใจทำโดยอาศัยท้องร่องสวนหมากของเพื่อน  กั้นท้องร่องด้วยตาข่าย  จัดการกับปลาที่อาจจะมีอยู่  แล้วก็ซื้อลูกกุ้งมาปล่อย  ให้อาหารสำเร็จ   จากนั้นก็รอมันโต  ผลก็คือ  กุ้งนั้นแทบไม่เหลือ  แต่ปลากลับชุกชุมขึ้น  บทเรียนก็คือ  การจัดการกับปลาในท้องร่องสวนไม่ใช่เรื่องง่ายโดยเฉพาะเวลาฝนตกที่ปลามันสามารถผ่านตาข่ายมากินกุ้งตัวเล็ก ๆ  ได้
            ธุรกิจต่อมาดูเหมือนจะเป็นเห็ดฟาง  นี่ก็เป็นผลิตภัณฑ์การเกษตรตัวใหม่ที่เริ่มร้อนแรง  ผมเดินทางไป  ดูงาน  ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และซื้อเชื้อเห็ดฟางซึ่งเขาบรรจุอยู่ในกระป๋องนมผงเด็กขาย  โรงเพาะเห็ดของผมก็  เช่นเคย  อยู่ในสวนหมากของเพื่อน  ผมซื้อฟางและพลาสติกคลุมเพื่อรักษาอุณหภูมิ  การเพาะเห็ดเริ่มขึ้น   แต่เมื่อถึงเวลาที่เห็ดควรโต  ผมกลับพบเชื้อราเป็นส่วนใหญ่  บทเรียนก็คือ การควบคุมความสะอาดของฟางและการรักษาความชื้นและอุณหภูมิของโรงเพาะคงไม่ใช่เรื่องง่าย
            ผมจำได้ว่ายังเคยลองทำการเพาะลูกน้ำหรือก็คือลูกยุงที่ยังอยู่ในน้ำที่เอาไว้ใช้เลี้ยงปลาสวยงาม  วิธีการก็คือ  เอาถาดน้ำไปรองรับมูลไก่เพื่อล่อให้ยุงมาวางไข่  หลังจากนั้นก็เอากระชอนไปตักลูกน้ำขายได้  ธุรกิจนี้ก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกัน  เพราะลูกน้ำบางส่วนได้โตกลายเป็นยุงไปรบกวนเจ้าของบ้าน   ผมจบความพยายามในการทำธุรกิจในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยพร้อมกับความล้มเหลว  ส่วนหนึ่งหรือส่วนใหญ่อยู่ที่การไม่มีเวลาเพียงพอเนื่องจากการเรียนที่หนักและการทำกิจกรรมนักศึกษาที่ผมใช้เวลาค่อนข้างมาก
            ผมยังเคยทำงาน  รับเหมา  ก่อสร้างเล็ก ๆ  น้อย ๆ  ในช่วงที่เป็นวิศวกรโรงงาน  นี่คือการรับงานจาก  เถ้าแก่  ที่เป็น  หลงจู๊ ของโรงงาน  เป็นการหารายได้เสริมในบางช่วงบางตอน  หลังจากนั้นผมก็ไปเรียนต่างประเทศในสายการเงินและกลับมาทำงานในแวดวงการเงิน  แต่ความคิดของการทำธุรกิจไม่เคยหมดไป  ผมเริ่มทำธุรกิจที่ใหญ่และเป็นมืออาชีพมากขึ้น  นั่นคือช่วงประมาณปี 2528-2529
            ธุรกิจแรกที่ทำก็คือ  การตั้งโรงเรียนสอนคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลซึ่งกำลังเริ่มมีการใช้มากขึ้น   ธุรกิจนี้มีเพื่อนเข้าร่วมลงทุนกันหลายคน  ผมคิดว่าถ้าสำเร็จก็คงขยายตัวไปได้มหาศาล  เหนือสิ่งอื่นใด  เรามีคนสอนที่มีความรู้และความสามารถระดับ  ท็อป ๆ ของประเทศ    แต่เนื่องจากเป็นการลงทุนที่น้อย  เราจึงตั้งโรงเรียนอยู่ในตลาดที่คนทั่วไปมองไม่เห็น   การหานักเรียนเราต้องโฆษณาย่อยในหนังสือพิมพ์  ทุกครั้งที่โฆษณาก็จะได้นักเรียนมาจำนวนหนึ่ง  แต่พอโฆษณาหมดนักเรียนก็หาย  คนเรียนคอมพิวเตอร์นั้นเรียนกันสั้นมากเพียง 1-2 เดือนก็เลิกแล้ว  ดังนั้น  การทำการตลาดจึงแพงมาก  ในที่สุดโรงเรียนก็ปิดตัวลงทั้ง ๆ  ที่เราเป็นรายแรก ๆ  ที่เข้ามาในวงการนี้  บทเรียนก็คือ  การตลาดสู่ผู้บริโภคในวงกว้างนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
            ธุรกิจต่อมาก็คือ  การเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจ ไฮเท็ค  ที่ถึงวันนี้ผมก็จำไม่ได้แล้วว่าเขาจะทำอะไร   แต่ในช่วงนั้นกระแส  สมองไหลกลับ  กำลังมาแรง  เป็นช่วงที่เมืองไทยกำลัง โชติช่วงชัชวาล  เศรษฐกิจโตระดับสิบเปอร์เซ็นต์ต่อปี   มีคนไทยที่โตที่อเมริกาและทำงานเป็นวิศวกรในธุรกิจไฮเท็คกลับมาลงทุนทำธุรกิจในเมืองไทย  โดยจะตั้งโรงงานและผลิตสินค้ากลับไปขายที่อเมริกา   เขามาระดมทุนจากคนในวงการ  ผมเองก็ ฝันว่าธุรกิจน่าจะประสบความสำเร็จและถ้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ก็น่าจะได้ผลตอบแทนมหาศาล  ผลก็คือ  ผมจ่ายเงินเป็นแสนบาทและได้ใบหุ้นมาเก็บไว้   หลังจากนั้นผมก็ได้ข่าวกระท่อนกระแท่นและสุดท้ายทุกอย่างก็เงียบหายไป  ผมคิดว่าการตั้งโรงงานคงไม่สำเร็จ  อาจจะเป็นเพราะเงินไม่เพียงพอหรืออะไรก็สุดจะเดา  บทเรียนก็คือ  ความฝันนั้น  เป็นเรื่องที่อันตรายที่สุดสำหรับการลงทุน
            ธุรกิจลำดับต่อมานั้น  ผมเริ่มมีประสบการณ์มากขึ้น  มองหา เนื้อหนัง  มากขึ้น  เป็นธุรกิจที่ดำเนินงานอยู่แล้วแต่กำลังมีโครงการระดับ  เปลี่ยนพื้นฐาน ของกิจการ  ผมคิดว่าถ้าสำเร็จก็น่าจะ  รับเละ เป็นธุรกิจเรือเฟอร์รี่ที่กำลังมีโครงการใหญ่  แนวคิดก็คือ  จะ ปฏิวัติ การขนส่งที่ลงไปทางใต้ของประเทศ  นั่นก็คือ  แทนที่รถสิบล้อจากกรุงเทพจะต้องวิ่งไปส่งสินค้าถึงภาคใต้เช่นหาดใหญ่  เขาจะให้รถวิ่งไปลงเรือเฟอร์รี่ที่สามารถรับรถได้หลายสิบคันที่ชลบุรี  แล้วเรือก็แล่นไปหาดใหญ่  จากนั้นรถก็จะวิ่งขึ้นจากเรือไปส่งของต่อ  วิธีนี้จะประหยัดค่าน้ำมันมหาศาล  ดังนั้น ถ้าสำเร็จธุรกิจก็น่าจะกำไรมาก  ผมลงทุนไปหลายแสนบาทและเงินต้องสูญเหลือแต่ใบหุ้น  บทเรียนก็คือ  มันมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ความคิดแบบ ปฏิวัติ  มักจะไม่สำเร็จ  อย่าฝัน
            สุดท้ายที่ผมจะพูดถึงก็คือ  การฝันแบบ  ฟองสบู่  นี่คือการซื้อหุ้นที่หวังว่าเมื่อเข้าตลาดหุ้นได้  หุ้นก็จะมีค่ามากขึ้น  อาจจะเป็นหลายเท่าตัว  โดยไม่คำนึงถึง  มูลค่าพื้นฐาน  ของกิจการ   นี่คือกรณีของการลงทุนซื้อหุ้นก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์ในยามที่ตลาดหุ้นกำลังบูมสุด ๆ  ก่อนวิกฤติในปี 2540 สามสี่ปี  มันเป็นธุรกิจโรงแรมใหม่กลางเมืองที่เพิ่งเขียนแปลนเสร็จ  เขาขายหุ้นและผมก็ไปซื้อไว้  ด้วยเหตุมากมาย  บริษัทไม่สามารถเข้าตลาดหุ้นได้และตลาดหุ้นก็ วายไปก่อน  บริษัทมีปัญหาทางการเงินและต้องปรับเปลี่ยนผู้ถือหุ้น  ทุกวันนี้โรงแรมก็เปิดดำเนินการอยู่  แต่ผมไม่เคยได้รับการติดต่อและไม่รู้ว่าใบหุ้นของผมเป็นเจ้าของโรงแรมหรือไม่  แต่ผมคิดว่าคงมีค่าเป็นศูนย์ไปแล้ว  บทเรียนก็คือ  อย่าไปหวังว่าฟองสบู่หุ้นจะช่วยให้คุณรวย  ความเสี่ยงมีมากเหลือเกิน  ดังนั้น  จะลงทุนอะไรต้องมองที่พื้นฐานของกิจการเป็นหลัก   และนั่นก็คือธุรกิจสุดท้ายที่ผมทำก่อนที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเต็มตัว

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘