ตลาดหุ้นขึ้นใครรวยที่สุด

2 สัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนฝรั่งเข้าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ Market Cap. เพิ่มจาก 5.8 ล้านล้านบาท เป็น 6.1 ล้านล้านบาท --- ตลาดเพิ่มขึ้น 3 แสนล้าน แต่เงินที่ไหลเข้าตลาด Net(สุทธิ)จริงๆ ไม่กี่หมื่นล้าน

--- อ้าว ถ้างั้น แสดงว่ามูลค่าที่แสดงในตลาด ไม่ใช่มูลค่าที่แท้จริง "เพราะเงินไม่ได้ไหลเข้าตลาด เท่าที่มูลค่าตลาดเพิ่มขึ้น" ประเด็นนี้ถามว่าใครรวยสูงสุด ?

ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจก่อนว่า มูลค่าของตลาด ไม่ใช่ตัวเงินสด ที่มีอยู่ในตลาด แต่เป็นมูลค่าในสายตานักลงทุนในขณะนั้น เช่น ถ้านักลงทุนที่ซื้อขาย อยากที่จะซื้อในราคาแพง เช่น ปกติหุ้น PTT ซื้อขายที่ 250 แต่ถ้านักลงทุนที่ซื้อขายในตลาดนั้น มองว่าราคาจะขึ้น ก็ย่อมเสนอซื้อในราคารที่สูงกว่า

ความต้องการยิ่งมากยิ่งส่งผลให้ ราคาสูงขึ้นไป เช่น ราคาอาจพุ่งไปถึง 350 บาท ซึ่งถ้าราคาหุ้นทุกตัวสูงก็ทำให้ตลาดมีมูลค่าโดยรวมเพิ่มขึ้น (มูลค่าตลาดโดยรวม เท่ากับ ราคาหุ้นในตลาด คูณ จำนวนหุ้นทั้งหมด)--- ถ้าถามว่าใครจะรวยที่สุดถ้าตลาดขึ้น ก็คือ ผู้ถือหุ้นใหญ่ หรือ คนที่ซื้อหุ้นไว้ตอนราคาถูก (จำนวนมากๆ) ส่วนนักลงทุนที่ซื้อขายรายวัน ได้แค่ส่วนต่างจากราคาที่ซื้อและขาย แถมยังเสียค่า Broker อีก

(เลย ไม่แปลกที่ คนที่จะได้ประโยชน์จริงๆ คือ คนที่ซื้อหุ้นบริษัทเยอะๆ ในเวลาที่ราคาหุ้นถูกๆ แล้วก็ถือไว้ขายตอนที่ราคาหุ้นมากๆ -- ส่วนพวกที่ซื้อๆขายๆ (กองทุน) พวกนี้ได้แค่ส่วนต่าง ยิ่งถ้าเขาซื้อขายในช่วงตลาดขาขึ้น นั่นหมายความว่า พอเขาขายทำกำไรแล้ว เขาก็ต้องกลับไปซื้อในราคาหุ้นที่สูงขึ้น --สรุปว่ากำไรที่คุณได้มาในตลอดแลก อาจเสียทั้งหมดในเวลาต่อมา เพราะต้นทุนสูงขึ้นเรื่อยๆ แถมยังเป็นสินค้าเดิม(หุ้นเดิม) นั้นคือ ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในขณะที่กำไรเท่าเดิม

(เพราะโดยปกติ นักเล่น มักตัดกำไรขาดทุนที่ประมาณ 10% ) ลองคิดดีๆ ครับว่า กองทุน 100 ทั้ง 100 ซื้อขายหุ้นอย่างที่ผมบอกคือ เมื่อตลาดขึ้น ต้นทุนการซื้อขายจะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เขามีความเสี่ยงมากขึ้น ในขณะที่กำไรเท่าเดิม(หรืออาจลดลง)

ผมเป็นคนหนึ่งที่มอง Strategy ของพวกกองทุน ไม่ Make sense ดังนั้น ผมค่อนข้างที่จะไม่เห็นด้วยกับการเล่นหุ้นผ่านกองทุน หรือ แม้แต่การซื้อกองทุนรวม

ดังนั้น สรุปได้ว่า คนที่รวยก็คือ คนที่เล่นหุ้นระยะยาว และมอง Cycle ได้อย่างแม่นยำ โดยที่ไม่ได้มีการซื้อขายบ่อยๆ เพียงแต่จะรอที่จะซื้อในช่วงที่ราคาหุ้นถูกเท่านั้น (ซึ่งแน่นอน ไม่ได้ทำได้ง่ายๆ เพราะเวลาที่หุ้น ราคาถูก นั่นหมายถึง ต้องมีเหตุการณ์ที่ไม่ดี นั่นเอง คนอื่นจึงขายออกมา ดังนั้น การที่เราจะกล้าซื้อในช่วงที่คนอื่นขาย -- คุณจะต้องไม่ธรรมดา)

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘