รากเหง้าปัญหาความขัดแย้งของ"คนไทย"(ศัตรูคุณคือ"ความยากจน")


จริงๆ แล้วรากเหง้าปัญหาความขัดแย้ง"ในบ้านเมืองเรา" ไม่ได้เกิดจากการเมือง (การเมืองเป็นเพียงตัวกระตุ้นเท่านั้น) แต่"ต้นเหตุ" คือ "ความยากจน โดยเฉพาะในต่างจังหวัด" ปัญหาของประเทศเราคือ การกดราคาพืชผลการเกษตร รวมทั้งไม่มีการช่วยเหลือ"คนจน" ในเรื่อง ปัญหาที่ทำกิน(ที่นายทุนกว้านซื้อ)เช่นทำนา โดยความเสี่ยงทั้งหมดอยู่ที่คนจน (เพราะต้องไปกู้เงินมาทำ แถมพอจะขายพืชผล ก็ถูกกดราคา) แค่หนี้อย่างเดียวที่ยืมก็"แทบจะไม่มีปัญญาใช้คืน"

..ด้วย เหตุนี้ การใช้นโยบาย"ประชานิยม" ของ คุณ ทักษิณ จึงเป็นประโยชน์ต่อ"คนจน"อย่างมาก ..เริ่มจากการพักหนี้"เกษตร" จากนั้นก็นำทุนไปให้ประชาชน โดยผ่าน"กองทุนอยู่บ้าน"รวมทั้งสร้างตลาดที่ให้"พืชผล"สามารถขายในราคาที่ สูงขึ้น โดยผ่าน "OTOP" จากนั้นก็ยกระดับประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้ ทุกคนเข้าถึงการรักษาพยาบาล--ทั้งหมดเป็นการเข้าแก้ปัญหาคนจนอย่างเป็นระบบ และมีประสิทธิภาพมาก (การเข้ามาเป็นนายกของทักษิณทำให้"คนจน"มีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด(คน จนเขาไม่สนหรอกว่า"ใครจะโกงใครจะกิน(นั้นมันเป็นปัญหาระหว่างคนรวย คนนึงโกงอีกคนเลยรวยน้อยลง..น้ำเน่าสิ้นดี)"เขาสนแต่ว่า จะมีชีวิตที่ดีขึ้น--"แค่ข้าวจะกินยังไม่มี แล้วกูจะสนอะไรอีก" .... และนี่เป็นสิ่งที่เราเถียงไมได้ว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ และก็เป็นสาเหตุที่คนจนรักทักษิณ )

วันนี้หากรัฐบาลจะก้าวผ่านความขัดแย้ง.."ไม่ใช่มัวแต่วิ่งไร้จับทักษิณ..ไร้ สาระ" ศัตรูของรัฐบาลจริงคือ "ความยากจนของประชาชน" หากคุณแก้​"ความยากจนได้ คุณก็ขจัดความขัดแย้งได้" --วันนี้เราต้องเตรียมสู้กับ "ภัยแล้ง" "หนี้สินของคนจน" "การให้การศึกษา...การศึกษาเท่านั้นที่จะทำให้ พ้นจากความจนอย่างยั่งยืน"

ประเด็นที่น่าสนใจในวันนี้คือ รัฐบาลต้องคิดให้ได้ว่า"ทำอย่างไรคนจนจึงจะมีเรื่องมือการหากินที่มี ประสิทธิภาพ และยั่งยืน" (ไม่ใช่ไปแจกของ แจกผ้าห่ม ..ที่ต้องแจกคือเครื่องมือทำกิน) ..เครื่องมือทำกินของคนจน ก็คือ ที่ดิน ..ทุนในการเริ่มต้น ..เครื่องมือที่ทำให้การเกษตรมีประสิทธิภาพ --ไอ้เครื่องดำนา"คูโบต้า"ต่างๆ พวกนี้ควรถึงมือประชาชน ไม่ใช่อยู่แต่ใน "ทีวี" ..หุ หุ ..คุณภาพชีวิตทางการแพทย์ (ปัจจุบันไม่มีแพทย์ในต่างจังหวัด เพราะ"ได้เงินน้อย" ผมไม่ได้โทษแพทย์ เพราะแพทย์ก็คือ"มนุษย์" ถ้ารายได้น้อย อุตสาห์เรียนตั้งหนัก ใครจะโง่ไปอยู่ชนบท

--การแก้ปัญหาต้องดูอย่างอเมริกา ดูอย่างประเทศพัฒนา วิธีแก้คือ เขาไม่กระจุกความเจริญในเมือง คุณสามารถอยู่เมืองไหนก็ได้"ก็สามารถรวยได้เช่นกัน" --ตอนนี้เมืองไทยถ้าคุณไม่อยู่กรุงเทพก็จนอย่างเดียว"ถ้าเป็นอย่างนี้ มันก็ง่ายต่อการ"ยุแหย่"ก็เพราะ"มันต่างกันเกินไป"

การขจัดความยากจนต้อง "ขยายการบริโภคภายในประเทศให้มาก" ดูอย่าง Australia การส่งออกพอๆกับเรา แต่การบริโภคภายในเขาใหญ่กว่าเรา 6 เท่า ทั้งที่ประชากรเขามีแค่ 20 ล้าน ในขณะที่เรามีถึง 60 ล้าน(ดังนั้น ถ้าจะให้คนเรา"กินดีอยู่ดี" การบริโภคภายในเราต้องใหญ่กว่า Australia ((ทำอย่างไรล่ะ ??... ))

การ"ลดความขัดแย้ง"ต้องลดช่องว่างระหว่าง ชนบทกับเมือง --ปัจจุบันเอกชนเริ่มทำแล้ว ดู CPN เริ่มไปเปิดสาขาในต่างจังหวัด , BIGC , TESCO-LOTUS เมื่อมี"ตลาดเข้าไป".. ก็ต้องสร้างให้ OTOP ให้แข็งแกร่งเพื่อให้สินค้าเกษครมี Value added ขายได้ราคาสูงขึ้น ..พอ"ห้าง"เข้าไป "นิติพล"ก็จะตามไปรักษาสิว MK จะเข้าไปขยายสาขา โรงแรมก็จะตามไป ธุรกิจอื่นๆก็จะตามไป บริการต่างๆก็จะตามไป พวกพัฒนาบ้านจัดสรรก็จะตามไป --ก็จะมีตลาดให้คนที่มี"รายได้สูง"สามารถอยู่ในชนบท

...สิ่งเหล่า นี้คือ "Tipping Point" ของการกระจายความเจริญ "ถ้ารัฐบาลฉลาดต้องพยายามสนับสนุนเอกชน" เช่น ใครไปทำธุรกิจต่างจังหวัด ต้องมีการลดภาษี หรือ ให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ --คุณเห็นไหมที่การส่งออกของไทยขยายมาเป็น 70% ของ GDP ได้เพราะ(รัฐบาลส่งเสริมการส่งออกทุกวิถีทาง ทั้งลดภาษี ทั้ง BOI ทั้งนิคมอุตสาหกรรม ) ทีการขยายความเจริญไปสู่"ชนบท" ดันไม่สนับสนุน ((ผมถามหน่อยแล้วเมื่อไหร่ละครับ ความเจริญถึงจะไปถึงชนบท))

--ปัญหา วันนี้ คือ "นโยบายของรัฐบาล" ผมถามหน่อยคุณเอาใครมาเป็นรัฐมนตรี แป๊ะ ตี๋ นอมินี (ถ้าจริงใจแก้ปัญหา ต้องเอาคนมี"ปัญญา"มาวางนโยบาย และประกาศสงครามกับ"ความยากจน" ...และนี่คือหนทางเดียวของการแก้ปัญหาที่"ต้นเหตุ"!!

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘