จุดบอดของ"ความเชื่อ"


วันนี้ สังคมถูกชี้นำโดย"ความเชื่อ"ที่มีอยู่ในทุกสังคมและทุกวงการอาชีพ แม้แต่ศาสนาก็ล้วนตั้งอยู่บนพื้นฐานของ"ความเชื่อ" ..ซึ่งในหลายๆเรื่องไม่สามารถ"พิสูจน์ได้" ผมเคยสงสัยว่า นักลงทุนอย่าง Warren Buffet รวมทั้งพวกที่ดังๆมากๆทำไม พอเขาพูดอะไร มันก็จะเป็นอย่างนั้น --ก็เพราะมีคน"เชื่อ"ในสิ่งที่เขาพูดนั่นเอง

..อย่าง ล่าสุด รถไฟฟ้า BYD บริษัท Noname สุดๆ แต่พอมีข่าว Warren Buffet ไปลงทุน 20% ในบริษัท "เท่านั้นเอง นักลงทุนต่างวิ่งเข้าไปซื้อจนหุ้นขึ้นมหาศาล" คือ จริงๆผมมองว่า มันไม่ได้อยู่ที่บริษัท แต่มันอยู่ที่"ความเชื่อ"ในตัว Warren Buffet ต่างหาก ..ตอนนี้ เจ้าของ BYD ถูกจัดอันดับเป็นคนที่รวยที่สุดในจีน....ในวงการทีวี Oprah นับเป็นคนที่คนให้"ความเชื่อ"สูงมาก ดังนั้นเมื่อ Oprah แนะนำ สินค้าอะไร กลายเป็นขายดีไปหมด ---ทำให้หลายๆคนให้ข้อสังเกต คน เหล่านี้ว่าเป็น "The King Maker"

ประเด็นคือ เราจะสร้าง"ความเชื่อ"มันไม่ใช่ ง่ายๆ เพราะมันต้องอาศัย เวลาที่ยาวนาน..เหมือนการสร้าง"สินค้า"ที่มีชื่อเสียงอย่าง "โค้ก"นั่นเอง...แต่ก็ใช่"ความเชื่อ"เป็นสิ่งที่ดี คือ ผมไม่เถียงหากคุณเป็น เจ้าของที่สร้างความเชื่อ เพราะไม่ว่า Warren หรือ Oprah ต่างก็ได้ประโยชน์เต็มๆ ...แต่คนที่"ซวย" มันกับเป็นคนที่"เชื่อ" นั่นเอง

อย่างการเล่นหุ้น ถ้าคุณเล่นตาม"ความเชื่อ" มันก็คือ "แมลงเม่า" และนี่เองที่เรียกว่า "จุดบอดแห่งความเชื่อ" ..มันมีประโยชน์ต่อเมื่อคุณเป็นคนสร้าง"ความเชื่อ" แต่มันจะเป็นโทษ หากคุณเดินตามมัน

หลายคนคงสงสัยว่า "ผมพูดอะไร..อย่างนี้แปลว่า ไม่ให้เชื่อในสิ่งใดเลยหรือ" (อันนี้ก็ไม่ใช่) ..หากแต่ การ"เชื่อ"ในสิ่งใด ..คุณต้อง"คิด"ก่อนว่า สิ่งที่คุณจะเชื่อนั่นมันมีเหตุผลหรือไม่ แต่ถ้าคุณเป็น"นักลงทุน" ผมฟันธงได้ว่า 100 ทั้ง 100 ของ"ความเชื่อ"ที่เกี่ยวกับการลงทุน มันนำทางไปสู่"ความย่อยยับ"ทั้งสิ้น ดังภาษิต ที่ว่า "จงกลัวในเวลาที่คนอื่นโลภ และจงโลภในเวลาที่คนอื่นๆกลัว"

ผมเชื่อว่า นักลงทุนส่วนใหญ่คิดว่า"ตัวเองเก่ง สามารถชนะตลาด" แต่พอเอาเข้าจริงกลายเป็นมีคนไม่ถึง 10% ที่สามารถชนะตลาดในระยะยาวได้ --ดังนั้น ถ้ามองให้ดีว่า แท้จริงแล้ว "ใครกันที่รวยมหาศาลจากตลาดหุ้น" คุณจะเห็นได้ว่า คนที่รวยคือ เจ้าของกิจการ ไม่ใช่นักเล่นหุ้น

..ถาม ว่า"ทำไมเขาถึงรวย" ก็เพราะ ตั้งแต่เข้าตลาด เขาก็ยังคงถือหุ้น(ไม่ขาย)จนกิจการโตขึ้นเรื่อยๆจาก 100 เป็น 10,000ล้าน--และนี่แหละที่ทำให้เขารวย ไม่ใช่"ซื้อขาย ซื้อขาย"...(ถ้าอยากรวยคุณต้องนำบริษัทเข้าจดทะเบียน หรือ ไม่คุณก็ซื้อหุ้นในเวลาที่ตลาดตกต่ำ และก็ไม่เคยขายมันเลย........)

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘