ทางสายกลาง

ตลาดหุ้นเป็นที่หนึ่งที่จะเห็นหลักธรรมของพระพุทธศาสนาอย่างไม่ยากนัก
เริ่มด้วยความไ่ม่เที่ยงของอารมณ์นักลงทุนที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จากปลายปีที่แล้ว ตลาดหุ้นพังทำลายฝันที่จะให้นักลงทุนเป็นอิสรภาพทางการเงิน และกลับไปก้มหน้าก้มตาทำงานประจำ ผ่านมาไม่ถึงปี กลับมีแต่คนพูดถึงเรื่องการร่ำรวยจากตลาดหุ้น ฝันว่าจะมีผลตอบแทนมากมายในแต่ละปี นักลงทุนหน้าเก่าก็เริ่มมีความหวังอีกครั้ง และมีนักลงทุนหน้าใหม่ ๆ เข้ามาในตลาด หลายคนได้กำไรหลายสิบเปอร์เซนต์ในช่วงเวลาไม่กี่เดือน นรกปีที่แล้วกลับกลายเป็นสวรรค์อย่างรวดเร็วและไม่น่าเชื่อ
ปัญหาในการลงทุนสำหรับตลาดปีนี้ที่เพิ่มขึ้นเกือบ 50% ผิวเผินจึงแทบไม่มีในสายตาคนทั่วไป ทุกคนมีความสุข ฟื้นฟูจากความบอบช้ำและได้กำไรกลับมามากมาย แต่ปัญหาที่ซ่อนอยู่สำหรับนักลงทุนระยะยาวหรือแนว VI ในตลาดแบบนี้คือ ถ้าตลาดผันผวนมาก บางครั้งความโลภก็พาให้เราเก็บเกี่ยวผลประโยชน์มันเร็วเกินไป ถ้าคุณซื้อหุ้นห่านทองคำได้ในราคาถูก และในระยะเวลาไม่กี่เดือนก็มีคนเสนอซื้อต่อในราคาเป็นเท่าตัว ในมุมมองคนปกติคือควรจะขาย และไปหาหุ้นตัวอื่น เพราะมัน over price ไปแล้ว (อาจจะไม่ over value ในระยะยาว) แต่นี่ืคือความผิดพลาดที่มักจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะถ้านักลงทุน “ติดหน้าจอ” เกินไป
และเหตุดังกล่าวจะนำพาปัญหามาอย่างต่อเนื่อง เพราะการสลับหุ้นแต่ละครั้ง ก็ต้องเริ่มศึกษาหุ้นตัวใหม่ ที่โดยปกติจะมีคุณภาพเป็นรองจากหุ้นเดิม ความเข้าใจก็น้อยกว่า และถ้าหาหุ้นไม่เจอ การถือเงินสดนาน ๆ ก็เป็นอะไรที่ยากกว่าการถือหุ้นดี ๆ นาน ๆ มาก
ยิ่งถ้าหุ้นที่ขายเป็นหุ้นห่านทองคำ ประเภทโต 15-20% ได้สบาย ๆ ในอีกหลายปีข้างหน้า ลองสมมุติเล่น ๆ วิกฤตอาจจะทำให้หุ้นตัวหนึ่งตกลงไปที่ PE 7-8 เท่า ถ้าหากว่าวันดีคืนดี หุ้นกลับมาเทรดที่ PE 12-13 เท่า ที่ PE นี้ราคาปัจจุบัน 12 บาท EPS 1 บาท
ราคาเพิ่มจาก 7 บาทไป 12 บาท คือเกือบเท่าตัว คำถามคือเราควรจะขายหรือไม่
ถ้าเราประเมินการเติบโต 15% อีกห้าปี จะได้ EPS 2 บาท ตลาดอาจจะปรับ PE เหลือ 10 เท่า ราคาจะเท่ากับ 20 บาท หรือเท่ากับ IRR 11% โดยไม่ต้องทำอะไรจากวันนี้เลย
ถ้าเรา exit ทันก่อนที่ตลาดจะมาร์ค PE ให้ใหม่ ราคาจะเป็น 24 บาท เท่ากับ IRR 15% และผมก็เชื่อว่าอาจจะไม่ต้องถือยาวถึง 5 ปี แต่สำคัญคือ เราต้องถือให้นานที่สุดตราบที่หุ้นยังเติบโต และไม่ over value มากนัก
เพราะกำไรแค่ปีละ 15% ในระยะยาวก็พาให้เราสู่เป้าหมายได้ ผมว่าทางสายกลาง มองทุกอย่าง อย่างเป็นกลาง ตัดสินใจอย่างเป็นกลาง ผลตอบแทนแบบกลาง ๆ นี่แหละ จะนำพาให้เราลงทุนได้ง่ายและมีความสุขกว่าที่เราคิด
ทางสายกลางจึงเป็นพลวปัจจัยให้มนุษย์หุ้นสิ้นสุดถึงความพ้นทุกข์จากหุ้น ด้วยประการฉะนี้แล

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร