โอกาสสำหรับนักลงทุน

วิธีที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถเอาชนะตลาดได้ นอกเหนือจากการเลือกหุ้นที่ดีแล้ว ยังจะต้องขวนขวายหาโอกาสที่เกิดขึ้นตลอดเวลาอีกด้วย ซึ่งโอกาสที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้น ผมอยากจะจำแนกเป็นสองประเภทใหญ่ ๆ คือ
1.โอกาสที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ในอนาคต ภาษาชาวหุ้นอาจ จะเรียกว่าหุ้นนี้มี story คือหุ้นที่มีข่าวว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานทั้งชั่วคราวและถาวรในอนาคต ที่มีผลต่อกำไรของกิจการ ดังนั้นถ้าเรารู้ว่าหุ้นจะขึ้นเพราะมี story เราก็ควรจะดักซื้อไว้ เพื่อหวังผลกำไรในอนาคต แต่คำถามคือเราจะรู้ได้อย่างไร เพราะในแต่ละวันจะมี story มากมายที่ทั้งเป็นจริง และถูกเสริมเติมแต่ง โดยคนหลากหลายประเภท แล้วแต่วัตถุประสงค์ ซึ่งบางครั้งก็คือหุ้นปั่น
ดังนั้นการหาโอกาสประเภทนี้ สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาคือความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น และผลกระทบต่อกิจการ นอกจากนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราต้อง “รู้ก่อน” ตลาด เพราะถ้าตลาดรับรู้ story นั้นไปแล้ว ราคาอาจจะขึ้นไปรออยู่แล้ว ซึ่งตัวที่บอกที่ดีที่สุดคือการทำ forward valuation ตัวอย่างหุ้นประเภทนี้ที่ผมผ่านมือมาคือ CPN ที่เปลี่ยนจากธุรกิจห้างให้เช่า กลายเป็นห้างเช่าซื้อ ทำให้กำไรขยับมหาศาลและมี pe เพิ่มขึ้น ราคาดีดตัวขึ้นมาจาก 7 บาทเป็น 30 บาท เป็นหุ้นที่ทำกำไรให้ผมเป็นกอบเป็นกำ แต่บางครั้งตลาดก็มีความลำเอียงอยู่ช่วงหนึ่ง คือ นักลงทุน “เคยชิน” กับราคาเก่า ทั้ง ๆ ที่พื้นฐานกิจการและหุ้นตัวนั้นมี story ที่สุดยอดมาก
2. โอกาสอีกประเภทหนึ่งเป็นโอกาสชนิดที่เห็นได้ง่ายกว่าแบบแรก คือโอกาสที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ในอดีต โอกาสแบบนี้มักเป็น “ข่าวร้าย” ที่ทำให้หุ้นราคาตกลงไปมาก สิ่งสำคัญในการฉวยโอกาสประเภทนี้ คือต้องไม่ดูว่าราคาตกลงไปเท่าไหร่ แต่ดูราคาที่ควรจะเป็น เพราะบางครั้งหุ้นขึ้นไปถึงจุดที่เอื้อมไม่ถึงคือ PE 30 เท่า การที่ตกลงมาเหลือ 25 เท่าคงยังไม่ใช่จุดที่น่าซื้อซักเท่าไหร่ เราควรเป็นนักฉวยโอกาส ไม่ใช่ชาวสวนหรือประเภท Contrarian
โอกาสประเภทนี้นอกจากเห็นได้ง่ายแล้ว ยังเกิดขึ้นค่อนข้างบ่อย เพราะธรรมชาติของตลาดหุ้นมักตื่นตูมเกินกว่าเหตุ และมองโลกในแง่ร้าย เหตุการณ์หลายอย่างถูกทำให้ดู “ร้ายแรง” กว่าที่ควรจะเป็น การไตร่ตรองและมีความคิดที่เป็นอิสระจากตลาดโดยไม่ลำเอียงจึงเป็นสิ่งที่ สำคัญ ตัวอย่างที่เห็นบ่อยคือธุรกิจท่องเที่ยวที่มีปัญหาหลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ SARS ซึนามิ ไข้หวัดนก ปัญหาการเมือง และล่าสุดปัญหาหวัด 2009 ซึ่งผมคิดว่ามันก็คงผ่านมาและผ่านไปเหมือนเช่นเคย
สุดท้ายผมคงไม่สามารถบอกได้ว่าโอกาสแบบไหนเป็นโอกาสที่ดีกว่า สำคัญที่สุดคือนักลงทุนต้องมองโอกาสออก และต้องแยกแยะว่าโอกาสนั้นเป็นโอกาสถาวรหรือชั่วคราว สำคัญกว่านั้น คือต้องมองที่มูลค่ากิจการ อย่าสนใจที่ราคาหุ้น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘