วิถีชีวิตที่เราอยากเปลี่ยน!! มองแบบเด็ก เพื่อก้าวผ่านช่องว่างของโอกาสที่เรามองไม่เห็น



ถ้า คุณไปถามผู้ใหญ่ว่า "วิถีชีวิตที่คุณอยากเปลี่ยนคืออะไร" ผมว่าคำตอบที่ได้ก็จะเป็น "หน้า งงๆ ว่าลื้อจะถามไปทำไม..ทุกอย่างมันก็ยุ่งพออยู่แล้ว!!" ...ในทางกลับกันถ้าคุณเอาคำถามนี้ไปถามเด็ก คุณจะได้อีกมุมมอง จนน่าตกใจ "ไม่ว่าจะเป็น รถเหาะ , Time Machine , ร้านเกมส์แบบแจ๋วกว่าเกมปลูกผักใน Facebook"--คือพูดง่ายๆว่า คนถามก็สนุกกับคำตอบที่ออกมาจากเด็ก แต่หดหู่ทุกครั้งจากการฟังคำตอบจากผู้ใหญ่ที่มากด้วยประสบการณ์

หลาย คนบอกว่า ก็นี่เอง เป็นสาเหตุที่เราแบ่งธุรกิจออกเป็นแผนกๆ คนรุ่นใหม่ก็อยู่ในด้านการออกแบบ การสร้างเทคโนใหม่ๆ ส่วนคนที่มีอายุก็อยู่ในส่วนของตรวจสอบ และการป้องกันความเสี่ยง (แล้วมันทำงานด้วยกันได้จริงหรือ!!)

ประเด็นนี้น่าสนใจมาก นั่นแสดงว่า ผู้ใหญ่โตไปพร้อมๆประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้น แต่จินตนาการที่ลดลง ...หรือ อีกนัยหนึ่งคือ"ยิ่งเรียนรู้มาก จินตนาการก็จะหายไปเรื่อยๆ"..คุณสังเกตุไหมว่า สังคมอเมริกา จะสอนให้คนของเขา เป็นเด็กตลอดกาล --ไม่ว่าจะเป็น วิถีชีวิต และความไฮเปอร์ ความอยากรู้อยากเห็นอย่างเหลือเชื่อ

เด็กอเมริกา จะถูกปล่อยให้วิ่งเล่น และเรียนรู้ด้วยตนเอง ในขณะที่เด็กไทยถูกจำกัดกรอบเพียงกรอบเล็กๆ ..จุดนี้ผมมองว่า การที่เด็กอย่างอเมริกาได้ เปิดโอกาสให้ทดลองและเห็นสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา มันเป็นการสร้างประสบการณ์ ที่ท้ายสุดแปรเปลี่ยนเป็น นวัตกรรมทางความคิด ที่ส่งผลให้เด็กฝรั่งทำอะไรอย่างสุดโต่ง ในขณะที่เด็กไทยทำทุกอย่างภายใต้กรอบ

ผลลัพธ์ก็คือ เด็กฝรั่งถูกกระตุ้นให้รักการเรียนรู้แบบลองผิดลองถูก ซึ่งท้ายสุดเป็นการสร้าง Platform ที่เป็นกลไกขับเคลื่อนของการสร้าง "นวัตกรรม(Innovation)"..และสิ่งเหล่านี้เองที่เป็นสิ่งที่ทำให้อเมริกาก้าว ขึ้นมาเป็นผู้นำโลก --ซึ่งจุดนี้หลายๆคนสงสัยว่า การที่อเมริกาก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของโลก มันคือการวางรากฐานจากอะไร "ก็นิสัยความเป็นเด็กหรือความอยากรู้นี่แหละที่ทำให้เขาเจริญ!!" ...เขาไม่ได้โตมาจากการสร้าง Connection และการวางตัวไฮโซ แต่อย่างใด..หุ หุ (สิ่งที่เราพยายามเรียนรู้และสร้าง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเครือข่าย และ Connection มันเป็นสิ่งที่เกิดภายหลังจาก Innovation ต่างหาก --ปัญหาคือ เราพยายามแบ่งตลาดมาจากสิ่งเก่า(อุตสาหกรรมเก่า) แต่ไม่สร้างตลาดใหม่ๆ บ้านเราจึงเป็นสภาวะที่ธุรกิจต้องแข่งขันสูง ภายใต้ผลกำไรและโอกาสของการเติบโตที่แย่ลงเรื่อยๆ)

วันนี้หากคุณ ลดข้อจำกัด ทางความคิดต่างๆลงไปได้ แล้วมองโลกในมุมที่เด็กมอง ..ผมว่าเราจะเห็นสิ่งใหม่ๆที่เราไม่เคยเห็นอีกมากมาย ..จากนั้นก็ค่อยต่อยอดจากมัน!! และนี่คือ ช่องว่างระหว่าง "ความรู้" และ"ความคิด" ที่ขาดการเชื่อมโยงที่ดี!!

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘