การมอง “ค่าของเงิน” (หนึ่งล้านของคุณ กับหนึ่งล้านของผม มีค่าไม่เท่ากัน!!) ทำไม..

ผมนั่งคุยกับหยงถึงประเด็นที่เรา Concern มากๆ นั่นก็คือ Style การลงทุนหรือการ Trade ของคุณ “มันขึ้นอยู่กับ การมองมูลค่าของเงิน ต่างหาก!!) …พูดง่ายๆก็คือ “แต่ละคนมองมูลค่าของเงินต่างกัน” เช่น ถ้าคุณมองว่า 1 ล้านบาท ที่เอามาเล่นหุ้น มันเสียไม่ได้ คุณก็จะเล่นหุ้นแบบเสียไม่ได้ สุดท้ายก็เลยเสียได้ “ขายหมูเสมอ !!”

ใน ทางกลับกัน อีกคน อาจมองเงิน 1 ล้านบาท เป็นเพียงเศษเงิน “จะเสียก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร.. แหม!! แต่ก็ต้องเดือดร้อนนิดๆล่ะ (จะบอกว่าใครจะไม่รู้สึกก็เพี้ยนไปแล้ว!!) …ประเด็นที่ผมกำลังจะชี้ให้เห็นก็คือ ก่อนที่คุณจะตัดสินใจเล่นหุ้นวิธีใด มันขึ้นอยู่กับว่า “คุณมอง มูลค่าของเงินก้อนที่เอามาเล่นมากน้อยเท่าไหร่ ต่างหากครับ” ..หลังจากที่คุณรู้แล้วว่า “คุณมองยังไง” คราวนี้คุณก็ค่อยเลือกวิธีการเล่น

วิธีการเล่นหุ้นมีหลายแบบ ..ตั้งแต่ Value Investor ไปจนสุดขั้วของการทำกำไร นั่นก็คือ Trader
หลัง จากนั่งลง Chat กันอย่างเข้มข้น ระหว่าง “ภาววิทย์” กับ “คุุณหยง” ก็สรุปได้ว่า “โอเคๆ เราลงความเห็นว่า ทุกคนจะต้องพัฒนา กระบวนท่าที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุด “เพราะทุกคนในโลกไม่เหมือนกัน” อ่าฮ้า!! “หมัดเมา” นั่นเอง ที่มันเป็นทางที่เหมาะกับคุณ!!

ย้อนกลับมาที่ประเด็นของ การมองค่าเงิน คุณคิดได้หรือยังว่า “คุณให้ค่า เงินที่คุณจะเอามาลงทุน เท่าไหร่ !!”

อัน นี้ผมขอยกประสบการณ์ตรงมาเป็นตัวอย่าง ผมเล่นหลาย Style มากๆ เพราะผมบริหารเงินให้ทั้งครอบครัว ตั้งแต่ คุณแม่ ซึ่งเงินที่คุณแม่ให้ผมมาบริหาร …คือ เงินเก็บของคุณแม่ ทั้งชีวิต(ส่วนหนึ่ง) ที่เสียไม่ได้ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ (ถูกแล้วครับ Port ของคุณแม่ผม ที่ให้ผมบริหารมันคือ เงิน “โคตรนอน!!”)

ถามหน่อย ว่า “ถ้าโจทย์การลงทุนของคุณคือ เงินนอนที่คุณไม่ต้อง แสดง Performance ในระยะสั้น และก็ไม่จำเป็นต้องมองสั้น …สิ่งเดียวที่เจ้าของเงินสนใจก็คือ Performance ในระยะยาว ..คำถามคือ “คุณจะเลือก Style การลงทุนแบบไหนล่ะ!!”
ถูก แล้วครับ!! ข้อจำกัดของเงินทุน “Port คุณแม่ อาจทำให้ Fund Manager ทั่วโลกอิจฉาผม!!” ผมไม่ต้องโชว์ Performance ทุกๆ Quarter ..ดังนั้น สิ่งที่ผมแข่งก็คือ “เงินฝาก กับ พันธบัตรรัฐบาล”

…เป็นไงยากไหม ครับ ถ้าเวลานี้ “คุณจะบริหาร Port ให้เสี่ยงน้อยสุดๆ และ Performance ชนะ “เงินฝาก กับ พันธบัตรรัฐบาล” …อิ อิ คำตอบคือ “โคตรจะง่าย!!” ผมก็เริ่มจาก หนึ่ง โยน Port ใส่หุ้น Blue Chip ที่เจ๊งไม่ได้ สอง ปันผลดีกว่า “เงินฝาก กับ พันธบัตรรัฐบาล” สาม ผมก็โยนเข้าไปในกิจการที่อยู่ใน Cycle ขาลง ที่ในอนาคตพอขาขึ้น ผมก็จะได้ Capital Gain อีกเป็น “สองเด้ง !!”

ถ้า ผมพูดถึงหุ้นที่ สมัยก่อนเกิด วิกฤตต้มยำกุ้ง …คุณจะหาซื้อหุ้นอะไรที่ตอบโจทย์สามข้อของผม --- (ปันผลชนะพันธบัตร เจ๊งไม่ได้ และอยู่ใน Cycle ขาลง) “ผมตอบให้เลยว่าหุ้นแบบนี้มันไม่มี!!” …แต่คุณรู้ไหม “ตอนนี้มันมี!! ..และหุ้นเหล่านี้นั่นเอง ที่ผมเอาเงินเก็บ Port คุณแม่ ของผมโยนเข้าไป” …ผมบอกคุณแม่ว่า นี่คือ โอกาสทอง

(สมัย ตอนช่วง หลังเกิดต้มยำกุ้ง หุ้นถูกจริงแต่ มันไม่ให้ปันผลเลย!! …แต่ตอนนี้หุ้นไม่ถูกมาก แต่ก็ยังถูก -- แต่ที่แน่ๆ กิจการมันไม่ได้ใกล้จะเจ๊ง เหมือนสมัยต้มยำกุ้ง แถมให้ปันผลดีกว่า พันธบัตร)

ทีนี้คุณเข้าใจหรือยังว่า “ผมเลือกหุ้นอะไร ตอบโจทย์ Port คุณแม่” …ง่ายจะตาย !! อิ อิ

วันนี้ คุณแม่ นั่งเสียวบอกว่า “ pat แล้วถ้ามันเกิด Double Dip ล่ะ” คำตอบของผมที่ทำให้คุณแม่สบายใจก็คือ “แม่ก็เอาปันผลที่รับๆมาตั้งแต่ ปีที่แล้ว เข้ามาซื้อหุ้นตัวเดิม ที่ราคามันตกลงไปไง …หุ้นถูก ยิ่งซื้อได้ถูก --โคตรกำไร!! มีแต่จะซื้อ

---ของอย่างนี้ ขายก็โง่แล้วครับ …เดี๋ยวพอเศรษฐกิจดี พันธบัตรให้ดอกเบี้ยสูงๆ ผมก็จะขายหุ้นที่ถือทิ้งไป แล้วโยกกลับมาถือพันธบัตรครับแม่!! …ตอนนี้ก็ชิวไป รวย รวย รวย!! “ครับคุณแม่”

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘