ทำไมคนทั่วโลกชอบซื้อทองแพง ..ตอนถูกไม่เห็นมีใครอยากซื้อ!!

มีใครสงสัยเหมือนผมบ้างว่า "ทำไมเวลานี้ ทองแพง คนยิ่งซื้อ ..แต่ถ้าย้อนไปก่อนหน้านี้ที่ราคาทองประมาณบาท 4 พัน ตอนนั้นไม่เห็นมีใครอยากซื้อทอง --คุณว่ามันแปลกไหม!!"

"ไม่แปลกหรอก เพราะเราชอบซื้อของแพงไง ... ก็เพราะของแพง มันใกล้ดอยแล้วไง คือ สัญชาตญาณของมนุษย์ ได้สร้างให้เราชอบอยู่สูงไงล่ะ ... การอาศัยอยู่ยอดดอยเป็น สถานที่ใฝ่ฝันของคนส่วนใหญ่.. อิ อิ" ...ถ้าผมรวย ผมจะไปสร้างบ้านพักที่ยอดดอย"เย็นสบาย" แต่ก็อย่างที่เราเข้าใจกันว่า ทุกคนใจร้อนจึงอยากไปอยู่เร็วๆ เลยกระโจนไปครองยอดดอยก่อนใครๆ .. อิ อิ (ฮากลิ้ง)

ประเด็นคือ มันไม่ใช่แค่ทอง แต่มันเป็นทุก Asset คือ ถ้า Asset ไหนมันแพง คนก็ยิ่งเข้าไปซื้อ ...ยิ่งเข้าไปซื้อ มันก็ยิ่งแพง ยิ่งแพง ...ผมไม่รู้ว่าความหวังของแต่ละคนคืออะไร ตรงนี้สามารถย้อนมามองพฤติกรรมการเล่นหุ้นของคนส่วนใหญ่ได้เลย อย่างหุ้น CPF ตอนที่มันอยู่ 3 บาท ราคามันก็นิ่งอย่างนั้นเป็นสิบปี ไม่เห็นมีใครอยากซื้อ แต่พอมันพุ่งขึ้นมา 30 บาท ทุกคนก็แห่เข้ามาสนใจ "คุณว่าทำไมล่ะ" ... เออ ทำไมล่ะ หรือ คนส่วนใหญ่คิดว่า เวลานี้หุ้นมันถูกมาก แล้วมันจะขึ้นไปต่อ เป็นสัก 100 บาท รึเปล่า .. หรือ 200 หรือ 300 บาท "จริงหรือ"

"ผมถามจริงๆ คุณลองมองภาพตรงนี้ แล้วลองคิดว่า --- ถ้าคุณจะหาประโยชน์อะไรจาก พฤติกรรมของคนส่วนใหญ่ ...คุณจะทำยังไง"

ใช่!!ง่าย มาก ..คุณก็อย่าไปทำเหมือนคนส่วนใหญ่ซิครับ .... ถ้าพูดเรื่องทอง ถามว่าผมมองยังไง .. ส่วนตัวผมก็ชอบทองอ่ะนะ แต่ราคาอย่างนี้ ผมไม่ชอบ เพราะตอนนี้ทองมันขึ้นมาแพงจน อุตสาหกรรมอะไรต่างๆ เริ่มเลี่ยงการใช้ทอง โดยหาอย่างอื่นมาแทน ..ดังนั้น จะเหลือก็แต่เครื่องประดับ ซึ่งหากราคาทองขึ้นไปเรื่อยๆ ..เครื่องประดับทองก็ลดการใช้ลงเรื่อยๆ จนเหลือแต่ การใช้อย่างเดียว นั่นคือ "การลงทุน และ การเก็งกำไร"

หาก วัตถุชิ้นหนึ่งๆ สร้างขึ้นมา เพื่อการเก็งกำไร ..คุณค่าของมันก็จบที่การ หยุดเก็งกำไร ...นี่แหละความสยองของ ศาสตร์แห่งฟองสบู่ หรือ Bubble !!

ตั้งแต่ อดีตจนถึงปัจจุบัน ถ้าให้ผมฟันธง ผมบอกได้เลยว่า โลกเราจะต้องมี Bubble & Crash สลับไปมาเรื่อยๆ ...คุณค่าที่แท้จริงของสิ่งต่างๆ ไม่ใช่อยู่ที่การเก็งกำไร แต่อยู่ที่อัตถประโยชน์ที่แท้จริงจากมัน

วันนี้ หลายคนบอกว่า ภาววิทย์คุณโลภซื้อหุ้น "ผมถามหน่อยว่า คุณเอาอะไรมาวัดว่าสิ่งที่ผมทำ มันคือสิ่งที่เสี่ยง" ..เสี่ยงไม่เสี่ยง อย่างที่บอกว่า ผมมองที่อัตถประโยชน์ของสิ่งนั้นๆ ที่มีต่อมนุษย์

"หุ้น ปันผล" พื้นฐานดีที่ผมเลือกถือ ..ผมมองว่า สิ่งที่มันให้ประโยชน์ผมก็คือ "เงินปันผล" เพราะในเมื่อผมไม่ได้ซื้อๆขายๆ ดังนั้น ในระยะสั้น การขึ้นลงของราคาหุ้น มันไม่ได้เกี่ยวกับผม ..สิ่งที่เกี่ยวกับผมในฐานะนักลงทุนระยะยาว ณ เวลานี้ ก็คือ ความสามารถในการทำกำไร และ การปันผลแต่ละปี ที่ผมจะได้รับจากบริษัทที่ผมลงทุนต่างหาก

"แล้วในวันที่นักลงทุนระยะ ยาว หรือ VI อย่างผม จะขายหุ้น.... ก็เมื่อผมมองว่า กิจการเริ่มให้ประโยชน์ ในเรื่องผลตอบแทน ได้แย่กว่า Asset อื่นๆ" ..และเมื่อผลตอบแทนจริงๆ ผมลดลง ผมก็ควรที่จะขายหุ้นที่ผมถือ แล้วโยกเงินไปสู่สิ่งที่ให้ประโยชน์มากกว่า ..ซึ่งในอนาคตอาจจะเป็นเงินฝากหรือ พันธบัตร ก็เป็นได้ ..เพราะก่อน Bubble จะแตก เศรษฐกิจต้อง Peak ก่อน นั่นหมายถึงเศรษฐกิจจะต้อง Boom ก่อน และ ระหว่างที่บูม ดอกเบี้ย ย่อมสูง ...(ขนาบรับกับมุมมอง ดอกเบี้ยขาขึ้น ในเวลานี้จริงๆ)

..."ทำไมต้องแห่ซื้อเหมือนคนอื่นล่ะ!!" --- ใครสามารถ Overcome ความรู้สึกตรงนี้ได้ ยังไงคุณก็รวย !!
...
(ปล. บทความนี้ เขียนเตือนให้ลงทุนอย่างมีสติ ..แต่ทองตอนนี้ยังไม่ใช่ขาลง มันจะไปต่ออีกเยอะ ... เพียงแต่ต้องเข้าใจว่าเราทำอะไรอยู่ เราอยู่กับอะไร เท่านั้นเองครับ..เวลานี้ทุกอย่างรอบตัวผันผวน น่ากลัว จึงต้องเดินอย่างฉลาดและระมัดระวังครับ!!)

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘