การตั้งเป้าหมายในการลงทุน

ในวงการหุ้น เป้าหมายที่นิยมที่สุดของนักลงทุนที่ผมได้ยินคือ อยากมีอิสรภาพทางการเงิน (หรืออยากรวย) ซึ่งจำนวนเงินแตกต่างกันไปในแต่ละคน โดยอาจจะมีกำกับไว้ว่าภายในกี่ปี หรือภายในอายุเท่าไหร่ รอง ๆ ลงมาคืออยากได้กำไรเป็นจำนวนเงินกี่ % ต่อปี รอง ๆ ลงมาคืออยากชนะ benchmark เช่นดัชนีตลาดเป็นต้น

การมีเป้าหมายในการทำบางสิ่งบางอย่างเป็นสิ่งที่ดี เพราะช่วยให้เรามีความมุ่งมั่น ส่วนตัวผมเองก็ตั้งไว้เหมือนกัน แต่บางครั้งก็เป็นดาบสองคม (โดยเฉพาะกับนักลงทุนที่เพิ่งเข้าตลาดหลังจาก Crisis ครั้งนี้) เลยลองนึกขึ้นมาว่าการตั้งเป้าหมายที่มีคุณภาพสำหรับการเป็นนักลงทุนระยะยาว เป็นอย่างไร
1. ตั้งเป้าหมายเป็น % ตัวเลขผลตอบแทน
เป็นการตั้งเป้าหมายแบบ Basic ที่สุด คือกำหนดเป้าหมายเป็นตัวเลข เช่นต้องการ 10%, 20%, 30%, ต่อปี เป็นวิธีที่ง่ายแต่ไม่ค่อยสมเหตุสมผลนัก ยิ่งถ้าเป็นการตั้งเป้าหมายแบบสั้น ๆ เฉพาะในปีนั้น ๆ แล้ว เพราะอันที่จริงแล้ว ราคาหุ้นเป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ บางครั้งหุ้นที่เราเลือกมีผลประกอบการที่ดี แต่ราคากลับไม่ตอบสนองในทันที หรือแม้กระทั่งตั้งเป้าหมายโดยดูผลงานนักลงทุนท่านอื่น ๆ เพราะวิธีการลงทุน หุ้น และการบริหารความเสี่ยงก็มีความแตกต่างกัน การตั้งเป้าหมายให้มีคุณภาพ ควรจะวัดผลเมื่อผ่านไป 7-10 ปี เพราะมันแสดงว่าคุณผ่านวัฏจักรเศรษฐกิจครบแล้วหนึ่งรอบ ดังนั้นการตั้งเป้าหมายเป็นตัวเลขผลตอบแทนระยะสั้น ๆ อย่าง 1 ปีถือเป็นการตั้งเป้าหมายที่มีคุณภาพต่ำที่สุด
2. ตั้งเป้าหมายเป็นจำนวนเงิน
เป็นเป้าหมายที่ค่อนข้างเกี่ยวข้องกับอิสรภาพทางการเงินโดยตรง เช่นอยากมีเงินใช้เดือนละ 30,000 บาท ปีละ 360,000 บาท ถ้าคิดที่ปันผล 4% คือประมาณพอร์ตเท่ากับ 10 ล้านบาท เป็นต้น ในการคิดลักษณะนี้ก็ควรจะคิดเผื่อเงินเฟ้อในอนาคตเผื่อเอาไว้ด้วย อีกทั้งจำนวนเงินก็จะมีความแตกต่างกัน ตาม Lifestyle ของแต่ละคน สำหรับการตั้งเป้าหมายแบบนี้จะมี input ที่มีผลต่อความสำเร็จ 3 อย่าง คือ จำนวนเงินต้น, ผลตอบแทน, และระยะเวลา หลายคนพอตั้งเป้าหมายนี้ก็มักจะมองแต่วิธีการเพิ่มผลตอบแทนให้สูงที่สุดเท่า ที่จะทำได้ ในความคิดผมสิ่งที่สำคัญกลับเป็น ระยะเวลาในการลงทุน ซึ่งควรจะมองประมาณ 20 ปีขึ้นไป บางคนแม้จะมีระยะเวลาลงทุนที่สั้นกว่านี้ ก็ควรจะชดเชยระยะเวลาด้วยเงินต้นที่มากพอ ซึ่งอาจจะเกิดจากการประกอบอาชีพหรือการอดออมอย่างมีวินัย ดังนั้นถ้าคำนวณแล้วไม่ถึงเป้าหมาย ก็อย่าเพ้อฝันโดยการเพิ่มตัวเลขผลตอบแทน เพราะมันจะทำให้คุณได้เป้าหมายที่ไม่มีคุณภาพเช่นกัน จำไว้ว่านักลงทุนประเภทเริ่มต้น 50,000 บาท แล้วมีพอร์ตเป็นสิบ ๆ ล้าน มีไม่เยอะอย่างที่คุณคิด
3. ตั้งเป้าหมายเป็นกิจกรรม
การตั้งเป้าหมายแบบนี้ ถือว่ามีคุณภาพสูงสุด คือตั้งเป้าหมายเป็นกิจกรรมที่เราทำแทนที่จะตั้งที่ผลลัพท์ (ซึ่งเราควบคุมมันไม่ได้เลย นอกจากจะเพิ่มความเสี่ยงโดยไม่จำเป็น) ปัจจุบันผมตั้งเป้าว่าจะต้องเลือกหุ้นดี ๆ กรองมาศึกษาในได้เดือนละ 1 ตัว (หรืออาจจะ review หุ้นเก่า ๆ ที่เคยดูมาแล้ว) โดยจะต้องศึกษามันให้ได้อย่างลึกซึ้ง หรือจะต้องศึกษาผู้บริหารหรือตัวกิจการที่เราถือเพิ่มขึ้น ให้ลึกซึ้งมากขึ้น หรือศึกษาโครงสร้างอุตสาหกรรมต่าง ๆ ว่ามีรูปแบบการทำธุรกิจได้อย่างไร ตั้งเป้าหมายเป็นการอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับการลงทุนก็เป็นเป้าหมายที่ดี เหมือนกัน การตั้งเป้าหมายแบบนี้ ทำให้แปลงเป้าหมายเป็นสิ่งที่เราควบคุมได้ ซึ่งจะส่งผลต่อผลลัพท์ในที่สุด ปีไหนถ้าผมไม่เจอหุ้นใหม่ ๆ เลย ก็จะถือว่าค่อนข้างล้มเหลว บางครั้งผลตอบแทนจำนวนมากในปีนี้ เกิดจากการเจอหุ้นที่ดี ด้วยการทำการบ้านที่หนักจากปีก่อน ๆ
ปีหน้าคุณจะตั้งเป้าหมายว่าจะศึกษาหุ้นกี่ตัวดีครับ ?

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘