"สมบัติพลัดกันชม" การเมืองสอนนักธุรกิจ

ถ้ามองตามอดีตจะเห็นได้ว่า ไมใครที่เก่งหรือ ขึ้นเหนือ ธรรมชาติได้ ผมเชื่อว่ากฏแห่งแรงดึงดูด ไม่ได้มีผลเฉพาะทางกายภาพเท่านั้น แต่หุ้นและธุรกิจก็อยู่ภายใต้กฎเช่นเดียวกัน

เริ่มจากตระกูล ร่ำรวยในอดีต เช่น ล่ำซำ โสภณพนิช ต่างเคยรุ่งสุดๆในยุค 90 แต่พอผ่าน 1997 ตระกูลเหล่านี้เสียเงินอย่างมหาศาล --- หลายคนกล่าวว่า ไม่ว่าธุรกิจใด ไม่สามารถที่จะรุ่งได้เกิน 3 Generation อย่าง Toyota พอเปลี่ยนมือ ให้รุ่น 3 ก็เริ่มเน่าทันที --- ธนาคารกสิกร ธนาคารกรุงเทพ

มาสู่ยุคนี้คนที่รวยในอัตราเร่ง ก็เช่น PS คุณ ทองมา หรือ อย่าง CPALL 7-11 แต่ตัวดึงของ CP ก็คือ TRUE หักลบเลยไม่ไปไหน --- ดังนั้น ใครรวยต้องรีบหลบ ไม่งั้นพอผ่านไปก็จะตกม้าตาย

--อย่างในกรณีของ โรงหนัง เมเจอร์ 5 ปี ก่อน รุ่งสุดๆ คุณ วิชา ลงใน Magazine ทุกฉบับว่า เก่งสุดขั่ว จับอะไรก็เป็นทอง ลองดูตอนนี้ซิครับ หุ้นร่วงอย่างแย่ จับอะไรก็เน่า เช่น California WOW เน่ามากๆ คุณวิชาต้องยอมขายหุ้นทิ้งขาดทุน

จากที่กล่าวมา ผมสรุปง่ายๆเลย อะไรที่ดีในปัจจุบัน ในอนาคตมันก็จะไม่ดี แต่อะไรที่มันไม่ดี (ถ้าไม่เจ๊ง) มันก็จะดีขึ้นในอนาคต " ดี จะ เน่า -- ส่วนเน่า จะ ดี /เป็นอย่างนี้เรื่อยไปคร๊าบ...."

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘