BDI Index ตัวชี้วัดว่าการค้าของโลกดีจริงหรือเปล่า !!



วันนี้จะขอยก BDI Index มาคุยกันซะหน่อย ..เพราะจริงๆ BDI Index มันมีความเกี่ยวข้องกับภาพรวมของการค้าโลกเอามากๆเลยทีเดียว

BDI Index คืออะไร .."มันก็ตัววัดค่าระวางเรือ (ค่าเดินเรือ ...ว่างั้น)" ...ถ้ามีการค้าขายมาก ค่าเดินเรือก็จะสูง ตาม Demand (ความต้องการใช้เรือ) ของตลาด

อย่างกราฟที่ยกมา จะแสดงให้ดูถึงการขึ้นลงของ BDI Index ตั้งแต่ปี 2000 - 2010 ..เริ่มจากปี 2000 ตั้งแต่ Dot com Bust แล้วก็ตามด้วย 9-11 การค้าทั่วโลกซบเซา ..ดู BDI Index ช่วงเวลานั้น ย่ำแย่มาก ..จากนั้นพอปี 2003 - 2005 ก็เริ่มมีการฟื้นตัวของค่าระวางเรือ ...จากนั้นก็แย่อีก 2 ปี ..แล้วก็มา Boom แรงๆเลยก็ปี 2007 - 2008 จากนั้นก็ ย่ำแย่ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน

"คุณเห็น Cycle ของมันไหม!!" .."ถูกต้อง 2 ปี..ขึ้น / อีก 2 ปี ลง ..ตอนนี้แย่มา 2 ปีแล้ว ...หมายความว่าอะไร!!" ...หมายความว่า ตาม Cycle ...อย่างขี้หมูขี้หมา มันก็น่าจะขึ้นได้ในปีหน้า (เอ๋อ!! แต่ว่าทุกคนมองว่ามันยังไม่ฟื้นนะ ทุกคนออกมาบอกว่า การค้าจะซบเซาอีกนาน อย่างอเมริกากับยุโรปก็ไม่ฟื้น ...คำถามคือ คุณเชื่อ Cycle หรือ คุณเชื่อลมปาก !!)

เอ๊ิก ๆ ๆ ..ผมมองอย่างนึงนะว่า ลมปาก "เหม็นเสมอ" ..นอนหลับไปหนึ่งคืน พอตื่นขึ้นมาน้ำลายยังบูดเลย !! ..เอาเป็นว่า เมื่อคนส่วนใหญ่เห็นว่า การค้ามันไม่ฟื้นจริงๆ .."หากคุณเป็นชาวสวน ..สวนไปเลย!!" (บ้ารึเปล่า)

ผม เชื่ออยู่อย่างนึงจะครับว่า "คนที่ประสบความสำเร็จได้ ต้องคิดต่าง และทำต่าง ..ปัญหามันอยู่ที่ เวลาทำต่างแล้วมัน จะไม่มีกินอะดิที่สร้างปัญหา แต่คนที่มีความสามารถที่จะแตกต่างแล้วยังมีกิน ..."จงทำต่าง ไปเถอะครับ .. นั่นหมายความว่า คุณมีโอกาสสำเร็จมากกว่าคนทั่วไป!!"

ทุกๆเช้า ผมชอบหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่าน คือ พยายามมาดูว่า เมื่อคนส่วนใหญ่อ่านแล้วเขาคิดอะไร "นี่แหละ Market Research ชั้นดีของผมเลย" ...อย่างละครน้ำเน่าที่ดูๆกัน จริงๆ ถ้าจะมองให้เป็นประโยชน์ มันมีประโยชน์นะครับ (ยังไง ..งง ..ไหม)

เดี๋ยว นี้ละครทีวี "สั้น เนื้อหากระซับ ..ไม่ยืดเยื้อเหมือนละครโบราณ" ..จุดนี้มันชี้ให้เห็นเลยว่า พฤติกรรมของคนเปลี่ยนไป เขาเรียกว่า "Short Attention" (พูดง่ายๆก็คือ คนเดี๋ยวนี้ความอดทนต่ำ ไอ้หนังยาว หนังสือยาวๆ ไม่อ่านหรอก ..ทนไม่ไหว) ..อย่างนี้ก็ง่าย พอนักการตลาดออกสินค้า อะไร หรือ จะโฆษณาอะไร ก็เอาจุดนี้มาวาง "คุณก็เข้าถึงใจคน" ..ประเด็นคือ ความเข้าใจมนุษย์นะ ที่มันสำคัญต่อความสำเร็จ .."บางคนอ่านหนังสือ หรือเรียนแทบตาย พอทำงานจริงไปไม่รอด ...ปัญหาคือ มันไม่มี Common Sense ...งั้นดูละครน้ำเน่า ยังจะเอามาประยุกต์คิดได้ประโยชน์กว่าเลย ...เอิ๊ก ๆ ๆ ๆ

กลับมาประเด็น BDI Index ผมจะสื่ออะไร ...ผมเผอิญอ่านสัมภาษณ์ผู้บริหารหนุ่มของ TTA ....ผมมอง กิจการนี้มันมีอนาคต เพียงแต่หลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่า TTA จะทำอะไร ก็ผิดไปหมด เช่น ลงทุนเรือขุดเจาะ ก็เจอวิกฤต BP สกัด ทำให้งานหาย เพราะตลาดสะดุด เกี่ยวกับการขุดเจาะน้ำมันในน้ำลึกชั่วขณะ หรือ ที่ TTA ไปซื้อ UMS ก็กลายเป็น ถ่านหินก็สะดุดเล็กน้อย .."สรุปจับอะไร กระตุกหมด" ...แต่สิ่งที่ผมสนใจไม่ใช่ภาพระยะสั้น มันกลับเป็นภาพระยะยาวที่น่าสนใจ

ผม มอง TTA เป็นกิจการคล้ายๆบ้านปู (ธุรกิจ BANPU นี่ผมเสียดายมาก เพราะผมขายหมู ทิ้งหุ้นไปตั้งนานแล้ว สาเหตุหลักๆ คือ ผมดันไม่ศึกษาลึกๆว่า ที่จริงแล้ว บ้านปู ภายนอกคนมองว่า เป็นธุรกิจถ่านหิน แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่ !! ... BANPU ผู้บริหารเก่งมาก เขามองตัวเขาเองเป็น Fund Manager ดังนั้น เขาจะลงทุนในทุกอย่างที่มีโอกาส โดยไม่จำกัดอยู่ที่ว่า ..เราทำธุรกิจอะไรแล้ว เราต้องสมองแคบอยู่กับธุรกิจนั้นๆ (คิดอย่างนี้ตาย ไปไม่รอดในอนาคต) .

..ถ้า ผู้บริหารยุคนี้ คิดอย่าง Fund Manager ไม่เป็น ..ธุรกิจไปไม่รอดหรอก "ผมว่าที่รัฐบาลมาเบรก PTT ไม่ให้ซื้อ Carrefour ..เป็นการกระทำที่ไร้วิสัยทัศน์" ..ผมอยู่ออสเตรเลียมานาน ผมเห็นเลยว่า ธุรกิจสมัยใหม่ มัน Cross กันไปหมดแล้ว อย่างค้าปลีกของเขา ยังมาผูกขาดปั๊มน้ำมันเลย ..แล้วทำไมธุรกิจค้าน้ำมัน จะผูกขาดค้าปลีกบ้างไม่ได้ !!

ก็นี่แหละครับที่ผมชอบ "ผู้บริหารที่วางตัวเป็น Fund Manger" ..เพราะอย่าง TTA ตอนนี้เขาเตรียมเงิน 30,000 ล้าน เพื่อเตรียมไป Take Over กิจการ ..ซึ่งในอนาคตจะสำเร็จหรือไม่ มันก็ต้องรอดู (อย่างบ้านปูนี่ชัด ที่แสดงถึง ความเก่งในการบริหารภาพใหญ่ ..ขนาด Forbes Magazine ยังยกย่อง มุมมองของ BANPU เลย เพราะจริงๆ เมืองไทยมีถ่านหินไม่มาก แต่กลายเป็นว่า BANPU ไม่ได้มองตัวเองจำกัดแค่ถ่านหินในเมืองไทย แต่เขามองว่าเขา Global ..จึงไปซื้อถ่านหินทั้งใน อินโด ออสเตรเลีย และก็จีน ..."นี่แหละครับ วิสัยทัศน์ ที่มองในภาพใหญ่"

แต่ทั้งนี้ ทุกอย่างต้องอาศัยเวลาและความอดทน "ผมฝากเรื่องนี้ไปคิดกันนะครับ ..ยุคนี้ ต้อง (ทั้งเก่ง ทั้งอึด) ..ขาดตัวใดตัวนึงก็ยากที่จะสำเร็จ!!" ((เก่ง + อึด = Success !! ))

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘