เรื่องเล่าจาก Banker โดย ภาววิทย์ (ตอนที่ 3)



ตอน : "เงินทองของมายา ข้าวปลาซิของจริง" (ยืมใช้ๆ หุ หุ)
เช้า นี้หยิบอ่านหนังสือพิมพ์ Post today เจอพาดหัว "คนมีกินรวบ ศก." ..โห!! ขึ้นต้นด้วยสัจธรรมเลย (แปลกตรงไหนเนี่ย มันเป็นอย่างนี้ทั้งโลก!!) ..ผู้เสียภาษี 37% ทั่วประเทศมีแค่ 6 หมื่นคน(เอ๋อ!! รัฐจะหารายได้จากไหน เออ..เพิ่ม VAT ละกัน ดีไหมเนี่ย..เฮอะๆ คิดยังไงคนจนก็ซวยอยู่ดีอ่ะ!!)

จาก สถิติคนรวยสุด 20% ของประเทศมีรายได้คิดเป็น 54% ของ GDP ..ส่วนคนจน 20% มีรายได้แค่ 4.8% "ต่างกัน 11.3 เท่า" (เงินฝากธนาคาร บัญชีที่มีเกิน 1 ล้านบาทมีแค่ 1.2% จากบัญชีทั้งหมด แต่มีจำนวนเงินถึง 71% ของเงินฝากทั้งระบบ)

เห็นภาพไหมครับว่า คนรวยเพียงหยิบมือ Control ทุกอย่างในประเทศ ซึ่งในหลักการของทุนนิยม (ชื่อก็บอกแล้วว่า "นิยม(ทุน)" ดังนั้น ถ้าคุณไร้ทุน คุณไม่เป็นที่นิยม สรุปติดกับดัก Rat Race (ของ Rich Dad) คือ วิ่งวนใช้แรงงานจนตาย แต่ไม่เคยรวย ---คุณว่าคนเงินเดือนเป็นแสนรวยไหม !!

"ตอบเลย"ในมุมมองของ Banker ถ้าคุณเงินเดือน "หนึ่งแสนขึ้น" คุณไม่รวยแต่คุณเป็น "เหยื่อ!!" เพราะ Sophisticated Product หรือ Product ซับซ้อนๆต่างๆพุ่งเป้าไปที่คุณ!! ไม่แปลกที่ทุกวันนี้แต่ละคนพกบัตรเครดิตไม่ต่ำกว่า 5 ใบ รวมทั้งมีหนี้บ้าน!! (หนี้บ้าน = หนี้หัวบาน!!..อิ อิ ผ่อนกันจนตาย) แต่อย่างน้อย Banker และรัฐบาลทั่วโลก ภายใต้ระบบทุนนิยม จะสรรเสริญคุณ เพราะคุณเป็น "กลไกเดียวที่ทำให้ระบบเงิน เดินต่อไป" (ระบบเพิ่ม Supply ของเงินไปเรื่อยๆ)--ทุกๆ 1 บาทที่ผ่านธนาคาร และวนจนถึงมือผู้กู้ มันได้ multiply ไป 9 เท่า..ยิ่งเศรษฐกิจดี คนกู้ยิ่งเยอะ กู้ธุรกิจ กู้บัตรเครดิต กู้บ้าน มันก็ยิ่งทำให้ Supply ของเงินพุ่งในอัตราเร่ง!! แหมมันส์จริงๆ "ตราบเท่าที่ Rat Race นี้ยังคงหมุนต่อไป ต่อไป ๆ...

ผม นั่งอ่าน นสพ. เห็นความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจนยิ่งมาก มันยิ่งสะท้อนใจ เพราะทางแก้พื้นฐานอย่าง การให้ "ปัญญา" ยังไม่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ ...(ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ผมได้ร่วมกับ "คุณหยง Trader (อิสระ)" ผู้หาเงินอย่างไม่ต้องเป็นลูกน้องใคร ร่วมกันต่อตั้ง Monkey Trade (http://monkeytrade.blogspot.com) เป็น Blog ที่สนับสนุนทางปัญญา ..พูดง่ายๆว่าเป็นทางเลือก ของการเดินทางสู่ Financial Freedom ในโลกแห่งทุนนิยม

ทุก วันนี้ชาวนาเรา กับชาวนาฝรั่ง รวยจนต่างกันราวฟ้ากับเหว สิ่งที่ต่างไม่ใช้พลังกาย แต่มันเป็นเครื่องมือ หรือ Instrument ทางการเงิน อย่าง Derivative (พวก Future, Option) -- คือชาวนาฝรั่งเขารู้"กำไรก่อนไถหว่าน"(ยืมคำพูดลุงโฉลกมาใช้ครับ!!) ดังนั้น ไม่แปลกที่ชาวนาเราจน เพราะเราไม่เคยรู้"กำไรก่อนไถหว่าน ทำให้มีโอกาสขาดทุนได้ตลอดเวลา"ในขณะที่ชาวนาฝรั่งสามารถ ล็อกราคาขายล่วงหน้าไว้เรียบร้อยแล้ว "นี่แหละความต่าง มันคือเครื่องมือทางปัญญา ที่คนรวยในบ้านเราไม่เคยคิดจะแจกจ่ายคนจน!!"

ใน ฐานะ Banker ตัวเล็กๆคนนึง ผมทำอะไรไม่ได้มาก ก็ได้แต่ช่วยแนะนำได้ว่า "ปัจจุบันเครื่องมือทางการเงิน(Financial Innovation)ที่เกิดขึ้นมา มันไม่ใช่เรื่องไกลตัวของท่านอีกต่อไป...ยิ่งการเคลื่อนย้ายเงินทำได้รวด เร็ว ประกอบกับเรามี "หมาป่าทางเศรษฐกิจ"ที่อาศัยเครื่องมือ เหล่านี้สร้างความได้เปรียบ จากความรู้ที่มากกว่า ..ส่งผลให้ความมั่งคั่งในปัจจุบัน เคลื่อนย้ายไปมาระหว่าง Asset Class อย่างรวดเร็ว

ไม่แน่ "เงินสดที่คุณถืออยู่ในมือ อาจมีมูลค่าลดลงครึ่งนึง เหมือนที่เคยขึ้นกับเราทุกคนในช่วงยุคต้มยำกุ้ง แต่ในอัตราที่เร่งกว่า และมากกว่า ในไม่ช้านี้(เจอแน่)!!" ..จงใช้ปัญญาของคุณ เตรียมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น!!

Are you Ready (ครับ)!!

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง พ.ศ. ๒๕๔๓ วันพฤหัสบดี ที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๓

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นเอก สอบในสนามหลวง พ.ศ. ๒๕๔๓ วันเสาร์ ที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๓