“AEC” ตัวที่จะทำให้คุณรวย !! (ด้วยที่ดิน)



AEC ย่อมาจาก ( ASEAN Economic Community ) ..ประเด็นที่น่าสนใจคือ เมื่อ ASEAN รวมตัวกันได้ ก็จะทำให้เกิด Win-Win นั่นก็คือ ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศสมาชิกมีการขยายตัวขึ้น หัวใจของการรวมตัวก็เพื่อที่สร้าง Single Market และก็ Single Production Base

ภาพรวมของ กลุ่ม AEC คือ มีประชากรรวมกัน 601 ล้านคน ( คิดเป็น 8.8% ของประชากรทั้งโลก ซึ่งถ้าสามารถรวมตัวกันได้จริง ตามเป้าหมายที่วางไว้คือปี 2015 จะทำให้กลุ่ม AEC มีขนาดของเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 9 ของโลกที่ขนาด $1,800 billion ) …เทียบกับเศรษฐกิจโลกคือ $57,937 billion ซึ่งประกอบไปด้วยอเมริกา $14,256 billion , EU $12,517 billion ,ญี่ปุ่น $5,068 billion , จีน $4,910 billion เป็นต้น

หากคุณเป็นผู้ประกอบการ สิ่งที่น่าสนใจ คือ การเข้าไปใช้ประโยชน์ ในเรื่องการหาแรงงานที่ราคาถูก และ สามารถผลิตใกล้แหล่งวัตถุดิบ

มี วัตถุประสงค์ของการรวมตัวของ AEC จะประกอบไปด้วย 5 ด้านคือ 1. Free flow of goods 2. Free flow of Investment 3. Free flow of capital 4. Free flow of skilled labour และ 5.Free flow of services

ลองดูซิครับ ใครได้ประโยชน์ (ถูกต้อง!! ..คนได้ประโยชน์ คือ คนที่สามารถเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น)
วัน ก่อนระหว่างผมขับรถในเมือง ก็ผ่านไปเห็นที่ดินผืนงามๆ มากมายในกรุงเทพ ผมก็คิดว่า “โห!! เจ้าของที่ ทำเลดีๆอย่างนี้ใจกลางเมือง คงรวยสุด ..แล้วใครเป็นเจ้าของ!!” ..จากนั้นผมก็ลองนึกๆว่า ถ้าเราสามารถซื้อที่ีดินเหล่านี้ได้ในราคาถูก คงจะรวยน่าดู ..แต่ปัญหาก็คือ ราคาที่ดินมันมีแต่ขึ้น ดังนั้น ที่ดินผืนงามๆในกรุงเทพ คงไม่มีทางกลับไปราคาถูกอีก

“ผมจำเรื่องเล่าในครอบครัวผม ที่คุณพ่อเล่าว่า สมัยคุณปู่ (คุณ ทวิช กลิ่นประทุม) ตอนหนุ่มๆ ท่านมีเงินเยอะ แต่สมัยนั้น ที่ดินในกรุงเทพถูกมากๆ ตึกสูงๆ อะไรในกรุงเทพก็ยังแทบจะไม่มี …พ่อผมพูดให้ฟังว่า ยุคนั้น ไม่มีใครคิดหรอกว่า กรุงเทพจะแออัดและเจริญถึงขนาดนี้ ..ก็สรุปได้ว่า “คนสมัยก่อนคาดไม่ถึงว่า เมืองจะเติบโต และมีคนมาอยู่มาก ที่ดินก็ราคาพุ่งสูง …ดังนั้น ในยุคนั้นก็แทบไม่มีใครสนใจลงทุนในที่ดินเลย” ..ใกล้ตัวเลย ก็ปู่ผมนี่แหละ ขนาดมีเงินเยอะแยะ แต่ไอ้ที่ดินที่ตั้งบริษัทของครอบครัว ยังไปเช่าการท่าเรือเลย ..ไม่ยอมซื้อว่างั้น!! ….เดี๋ยวนี้กลับกลายเป็นว่า คนที่มีเงินส่วนใหญ่ในกรุงเทพ มักรวยมาจากที่ดินทั้งนั้น ไอ้ที่ทำงานได้เงินเป็นแสนๆ แล้วจะรวยเป็นร้อยๆล้าน “อันนั้นมันฝันเปียก”

ดัง นั้น “ฟันธง” คนที่รวยมากๆ ถ้าไม่ได้สร้างกิจการของตัวเอง ก็รวยจากที่ดิน …อย่างผมรู้จักเพื่อนคนนึง บ้านมันทำโรงสีอยู่ชานเมือง ก็แถวรามอินทรา ย้อนไปแค่ 10 ปี แถวนั้นไกลโคตร!! เดินทางไปยาก ..มาดูเดี๋ยวนี้ทางด่วนตัด ถนนตัดผ่าน วงแหวนตัดผ่าน สรุป โรงสีเผอิญ มีชาวบ้านเอาที่มาวางบ้าง มาขายให้บ้าง เลยเป็นเจ้าของที่ดินมากมายแถวรามอินทรา … “เดี๋ยวนี้ไม่ต้องสงสัย เพื่อนผมคนนี้ รวยแค่ไหน!!” …ผมมานั่นนึกๆ แหม!! ทำไมบ้านผมไม่ทำโรงสี หรือ เลี้ยงวัวแถวชานเมืองจะได้รวยที่ดินสุดๆบ้าง..อิ อิ

“แม้คุณจะเปลี่ยนอดีตไม่ได้ ..แต่คุณสามารถเปลี่ยนอนาคตได้” ..ถูกต้อง สิ่งที่ผมกำลังคิดคือ ในเมื่อเรารู้ว่า การรวมตัวของ AEC จะทำให้เมืองสำคัญๆ ของประเทศต่างๆ อย่าง พม่า, ลาว , เขมร ,เวียดนาม (CLMV)

…ใช่ๆ แทนที่จะเอาเงินมาพันล้านซื้อที่กลางกรุงเทพ แล้วเก็งอย่างเพ้อฝันว่าที่แปลงนั้นจะกลายเป็นหมื่นล้าน มันคงจะเป็นไปได้ยาก …แต่ถ้ามองอีกมุมนึง ถ้าเรามีเงินทุนพอสมควร อาจจะรวมตัวไป ไปหาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับที่ดิน และเก็งซื้อที่ดินทำเลดีๆในประเทศ เพื่อนบ้าน ที่ยังเจริญน้อยกว่าเรา ..ผมว่าเป็นความคิดที่ไม่เลวนะ

“คุณไม่รู้หรอกว่า รัฐบาลลาว จะสร้างรถไฟฟ้าตรงไหน” แต่ที่ดินในจุดสำคัญๆ ไม่ได้ราคาบ้าเลือดเหมือนที่ดินในกรุงเทพแน่ ….ผมเคยเล่าเรื่องของธุรกิจเศษเหล็กที่ คนจีนชอบซื้อที่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วขนเอาเศษเหล็กมากอง …เดี๋ยวนี้ที่เหล่านี้ ถูกกว้านซื้อโดย บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในราคาหลายร้อย หลายพันล้าน … “มันจะดีกว่าไหม หากเราเอาสิ่งที่เห็นไปใช้เป็นแนวทางการเก็งกำไรในที่ดิน ในประเทศเพื่อนบ้านบ้าง”

เดี๋ยวนี้ RMF / LTF เอาเงินเกษียณเราไปลงในหุ้น บางทีก็ดี บางที่ก็ไม่ดี ไปลงในบอนด์เกาหลี ไปซื้อพันธบัตรอเมริกา ..โคตรจะห่วยเลย !! “เอางี้ ถ้าเป็นไปได้ ผมจะหาโอกาสตั้ง Private Fund แล้วระดมทุนจากนักลงทุนที่อยากมีทางเลือกในการลงทุนที่ดีขึ้น จากนั้นก็เอาเงินก้อนนี้ไปทำธุรกิจ ที่เกี่ยวเนื่องกับที่ดินอย่างที่ผมพูดมา ผมว่านี่แหละ กำไรจริง!!”

“ธุรกิจ ที่เกี่ยวกับที่ดิน มันเป็นอะไรที่เทพมากๆ หากคุณรู้ว่าอนาคตราคาที่ดินจะพุ่ง ..เพราะการทำธุรกิจมันเป็นการทำเงินระหว่างรอ แต่เป้าหมายที่แท้จริง คือ การถือครองที่ดิน เป็นเวลาที่นานพอจะให้ที่ดินนั้นๆ เพิ่มมูลค่าอย่างมหาศาลต่างหาก …ในญี่ปุ่นบางคนเก็งกำไรในที่ดิน แต่ระหว่างที่รอ ก็ทำเงินไปพรางๆโดยการทำที่จอดรถ ทำเป็นสนามไดรฟ์กอล์ฟ”

---- จะรวยจริง ต้องมองต่าง (แล้วอดทนสักหน่อย!!) …แล้วลูกหลานจะยกย่องคุณ ฮ่า ฮ่า!!

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘