ตอนที่ 30 : Social Media คานงัดบนโลกการลงทุน

คำว่า " Social Media" คือรูปเเบบของสื่อเเบบใหม่ที่เราสามารถเข้าไปมีบทบาทในการสร้างเนื้อหา โดยอาศัยหลักพื้นฐานที่ว่ามนุษย์นั้นชอบพูดคุยเเละเเลกเปลี่ยนจริงๆ ก็ตรงกับที่นักปราชญ์อย่าง อริสโตเติลได้เคยกล่าวไว้ว่า " มนุษย์เป็นสัตว์สังคม" นั่นเอง ผลจากการที่พูดขึ้นทำให้การตลาดเเบบปากต่อปาก ( Word of Mouth) ไปอย่างรวดเร็วมากในปัจจุบัน ซึ่งถ้าเพื่อนๆดูหนังเรื่อง Social Network ก็จะพบว่า จำนวนสมาชิกของ Facebook นั้นขยายตัวไปไวมาก จากที่ช่วงเเรกๆยังอยู่ในเพียงรั้วมหาวิทยาลัย ค่อยๆขยายออกไปสู่ระดับประเทศ เเละระดับโลก จนปัจจุบันมีสมาชิกทั่วโลก มากกว่า 600 ล้านคนเข้าไปเเล้ว

ถ้าเราสังเกตุความเปลี่ยนเเปลงของกลุ่มธุรกิจการเงิน จะพบว่า หลายๆสถาบันการเงินใหญ่ๆ หันมาเริ่มใช้ Facebook ในการประชาสัมพันธ์ เเละสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าเเบบ 2 ทางกันมากขึ้น ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ก็ได้เเก่ KBANK , SCB , KTC เเม้กระทั้ง Settrade เเละตลาดหลักทรัพย์เอง ก็หันมาเล่นในช่องทางนี้ นั่นเเสดงให้เห็นว่า รูปแบบของสื่อในยุคปัจจุบันค่อยๆเคลื่อนจากการสื่อสารเเบบ ทางเดียว (One Way) มาถึงการสื่อสารเเบบ สองทาง (Two ways) นั่นเอง

ผมกำลังจะสื่อว่า ในอนาคตอีกไม่กี่เดือนต่อจากนี้ สื่ออย่างทีวี วิทยุ เเละหนังสือพิมพ์ ที่เป็นการสื่อสารเเบบทางเดียวกำลังค่อยๆลดความมีอิทธิพลลงไป เเละเริ่มเข้าสู่ยุคของ Social Media ซึ่งเป็นเเนวทางของตลาดยุคใหม่ หลายๆคนก็คงจะสังเกตุเห็นปรากฏการณ์ดังกล่าว ผมขอยกตัวอย่างให้ฟัง
1.ปรากฏการณ์ Room 39 ที่เป็นวงดนตรี ที่สร้างฐานกลุ่มผู้ฟังจาก Facebook + You Tube จนมีคนเข้ามาชมกว่า เเสนครั้ง

2.เพื่อนๆ คงจะเคยได้ยินชื่อ " โคม ปะการัง " ซึ่งทำคลิป ออกมาล้อเลียน โดมปกรณ์ ลัมนะครับ คลิปนี้มีคนเข้าดูถึง กว่าเเสนครั้ง ถ้าเพื่อนๆอยากรู้ว่าเป็นอย่างไรลองพิมพ์ในช่องของ You-tube ว่า โคม ปะการัง ก็จะพบคลิปของเขาเต็มไปหมด

จากพลังอันมหาศาลSocial Media ทำให้เกิดการเปลี่ยนเเปลงบนโลกของการลงทุนที่น่าสนใจขึ้นดังนี้ครับ

1. เราสามารถรับข่าวสารได้เร็วมากขึ้น ยกตัวอย่าง ข้อมูลการซื้อขายของต่างชาติ ,ข่าวการตัดสินของศาล ทุกอย่างเเทบจะมาใน Social Medai กันเบบ Real Time ทำให้นักลงทุนที่รู้จักการใช้ช่องทางนี้ จะมีจุดได้เปรียบพอสมควรในการลงทุน

2. Blog เเละ Fanpage เกี่ยวกับการลงทุนต่างๆเกิดขึ้นมากมาย เมื่อผมมองย้อนกลับไปเมื่อ1-2 ปีที่เเล้ว Blog-Fanpage ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการลงทุนไม่ค่อยมีเท่าไหร่ มีเเค่เพียง Thai vi , ห้องสินธรของ Pantip , Chaloke.com ที่เป็นเเหล่งข้อมูลข่าวสาร เเละที่พบปะของนักลงทุนเท่านั้น ในขณะที่ปัจจุบันมีเเหล่งข้อมูลข่าวสารใหม่ๆเกิดขึ้นมากมาย จนข้อมูลเเทบจะ Over load จนเราอาจจะต้องเลือกรับ ไม่ให้ข้อมูลข่าวสารมันมากจนเกินไป

3.ความ รู้เกี่ยวกับการลงทุนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เเละเเทบจะไม่มีต้นทุน (Cost)ในการเข้าถึง ถ้าเราอยากรู้เรื่องอะไรเราก็สามารถ Search หาE-book ดีๆเกี่ยวกับการลงทุน ,Clip สอนการลงทุน เเม้กระทั่งหนังที่เกี่ยวกับการลงทุนอย่าง Wall Street ,Boiler Room หรือ Rouge Trader มาดูได้เเบบฟรีๆ

4.ปัจจุบัน บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ยังคงเป็นเเบบ one way คือออกมาเป็นไฟล์ เเล้วไว้ที่เวบของตัวเอง เเต่อีกไม่นานผมเชื่อเหลือเกินว่า บทวิเคราะห์หลักทรัพย์จะเปลี่ยนเข้าสู่โลกของ Social Media อาจจะโดยสร้าง Fan page ขึ้นมาเเล้วเอาบทวิเคราะห์มาลง เพื่อให้นักลงทุนสามารถเข้ามาพูดคุย หรือสอบถามได้ ซึ่งถ้าบล ต่างๆไม่เปลี่ยนกลุ่มนักลงทุนก็จะหันไปหากลุ่ม Social Media อื่นๆเเทน

-จาก 4 ข้อที่ผมยกตัวอย่างมาให้ เปรียบเหมือน Leverage หรือคานงัดที่สามารถจะช่วยเราในการพัฒนาศักยภาพในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร รวมถึงช่วยพัฒนาให้เราเป็นนักลงทุนที่ดีขึ้น เก่งขึ้น เเละรู้จักเเบ่งปันมากขึ้น .......ทั้งหมดขึ้นอยู่กับเราเองว่า เราจะใช้มันเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อเราเเละสังคมมากที่สุด อย่างไร

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘