รวบรวม25กฎของอาจารย์บุญชัย 05

ในส่วนของคุณ Funnel เรื่อง It ที่ไม่มีความหมายนั้น ผมขอตอบสั้น ๆ ก่อนละกันครับ
It ที่ไม่มีความหมายคือ It for emphasis มีไว้เพื่อการเน้นน่ะครับเลยมี it ลอย ๆ
ที่อาจารย์ชอบใจก็จะใช้ประโยคนี้เป็นตัวหลักให้ท่องกัน
Mary met John in the park yesterday.
เน้นประธาน:
     It was
Mary who met John in the park yesterday.
เน้นกรรม:
     It was
John whom Mary met in the park yesterday.
เน้น Adverb of Place:
     It was
in the park that Mary met John yesterday.
เน้น Adverb of Time:
     It was
yesterday that Mary met John in the park.
ถ้าดูง่าย ๆ ก็จะเหมือน 2 ประโยคแล้วก็จะมี relative pronoun มาเชื่อมครับ
สำหรับคน--> ประธานใช้ who/กรรมใช้ whom
สัตว์สิ่งของ--> ประธานใช้ which/กรรมใช้ which
เฉพาะที่ต้องการเน้น adv of time และ adv of place ต้องใช้ that เท่านั้นในการเชื่อม
สำหรับวิธีการดูว่าจะมีความหมายหรือไม่มีความหมาย ดูหลักแบบนี้ครับ
 1. หาก It +verb ตาม tense+ Adv + that + ประโยคหลัง แบบนี้ฟันธงครับว่าใช้แค่ขยายแน่นอนครับ
 2. หากจำรูปประโยค It for emphasis ได้ก็ลองมาเทียบโครงสร้างดูครับ
 3. หากจำไม่ได้หรือแบบลักไก่ ให้ดูว่า It ที่ตามหลังด้วยประธานหรือกรรมก็ให้ลองดูว่า It น่าจะมีอะไรแทนได้ไหม
    (เพราะ It รูป pronoun ทั่วไปใช้แทนได้แค่ สัตว์ สิ่งของ เรื่องราวที่เป็นเอกพจน์) หากไม่มีก็เดาไว้ก่อนว่าไม่มีความหมาย

สำหรับคุณน้อย (KOI12331) ที่ฝากบอกว่าอยากให้ผมช่วยสรุปทั้งหมดนั้น
ผมตั้งใจว่า ถ้าผมว่างก็จะทำการเขียนสรุปให้ครบถ้วน
ในทุกหัวข้อที่ได้วางไว้ครับ (36 หัวข้อ)
[ยกเว้นบางหัวข้อที่เพื่อน ๆ ช่วยนำเสนอไปแล้วคงจะไม่เสนอเพิ่มยกเว้นมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติม]
จากคราวก่อนถึงเรื่อง helping verbs
ก็จะมีตัวหลักที่สำคัญอยู่ที่ผมจะรีบทยอยนำมาลงก่อน
ก็จะเป็น
 - Condition of sentenses (หัวข้อที่ 3)
 - Relative Clauses (หัวข้อที่ 6)
 - Participial Construction (หัวข้อที่ 7)
 - Reported Speech (หัวข้อที่ 23)
วันนี้ขอนำเสนอเรื่อง Condition sentenses ก่อนละครับ
3. Condition of sentenses (หัวข้อที่ 3)แบ่งเป็น 4 หัวข้อหลัก
1) If = เมื่อ/ถ้า
2) If-not = unless = otherwise, or, or else = ถ้าไม่ หรือมิฉะนั้น
3) wish
4) กลุ่มตรงข้ามกับความเป็นจริง
5) การตัด if
ซึ่งหากเขียนความสัมพันธ์จะได้ตามรูปด้านล่าง
ข้อแนะนำในการใช้งาน
1. If
จำเป็นต้องพยายามฝึกฝนรูปแบบการใช้งาน โดยเฉพาะหากเราใช้กับภาษาไทย
และภาษาภาพให้คล่องจนทราบว่าสิ่งนี้เป็น if ไหน ก็จะใช้ได้อย่างถูกต้อง
เช่น ถ้าเรากินข้าวขาหมูเราต้องอ้วนแน่ ๆ ---> อันนี้หากใช้ if ผิดจะทำให้ความหมายผิดแปลกไปได้
ดังนั้น จำต้องพิจารณาเรื่องหลักตรรกของคนส่วนใหญ่เป็นเกณฑ์
if1=> ความจริงแปลว่า เมื่อกินข้าวขาหมูแล้วอ้วนชัวร์ (อันนี้คิดว่าน่าจะเป็นหลักความคิดของคนทั่วไปแน่ ๆ)
        แต่บางคนอาจจะไม่ใช้เพราะคิดว่ายังไม่มีหลักฐานทางวิชาการรับรอง (ดังนั้นหากเป็นวิชาการก็ไม่ควรใช้นะครับ)
if2=> เมื่อสิ่งหนึ่งเกิดอีกสิ่งก็เกิดตาม อันนี้แปลว่า กินข้าวขาหมูแล้วคาดว่าจะทำให้อ้วนได้นะ (ประมาณ 50% up)
if3=> ตรงข้ามกับความจริงในปัจจุบัน อันนี้ก็จะแปลว่า กินข้าวขาหมูตอนนี้แล้วก็ไม่อ้วนแน่  ๆ
         แบบนี้อาจจะใช้ทำนองเราเป็นคนกินแล้วมีคนเตือน อาจจะใช้ได้หรือหยอกเย้าเป็นมุก
if4=> ตรงข้ามกับความจริงในอดีต อันนี้แปลว่า ถ้ากินข้าวขาหมูแล้วก็จะอ้วน --> แปลว่าตอนนี้คุณยังไม่ได้กินแล้วคุณก็ไม่ได้อ้วนด้วย (แปลกดี)
if5=> หน้าตรงข้ามกับปัจจุบันหลังตรงข้ามกับอดีต (เวลาแปลจะงง ๆ หน่อย) --> แปลว่า ตอนนี้ยังไม่กินข้าวขาหมูแล้วก็ถ้ากินไปแล้วก็ไม่อ้วนด้วย

ทั้งนี้หากเราไม่ต้องการใช้ if
ก็สามารถใช้คำอื่นได้ด้วย
เช่น even if/suppose/what if/provided/providing/on condition that/so long as/as long as เป็นต้น

2. If-not แปลว่าถ้าไม่ = unless
    เปลี่ยนรูป otherwise, or, or else

ปกติแล้ว เราสามารถใช้ if-not ได้เลย เหมือนกับ if ในรูปปฏิเสธ แต่หากเราต้องการให้เปลี่ยนรูปให้ไม่มี not
(คือ เวลาเขียนภาษาอังกฤษ เขาจะไม่ค่อยอยากให้มีความหมายปฏิเสธ พวก no not ตรง ๆ จึงควรเปลี่ยนรูปแบบ
ให้มีความสวยงามเชิงภาษามากขึ้น โดยใช้ unless แทนแต่จะใช้เฉพาะ if2 และ if3 เป็นหลัก
ส่วน if4 ไม่ค่อยนิยมใช้กัน --> unless จะใช้แทรกกลางประโยค แทน if-not
(โครงสร้างเหมือนกับ if-not แต่เปลี่ยนเป็น unless แล้วก็ไม่ต้องใส่ not ทำเป็นรูปเชิงปฏิเสธ)

หากเปลี่ยนเป็นรูปของ Otherwise, or, or else ซึ่งแปลว่า มิฉะนั้น ก็จะแต่ต่างกันนิดนึง
คิดง่าย ๆ ก็เชิงภาษาไทย
ถ้าคุณไม่กินข้าวกินปลาเลยคุณก็จะไม่มีแรงนะ
กับคุณกะไม่มีแรงนะมิฉะนั้น(ดังนั้น)คุณจึงต้องกินข้าวกินปลานะ
เราก็จะเห็นว่าสองประโยคข้างบนความหมายเหมือนกันเลยแค่รูปแบบการพูดจะแตกต่างกัน
ขึ้นอยู่กับบริบทการใช้งาน
เมื่อมีการใช้คำว่า "มิฉะนั้น" จึงเป็นเสมือนว่ามีการสั่ง ...ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
ในนี้ก็จะมี 3 อย่าง เบาก็ should, แรงหน่อยก็ must แรงสุด ๆ ก็ Verb เลย


3. wish อันนี้จะมี 3 ความหมาย1) wish+to-inf = would like to+V1 = อยากจะ/ปรารถนาที่จะ...
2) wish s/n sht = ปรารถนาสิ่งใดให้ใครเรื่องอะไร (อันนี้ใช้อวยพรกัน)
3) S+wish+(that) + S + Past Simple/Past Perfect/Future in the past(would+V1)
      if only+
   แปลว่าได้แต่หวังว่า... ตรงข้าวกับสิ่งที่ต้องการพูด [ดูรายละเอียดอีกทีในกลุ่มตรงข้ามกับความจริง)
ดังนี้หากคุณอวยพรใครให้ระวังนะครับ อย่าไปใช้ ผิด tense แล้วก็ใส่เป็น 2 ประโยคต่อกันนะ
เดี๋ยวจะแปลว่าตรงข้ามกับสิ่งที่พูด ... ใช้ wish s/n sth --> we wish you merry X-Mas and a happy new year.

4. กลุ่มตรงข้ามกับความเป็นจริง
ภายหลังจากที่เราพิจารณา conditional sentenses แล้ว
จะพบว่าจะมีรูปแบบที่เป็นการพูดตรงข้ามกับความเป็นจริงอยู่หลายแบบ ทางอาจารย์จึงทำการจัดกลุ่มใหม่ได้ดังนี้
1) if3/if4/if5
    if3 = ตรงข้ามกับ ปัจจุบัน หรือ อนาคต
    if4 = ตรงข้ามกับ อดีต
    if5 = ประโยคหน้า (ติด if) ตรงข้ามกับอดีต และประโยคหลัง ตรงข้ามกับปัจจุบัน หรืออนาคต
2) wish/if only = ตรงข้ามกับสิ่งที่พูด
   S+wish+(that) + S + ประโยคหลัง [Past Simple/Past Perfect/Future in the past(would+V1)]
     if only+
   แปลว่า ได้แต่หวังว่า
   ถ้าประโยคหลังใช้ Past Simple(V2) = ตรงข้ามกับปัจจุบัน
                          Past Perfect(had+V2) = ตรงข้ามกับอดีต
                          Future in the past(would+V1) = ตรงข้ามกับอนาคต
3) suppose/supposing (that)+S+ ประโยคหลัง [Past Simple/Past Perfect]
   แปลว่า สมมุติว่า
   ถ้าประโยคหลังใช้ Past Simple(V2) = ตรงข้ามกับปัจจุบันหรือนาคต
                          Past Perfect(had+V2) = ตรงข้ามกับอดีต
4) S + would rather + S + ประโยคหลัง [Past Simple/Past Perfect]
   แปลว่า อยากหยุดทำ...
   ถ้าประโยคหลังใช้ Past Simple(V2) = ตรงข้ามกับปัจจุบันหรือนาคต
                          Past Perfect(had+V2) = ตรงข้ามกับอดีต  
5) S + V + as if/as though+S + ประโยคหลัง [Past Simple/Past Perfect]
   แปลว่า ราวกับว่า
   ถ้าประโยคหลังใช้ Past Simple(V2) = ตรงข้ามกับปัจจุบันหรือนาคต
                          Past Perfect(had+V2) = ตรงข้ามกับอดีต  
6) It's + high/about + time + S + Past Simple
   แปลว่า ถึงเวลาแล้วที่จะทำ .... (แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ทำนะ)
   จะมีความหมายตรงข้ามกับปัจจุบัน

ใส่รูปประกอบ Condition of Sentenses ครับ
 Fig Conditional Sentenses.jpg

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘