บทสัมภาษณ์เซียนหุ้น : William Eckhardt วิทยาศาสตร์แห่งการเล่นหุ้น


William_Eckhardt เซียนหุ้นผู้ร่วมให้กำเนิด Turtle Traders
สวัสดีครับ ผมหายไป 2 วัน วันนี้เลยนำเอาบางส่วนจากบทสัมภาษณ์ของ William Eckhardt มาแปลให้ฟังครับ Eckhardt นั้นเป็นนักเล่นหุ้นและเล่นฟิวเจอร์ชั้นเซียนของอเมริกาครับ เค้าถือเป็นหนึ่งในต้นแบบของโลกการเงินในสมัยนั้นเลยก็ได้ครับ จุดเด่นของ Eckhardt ก็คือเค้าเป็นคนที่มีความเป็นนักคณิตศาสตร์มากๆครับ ซึ่งตัวเค้าเองเคยเล่นหุ้นอยู่ที่ห้องค้า (floor Trader) ในสมัยเริ่มเล่นหุ้นแต่ต่อมาก็เปลี่ยนตัวเองมาเป็น System trader ในตอนหลัง และ William Eckhardt คน นี้นั้นก็เป็นเหมือนต้นแบบให้นักเล่นหุ้นที่เล่นหุ้นเป็นระบบได้ศึกษาแนว ความคิดของเขาจนถึงทุกวันนี้ อีกทั้งเขายังเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและสอนวิธีการเล่นหุ้นให้กับกลุ่มเซียนเต่า The Turtle Trader อีกด้วย และต่อไปนี้คือบทสัมภาษณ์ของเขาครับ
……
Q: คุณใช้การอ่านรูปแบบของกราฟเพื่อการวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคในระบบการเล่นหุ้นของคุณรึปล่าว ?
A: ผมคิดว่าสิ่งที่ดูดีในกราฟส่วนมากกว่า98% มันไร้ค่าน่ะ
……
Q: ทำไมล่ะ ?
A: เพราะ จิตใจของเราสร้างรูปแบบขึ้นมาเอง ไงล่ะ เรามักจะเห็นสิ่งที่เราอยากเห็น มีหนังสือที่เปลี่ยนแปลงแนวคิดเกี่ยวกับหลักการทางสถิติเล่มหนึ่งกล่าวไว้ แล้วว่า “ตาของคนเราดีเกินไปเพราะเราจะพบรูปแบบที่เราอยากเจอเสมอ” และคุณก็มักจะมองเห็นมากกว่าสิ่งที่มันเป็นจริงๆไงล่ะ
คน เรามักจะมองสิ่งต่างๆด้วยความไม่เที่ยงตรง นั่นก็คือเมื่อเราใช้ตามองกราฟ มันไม่ได้แปลว่ามันจะให้น้ำหนักกับทุกอย่างในกราฟเท่ากัน แต่มันกลับมักที่จะมองไปที่สิ่งที่มันอยากเห็น หรือสิ่งที่มันเห็นได้ง่ายและเราก็มักจะใช้ข้อมูลเหล่านี้มาสรุปเป็นความคิด ของเราเอง
มัน เป็นธรรมดาของคนเราที่เรามักจะอยากมองไปที่ความสำเร็จหรือกำไรจนลืมนึกไปถึง การขาดทุนที่เกิดขึ้นด้วยจนกว่าที่คุณจะรู้อีกทีมันก็เจียนตายแล้ว เพราะฉะนั้นต่อให้คุณจะตั้งใจมองอะไรอย่างถี่ถ้วนแล้วก็ตามแต่มันก็ยังคงมี ช่องว่างที่จะทำให้คนเราหลงคิดว่ามันดีกว่าสิ่งที่มันเป็นอยู่ ต่อให้คุณพยายามแค่ใหนแต่มันก็มีแนวโน้มที่คุณจะตัดสินจากอคิติของคุณอยู่ สูงมากอยู่ดี และที่จริงอคติเช่นนี้ก็มีอยู่ในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ทุกแขนงเหมือนกัน แม้แต่นักวิจัยที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดก็อาจตกเป็นเหยื่อของอคตินี้แหละ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม เมื่อผมทำการค้นคว้าส่วนตัวของผม ผมมักจะลดค่าของผลลัพท์ที่ออกมา 20% – 50%เลยที่เดียว
……
Q: คุณกำลังจะบอกว่าการอ่านกราฟด้วยสายตามีแต่จะนำไปสู่พลุมพราง และการมองข้ามบางอย่างไปงั้นเหรอ ?
A: ใช่ แล้ว จริงอยู่มีบางคนอาจจะทำได้ดีจากการวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคด้วยสายตา แต่ผมไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ และจากการที่ผมได้รู้จักกับนักเล่นหุ้นที่ใช้การอ่านกราฟแพทเทิร์น เขาเหล่านั้นมักจะตัดสินใจซื้อขายจากรูปแบบที่เขาชอบมากกว่ารูปแบบที่เขาไม่ ชอบและนั่นมันไม่ไช่ความคิดที่ดีเลย คุณไม่ควรที่จะปักใจแต่ในสิ่งที่คุณชอบ และมันก็ผิดที่คุณจะปักใจในรูปแบบบางรูปแบบมากกว่าอย่างอื่น และ สำคัญที่สุดก็คือถ้าคุณตัดสินใจซื้อขายตามสิ่งที่ตาของคุณชอบ มันยากมากที่คุณจะไม่รุ้สึกผิดถ้าหากว่าการเทรดครั้งนั้นมันขาดทุน !!
……
Q: ผมก็คิดว่านั่นก็เป็นสิ่งที่แย่
A: ไช่ ! มันเป็นสิ่งที่จะทำให้คุณล้มเหลวในการเล่นหุ้นเลยแหละ !
……
Q: ตรงกันข้ามถ้าเรามี กลไกหรือระบบที่แน่นอนมาช่วยในการตัดสินใจ ปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นใช่ใหม ?
A: ถูกต้อง หน้าที่ของคุณก็คือแค่ทำตามระบบของคุณให้ได้ บางครั้งถ้าระบบตัดสินใจบางอย่างที่ทำให้คุณขาดทุน แต่คุณจะต้องรู้ว่ามันคือส่วนหนึ่งของเกมนี้ ที่มันต้องเกิดขึ้น การ ตัดสินใจของคุณจะเป็นสิ่งที่มีผลต่อการเล่นหุ้นของคุณในภาพรวม แต่เราไม่ควรจะนำมันมาป็นสิ่งที่ตัดสินผลของการซื้อขายหุ้นในแต่ละครั้ง
……
Q: ผม เข้าใจถึงประโยชน์ที่จะมีต่อสภาพจิตใจ จากการเล่นหุ้นอย่างเป็นระบบ แต่ดูเหมือนคุณกำลังจะพูดว่า คุณไม่ค่อยไว้ใจการเล่นหุ้นโดยการมองกราฟและวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคด้วยตา ซักเท่าไหร่
A: เมื่อไหร่ที่ผมมีไอเดียที่เกิดจากการมองกราฟ ผมจะพยายามเปลี่ยนมันให้เป็นตัวแปรที่จะสามารถทำการทดสอบจากคอมพิวเตอร์ได้ ถ้าหลักการนั้นเป็นสิ่งที่นำไปใช้ได้จริง คุณก็ควรจะอธิบายให้คอมพิวเตอร์ฟังได้เช่นกัน และต่อให้คุณไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนอย่างน้อยคุณก็ควรจะอธิบายได้ ใกล้เคียงกับสิ่งที่คุณต้องการที่สุด และถ้าผลจากการทดสอบออกมาไกล้ 0 คุณก็ไม่ควรที่จะต้องไปเชื่อถือไอเดียนั้นต่อไป
……
Q: คุณหมายความว่า คอมพิวเตอร์ไม่โกหก และเราควรจะเชื่อมันมากกว่าสัญชาตญาณของเรางั้นเหรอ ?
A: ใช่แล้ว เพราะผมได้อธิบายไปแล้วยังไงว่า จิตของเรามักปรุงแต่งสิ่งที่เราอยากเห็นขึ้นมาเสมอ !
……
มาถึงตรงนี้สำรับผมยิ่งอ่านยิ่งนึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้ามากครับ ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าคำสอนของท่านยังคงเป็นจริงแม้แต่ในโลกของการเงินและการเล่นหุ้น อัตตาของเรา ตัวกูของกู สุดท้ายแล้วก็ยังเป็นสิ่งที่ทำให้เราหลงผิดไปอยุ่เช่นเคยจริงๆ หวังว่าคงยังไม่เบื่อแล้วเดี๋ยวจะเอาบทสัมภาษณ์ Wiilam Eckhardt ตอนที่ 2 มาให้อ่านต่อครั้งหน้านะครับ เจอกันครั้งหน้าที่ แมงเม่าคลับ.คอม ครับ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘