เทคนิคการอ่านโวลุ่มในการเล่นหุ้น Tape Reading By Linda Bradford Raschke (2)

หลังจากผมหยุดพักไปในช่วงตรุษจีน วันนี้เรามาว่ากันต่อถึงหลักการในการอ่านโวลุ่มจากบิด-ออฟเฟอร์หรือที่เรียก กันว่า Tape Reading กันต่อครับ วันนี้อ่านกันยาวๆไปเลย ถ้ามีความเห็นอย่างไรก็แนะนำเข้ามาได้นะครับ

วิธีการเล่นหุ้น วิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค
การตอบสนองของตลาด (Market Response)
วิธีการเล่นหุ้น วิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค
“การศึกษาต่อการตอบสนองของตลาดในรูปแบบต่างๆ จะช่วยให้เรามีแนวทางในการวิเคราะห์ทางเทคนิคซึ่งมีความสมบูรณ์ที่มากขึ้น”
-Rollo Tape(Richard Wyckoff), 1910
วิธีการเล่นหุ้น วิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค
เทคนิคข้อที่สองในการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคานั้นก็คือ การอ่านการตอบสนองของตลาดในสภาวะต่างๆ หรือพูดอีกอย่างก็คือ การคาดการณ์ถึงพฤติกรรมที่จะเกิดขึ้นมานั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น หากว่าตลาดนั้นอยู่ในช่วงที่มีความผันผวนน้อยมากๆ และได้เริ่มวิ่งทะลุออกไปจากกรอบของมัน เราอาจจะคาดหวังถึงพฤติกรรมของตลาดว่ามันควรจะเริ่มเกิดความเร่งในการ เคลื่อนไหวของราคาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และไม่ควรที่จะพบกับแรงต้านอย่างรวดเร็วนั่นเอง หรืออีกตัวอย่างก็คือ หากเราต้องการที่จะทำกำไรจากทิศทางหลักของการเคลื่อนไหวของราคาล่ะก็ หากว่าราคาของหุ้นนั้นเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็วในตลาดที่มีแนวโน้มอย่าง ชัดเจนแล้วเกิดการหยุดพักลงมาอย่างบางเบา เราสามารถที่จะคาดการณ์ได้ว่าราคาของหุ้นนั้นจะกลับมาวิ่งต่อในทิศทางเดิม ของแนวโน้มหลักอีกครั้ง เมื่อไหร่ที่เรานั้นรู้ว่าเราควรที่จะคาดหวังพฤติกรรมอะไรจากมันนั้น มันจะเป็นการง่ายขึ้นในการที่จะวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคา เพื่อที่จะดูว่ามันทำตัวอย่างที่เราหวังเอาไว้หรือไม่นั่นเอง
ยกตัวอย่างเช่น ตลาดนั้นตกลงมาอย่างรุนแรงหลังจากเกิดข่าวร้ายขึ้นหรือไม่? เมื่อหุ้นพักตัวมันสามารถหาแนวรับเจออย่างรวดเร็วหรือไม่หลังจากที่มันวิ่ง ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง? มันวิ่งไปเจอกับตอ..หรือกำแพงแนวต้านแล้วหล่นกระแทกลงมาหรือไม่ แนวต้านนี้แข็งแกร่งแค่ไหน? และสิ่งเหล่านี้คือตัวอย่างของการคาดหวังการตอบสนองของตลาดในสถานการณ์ต่างๆ นั่นเอง
จริงๆแล้ว Tape Reading นั้น ก็เหมือนกับการเล่นเทนนิส แล้วมองดูว่าคู่ต่อสู้ของคุณนั้นตีลูกบอลกลับมาอย่างไรนั่นเอง
ส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในการที่จะเรียนรู้พฤติกรรมของการเคลื่อนไหวของราคา และการเก็บสะสมประสบการณ์สำหรับความเป็นนักเล่นหุ้นหรือเก็งกำไรนั้นก็คือ การเรียนรู้ว่าเรานั้นควรที่จะคาดหวังถึงสิ่งใดนั่นเอง หลังจากนั้นคุณจึงเรียนรู้ต่อไปว่าอะไรคือสิ่งที่มักจะเกิดขึ้นจากการตอบ สนองของตลาด มันจะง่ายมาขึ้นในการที่จะคาดหวังถึงการตอบสนองซึ่งมักจะเกิดขึ้นในอัตรา ส่วนที่มากกว่า เช่นมองหาสิ่งที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆประมาณ 70% แทนที่จะเป็น 30% นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม การตอบ สนองที่ผิดไปของตลาดนั้นก็สามารถที่จะกลายเป็นกลยุทธ์ในการทำกำไรที่ดีได้ เช่นกันเมื่อมันเกิดขึ้น ในบางครั้งแล้ว สัญญาณที่ถือเป็นสัญญาณหลอกอาจสามารถทำกำไรให้คุณได้มากกว่าสัญญาณที่เป็น จริงก็ได้ ยกตัวอย่างสัญญาณหลอกเช่น เมื่อราคาของหุ้นนั้นเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆของแนวรับ-แนวต้าน หรือที่เรียกว่า รูปแบบสามเหลี่ยม (Classic Triangle Pattern) เรานั้นมักคาดหวังที่จะเห็นว่าเมื่อราคาของมันทะลุออกไปในทางใดทางหนึ่งนั้น ควรที่จะมีการซื้อ-ขายตามมาอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม หากว่าราคาของหุ้นได้ทะลุตกลงมานิดหน่อย แล้ววกกลับขึ้นไปพร้อมกับโวลุ่มและโมเมนตัมที่เพิ่มขึ้น และวิ่งทะลุกรอบแนวต้านขึ้นมาล่ะก็ บางทีจุดกลับตัวที่ยิ่งใหญ่อาจกำลังเกิดขึ้นแล้วก็ได้ และมันอาจจะทำให้ราคาหุ้นยังจะวิ่งขึ้นไปอีกพอสมควรนั่นเอง
เคล็ดลับเล็กๆน้อยอย่างสุดท้ายนั่นก็คือ การมองไปที่ราคาในภาพของ “ระดับ” ของราคาต่างๆเช่น S&P ได้วิ่งมาถึงระดับ 1100 แล้ว หรือระดับ 1060 คือจุดต่ำสุดของรอบ โดยที่ทุกๆ 10 หน่วยนั้นหมายถึงระดับราคาหนึ่งระดับนั่นเอง คุณควรใช้เลขกลมๆในการที่จะเป็นจุดอ้างอิงสำหรับแต่ละระดับ แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณควรที่จะซื้อ-ขายตามตัวเลขเหล่านี้ มันเป็นเพียงวิธีการหนึ่งในการจัดระเบียบของข้อมูลต่างๆที่เกิดขึ้นซึ่ง เหล่านักเก็งกำไรมืออาชีพได้ฝึกฝนกันโดนสัญชาติญาณนั่นเอง
วิธีการเล่นหุ้น วิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค
แนวรับ-แนวต้าน
นักเล่นหุ้นซึ่งมีความฉลาดหลักแหลมนั้นจะจดจำจุดต่ำสุด-สูงสุดของราคา หุ้นในวันก่อนหน้าได้เป็นอย่างดี และเขานั้นก็ยังรู้ถึงจุดต่ำสุด-สูงสุดของหุ้นในวันนี้อีกเช่นกัน นอกจากนี้เขายังสนใจเกี่ยวกับราคาเปิด ซึ่งสามารถที่จะบอกให้เราทราบได้ว่าเมื่อเปิดตลาดนั้น แรงซื้อหรือแรงขายเป็นผู้ที่ควบคุมตลาดอยู่
จุดต่ำสุด-สูงสุดของวัน ก่อนหน้า และราคาเปิดของวันนี้นั้นมีผลอย่างมากต่อจิตวิทยาการลงทุนของนักเล่นหุ้นใน ตลาด และเป็นจุดซึ่งเป็น “แนวรับ-แนวต้าน” ที่สำคัญที่สุดจุดหนึ่งที่คุณควรที่จะรู้เอาไว้ และโดยการที่คุณเพิ่งสมาธิและให้ความสำคัญไปยังพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของ ราคาใกล้ๆระดับเหล่านี้นั้น จะช่วยให้คุณสามารถลดงานในการอ่านโวลุ่ม บิด-ออฟเฟอร์ของคุณออกไปได้มากทีเดียว เพราะหลายต่อหลายครั้งนั้น ตลาดจะเปิดเผยสิ่งต่างๆออกมาก็ต่อเมื่อมันเข้าใกล้ระดับที่สำคัญนี้นั่นเอง
ระดับของจุดต่ำสุด-สูงสุดของวันก่อนหน้านั้นมักที่จะอยู่ในระดับหนึ่งใน กรอบของราคา คุณควรพยายามที่จะหาทางขายทำกำไรทันทีเมื่อราคาแตะระดับเหล่านี้ในตลาดที่ เคลื่อนที่อยู่ในกรอบแคบๆหรือ Side Way Market แต่ในตลาดซึ่งมีแนวโน้มที่ชัดเจนนั้น ราคาของหุ้นมักที่จะวิ่งทะลุระดับเหล่านี้ไปสักพักก่อนที่จะเริ่มพักตัวลงมา และเมื่อตลาดนั้นมีแนวโน้มที่แข็งแกร่งมากๆล่ะก็ ราคาเปิดของมันก็มันจะกลายเป็นระดับที่สำคัญที่สุดขึ้นมาทันที
หุ้น tickertape 5
Ahhh ...."Whooooooooooooshh"
หากว่าเรานั้นมองไปที่จุดต่ำสุด-สูงสุดของวันก่อนหน้า และราคาเปิดในมุมมองของแนวรับ-แนวต้านนั้น เราก็สามารถที่จะมองไปที่การเคลื่อนไหวของราคาที่เกิดขึ้นว่า มันได้เคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็วและพลุ่งพล่านหลังจากที่มันได้ข้ามผ่านระดับ เหล่านี้ไปได้หรือไม่ อะไร คือพฤติกรรมของความ “พลุ่งพล่าน” ของราคาหุ้นน่ะหรือ? มันเป็นสิ่งที่ฉันมักจะเรียกเอาเองว่า “วูชชชช” ซึ่งคล้ายกับว่าราคาได้วิ่งไปอย่างรวดเร็วราวกับว่ามันพึ่งมีชีวิตขึ้นมา เป็นครั้งแรกไงล่ะ โดยที่มันมักที่จะวิ่งขึ้นไปหลายช่วงราคาอย่างรวดเร็วโดยไม่มีแรงสวนลงมาสัก ช่องเดียว เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นนั้น ราคาของหุ้นมักที่จะพักตัวลงมานิดเดียวเพียงชั่วครู่ แล้วตามมาด้วยการวิ่งไปอย่างรวดเร็วและพลุ่งพล่านที่มากขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง ซึ่งหากว่าคุณลองวัดหรือเก็บสถิติรูปแบบการเคลื่อนไหวแบบ “วูชชชชชชช” ที่เกิดขึ้นนี้ล่ะก็ คุณจะพบว่าราคาของหุ้นมักที่จะพักตัวแล้ววิ่งไปต่อมากถึง 2 ใน 3 ครั้งเลยทีเดียว ซึ่งถือว่าไม่เลวเลยสำหรับการที่จะทำให้คุณมี “กำไรคาดหวัง หรือ Expectation ที่เป็นบวกได้” จากเพียงแค่คุณพยายามมองหาการเคลื่อนไหวในรูปแบบง่ายๆนี้
วิธีการเล่นหุ้น วิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค
เมื่อกล่าวโดยสรุปแล้ว Tape Reading นั้น ไม่ใช่การวิเคราะห์ไปถึงออเดอร์ที่ผ่านเข้ามาในทุกๆครั้ง (นั่นจะกลายเป็นงานที่หนักทีเดียว) แต่มันคือการเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและพลุ่งพล่านอย่างผิดปกติ โวลุ่มที่เข้ามาอย่างผิดปกติ หรือแม้กระทั่งสังเกตอาการของราคาหุ้น ณ ระดับที่สำคัญต่างๆ การเคลื่อนไหวของหุ้นแต่ละรอบที่ขึ้นหรือลงนั้น มีผลต่อการคาดคะเนถึงการเคลื่อนไหวในรอบต่อไปเช่นกัน หน้าที่ของเราคือการเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวของราคานั้นว่ามันจะเกิดขึ้นได้หรือไม่นั่นเอง
Tape Reading นั้นถือเป็นหัวใจอย่างหนึ่งสำหรับผู้ที่เล่นหุ้นในรูปแบบ Swing Trading เลยทีเดียว เมื่อเราต้องการที่จะวิเคราะห์ถึงการเคลื่อนไหวในระยะสั้นนั้น การใช้อินดิเคเตอร์อาจกลายเป็นสิ่งที่ช้าเกินไปขึ้นมา
ท้ายที่สุดนี้ นักเล่นหุ้นและนักเก็งกำไรทุกคนจึงควรที่จะรู้สึกถึงความเป็นอิสระ จากการที่พวกเขาสามารถที่จะใช้การอ่านกราฟเพื่อที่จะวางแผนการลงทุนของเขา และสามารถที่จะบอกได้ว่าสิ่งที่เขาทำอยู่ขณะนี้นั้นมันผิดหรือไม่จากการที่ เขาสามารถอ่านบิด-ออฟเฟอร์ หรือใช้ Tape Reading ได้เป็นอย่างดีนั่นเอง
วิธีการเล่นหุ้น วิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค
ในที่สุดก็จบแล้วนะครับสำหรับบทความ Tape Reading โดย Linda Bradford Raschke หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคน และผมก็ต้องขอบคุณเธอไว้ในที่นี้ด้วย แล้วแวะเข้ามาอ่านบทความดีๆที่ แมงเม่าคลับ.คอม กันได้ใหม่นะครับ ใครมีความเห็นเป็นอย่างไรก็คอมเมนท์ไว้ได้ ผมอยากฟังความเห็นและประสบการณ์ของท่านอื่นๆเช่นกัน และผมจะพยายามตอบทุกความเห็นให้ครับ วันนี้สวัสดีครับ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘