สอบถาม วิธี KZM ครับ
สอบถาม วิธี KZM ครับ
แนวคิด kzm ที่คุณ Mudley Group ได้อธิบายนั้น เป็นการแบ่งโซน ที่มีจำนวนหุ้น เท่าๆกัน ผมมีข้อสังเกต อยู่ตรงจุดครับ กรณี ที่ อยู่บริเวณโซนที่ราคาสูงๆ ราคาหุ้นมีโอกาสเสี่ยงที่จะลงมากกว่า ทำให้โอกาสทำกำไรได้น้อยกว่าโซนที่ราคาต่ำ และถ้าเกิด ว่า ผมเซตจำนวนหุ้นเป็นลักษณะ ซื้อเป็นรูปแบบ สามเหลี่ยม ขายเป็นรูปแบบสามเหลี่ยมกลับหัว มันน่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่าหรือเปล่าครับ รบกวนผู้รู้ช่วยวิเคราะห์ว่าสมมติฐานที่ผมตั้ง มันน่าจะทำกำไรได้มากกว่าหรือไม่ ถือว่าแชร์ข้อมูลกันนะครับ
จากคุณ : อาปี้คุง - [ 15 ม.ค. 52 10:50:58 ]
ความคิดเห็นที่ 1
สวัสดีครับ วิธีสามเหลี่ยม เป็นวิธีที่พวกกองทุนรวมชอบใช้ครับ ถ้าเจ้าของกระทุ้สร้างโมเดลโดยเน้นไปที่กำไรสูงสุดเป็นเป้าหมายก็อาจจะต้อง ทำแบบนั้นครับ
ที่ต้องบอกก่อนเพราะ KZM ต่างกับ ปิรามิดเทรดตรงที่เป้าหมายต่างกัน ปิรามิดเทรดจะไม่เน้นต่อยอดโมเดล แต่เน้นที่ผลกำไรสูงสุด
ดังนั้นจึงต้องเลือกวิธีการแต่ล่ะโมเดลให้ถูกต้องกับเป้าหมายของเราครับ KZM เป็นโมเดลที่เอาไว้ใช้เทรนคนที่ต้องทำอาชีพเทรดเดอร์ในเฮดจ์ฟันดังนั้นเรา จึงต้องเน้นที่ความอดทนและวินัยรวมถึงการต่อยอดโมเดลมาเป็นอันดับแรกครับ ผลตอบแทนจะอยุ่ในตอนสุดท้ายของความสำคัญ
KZM ที่แบ่งเป็นโซนที่เท่ากัน เพราะ ขั้นต่อไปนั้นจะเป็นการต่อยอดเรื่อง การอ่าน Zone price ของราคา และการกระจายออกไปยึดครองเป้าหมายอื่น รวมทั้งการเฮจ์ในอนาคต ทั้งนี้จะพยามทุกอย่างให้เป็น Systematic trade โดยที่เทรดเดอร์ไม่ต้อง monitor จอทั้งวันเพื่อเอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่ตัวเองอยากทำต่อไปในอนาคต ครับ
ดังนั้นวิธีการของเจ้าของกระทู้ต้องบอกว่าทำกำไรได้มากกว่าอยุ่แล้วครับ ทีนี้ก็อยุ่ว่าเราจะเลือกใช้วิธีไหนหล่ะครับ :)
ส่วน KZM ในตอนนี้มันเป็นแค่การเริ่มต้นขั้นแรกครับ กว่าจะเริ่ม Start up ระดับต่อไปก็ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง ผมรอให้เพื่อนผมไปถึงขั้นสองก่อนก็จะมาอัพเกรดให้ทุกท่านครับ เพราะตอนนี้ถ้าอัพเลยพื้นฐานก็จะยังไม่เน้นพอที่จะรับขั้นต่อไปได้ :)
จากคุณ : MudleyGroup - [ 15 ม.ค. 52 11:25:05 ]
ความคิดเห็นที่ 2
ส่วนถ้าเจ้าของกระทู้จะใช้วิะีปิรามิดเทรดต้องระวังเวลา ตลาดขาลงนิดนึงนะครับเพราะฐานปิรามิดมันจะกว้างขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเราต้องคำนวนงบในการสร้างฐานปิรามิดของเราให้ดี เพราะถ้ามันหลุดฐานไปโดยที่เรามีเงินไม่พอจะส่งผลให้เราเสียหายหนักได้ครับ แต่ถ้าคำนวน Budget cover จนถึง Worst case แล้วก็ถือว่าเป็นวิธีที่น่าสนใจ แต่ยังไงก็ไม่ควรใช้กับหุ้นรายตัวนะครับ กลยุทธ์ซื้อเฉลี่ยยังไงก็ไม่ควรใช้กับหุ้น เพราะเราไม่รุ้ว่าบริษัทที่เรามั่นคงนั้นจะมั่นคงจริงๆหรือปล่าวในอนาคต ยุดนี้เป็นยุคที่การเปลี่ยนแปลงค่อนข้างไว ธุรกิจที่เข้มแข็งในวันไม่กี่เดือนข้างหน้าอาจจะอ่อนแอลงก็ได้ การฝากความหวังไว้กับบริษัทเดียวที่คิดว่ามั่นคงนี่คือเป็นความเสี่ยงที่มอง ไม่เห็นอย่างหนึ่งครับ :)
จากคุณ : MudleyGroup - [ 15 ม.ค. 52 11:40:37 ]
ความคิดเห็นที่ 3
ขอบคุณ คุณ MudleyGroup มากๆครับที่ตอบคำถาม ตอนนี้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นแล้วครับ
จากคุณ : อาปี้คุง - [ 15 ม.ค. 52 11:55:02 ]
ความคิดเห็นที่ 4
อิอิ ถือว่าแลกเปลี่ยนความรู้กันครับ วิธีสามเหลี่ยมเราอาจจะต้องจัด Money management ดีๆหน่อย รวมทั้งอาจะต้องใช้การคาดการณ์ถึงการเคลื่อนไหวของโซนราคาเล็กน้อย ไม่งั้นเวลาเราจะขยายตัวหรือคลุมโซนเพิ่มจะลำบากหน่อย :)
จากคุณ : MudleyGroup - [ 15 ม.ค. 52 12:01:11 ]
ความคิดเห็นที่ 5
ขอบคุณ คุณ Mudley Group อีกครั้ง รูปสุดท้ายที่ โพส ตรงสามเหลี่ยม ซ้อนกัน มันตรงกับที่ผมคิดไว้พอดีเลยครับ เนื่องจากว่า กรณีที่เป็นพีระมิดชุดเดียว โอกาส ที่จะถึงฐานของพีระมิดหัวกลับนั้น มันน้อย ถ้าเราทำเป็น พีระมิดซ้อนกัน มันก็น่าจะทำให้ประสิทธิภาพดีขึ้นกว่าเดิม
จากคุณ : อาปี้คุง - [ 15 ม.ค. 52 13:52:59 ]
ความคิดเห็นที่ 6
รูปนี้ เป็น โมเดล ที่ผมคิด เพราะ ว่า ถ้าเกิดใช้ พีระมิด จริงๆ มันอาจจะใช้จำนวนหุ้นมากเกินไป ก็เลยคิดเป็นแบบ พีระมิดขั้นบันได้แทน
จากคุณ : อาปี้คุง - [ 15 ม.ค. 52 13:55:31 ]
ความคิดเห็นที่ 7
ส่วนวิธีป้องกันกรณีที่หุ้นลงต่ำกว่าที่เราประมาณ ก็คือ เราจะเซตความกว้างฐานจำกัดค่าหนึ่ง จากนั้น ก็เพิ่มพีระมิดอีกชุดให้เหลื่อมกัน ไม่ทราบว่ามันน่าจะมีประสิทธิภาพดีกว่าเดิมมั้ยครับ
จากคุณ : อาปี้คุง - [ 15 ม.ค. 52 14:05:05 ]
ความคิดเห็นที่ 8
คุณ MudleyGroup เราสามารถ เอาประยุกต์กับ option + future ได้เหมือนกัน ใช่ม่ะ ครับ ลอง ผม ก็คิดคล้ายๆ กับ ของพี่ อะครับ
จากคุณ : pheromotone - [ 15 ม.ค. 52 17:59:15 ]
ความคิดเห็นที่ 9
kite
จากคุณ : pheromotone - [ 15 ม.ค. 52 17:59:53 ]
แนวคิด kzm ที่คุณ Mudley Group ได้อธิบายนั้น เป็นการแบ่งโซน ที่มีจำนวนหุ้น เท่าๆกัน ผมมีข้อสังเกต อยู่ตรงจุดครับ กรณี ที่ อยู่บริเวณโซนที่ราคาสูงๆ ราคาหุ้นมีโอกาสเสี่ยงที่จะลงมากกว่า ทำให้โอกาสทำกำไรได้น้อยกว่าโซนที่ราคาต่ำ และถ้าเกิด ว่า ผมเซตจำนวนหุ้นเป็นลักษณะ ซื้อเป็นรูปแบบ สามเหลี่ยม ขายเป็นรูปแบบสามเหลี่ยมกลับหัว มันน่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่าหรือเปล่าครับ รบกวนผู้รู้ช่วยวิเคราะห์ว่าสมมติฐานที่ผมตั้ง มันน่าจะทำกำไรได้มากกว่าหรือไม่ ถือว่าแชร์ข้อมูลกันนะครับ
จากคุณ : อาปี้คุง - [ 15 ม.ค. 52 10:50:58 ]
ความคิดเห็นที่ 1
สวัสดีครับ วิธีสามเหลี่ยม เป็นวิธีที่พวกกองทุนรวมชอบใช้ครับ ถ้าเจ้าของกระทุ้สร้างโมเดลโดยเน้นไปที่กำไรสูงสุดเป็นเป้าหมายก็อาจจะต้อง ทำแบบนั้นครับ
ที่ต้องบอกก่อนเพราะ KZM ต่างกับ ปิรามิดเทรดตรงที่เป้าหมายต่างกัน ปิรามิดเทรดจะไม่เน้นต่อยอดโมเดล แต่เน้นที่ผลกำไรสูงสุด
ดังนั้นจึงต้องเลือกวิธีการแต่ล่ะโมเดลให้ถูกต้องกับเป้าหมายของเราครับ KZM เป็นโมเดลที่เอาไว้ใช้เทรนคนที่ต้องทำอาชีพเทรดเดอร์ในเฮดจ์ฟันดังนั้นเรา จึงต้องเน้นที่ความอดทนและวินัยรวมถึงการต่อยอดโมเดลมาเป็นอันดับแรกครับ ผลตอบแทนจะอยุ่ในตอนสุดท้ายของความสำคัญ
KZM ที่แบ่งเป็นโซนที่เท่ากัน เพราะ ขั้นต่อไปนั้นจะเป็นการต่อยอดเรื่อง การอ่าน Zone price ของราคา และการกระจายออกไปยึดครองเป้าหมายอื่น รวมทั้งการเฮจ์ในอนาคต ทั้งนี้จะพยามทุกอย่างให้เป็น Systematic trade โดยที่เทรดเดอร์ไม่ต้อง monitor จอทั้งวันเพื่อเอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่ตัวเองอยากทำต่อไปในอนาคต ครับ
ดังนั้นวิธีการของเจ้าของกระทู้ต้องบอกว่าทำกำไรได้มากกว่าอยุ่แล้วครับ ทีนี้ก็อยุ่ว่าเราจะเลือกใช้วิธีไหนหล่ะครับ :)
ส่วน KZM ในตอนนี้มันเป็นแค่การเริ่มต้นขั้นแรกครับ กว่าจะเริ่ม Start up ระดับต่อไปก็ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง ผมรอให้เพื่อนผมไปถึงขั้นสองก่อนก็จะมาอัพเกรดให้ทุกท่านครับ เพราะตอนนี้ถ้าอัพเลยพื้นฐานก็จะยังไม่เน้นพอที่จะรับขั้นต่อไปได้ :)
จากคุณ : MudleyGroup - [ 15 ม.ค. 52 11:25:05 ]
ความคิดเห็นที่ 2
ส่วนถ้าเจ้าของกระทู้จะใช้วิะีปิรามิดเทรดต้องระวังเวลา ตลาดขาลงนิดนึงนะครับเพราะฐานปิรามิดมันจะกว้างขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเราต้องคำนวนงบในการสร้างฐานปิรามิดของเราให้ดี เพราะถ้ามันหลุดฐานไปโดยที่เรามีเงินไม่พอจะส่งผลให้เราเสียหายหนักได้ครับ แต่ถ้าคำนวน Budget cover จนถึง Worst case แล้วก็ถือว่าเป็นวิธีที่น่าสนใจ แต่ยังไงก็ไม่ควรใช้กับหุ้นรายตัวนะครับ กลยุทธ์ซื้อเฉลี่ยยังไงก็ไม่ควรใช้กับหุ้น เพราะเราไม่รุ้ว่าบริษัทที่เรามั่นคงนั้นจะมั่นคงจริงๆหรือปล่าวในอนาคต ยุดนี้เป็นยุคที่การเปลี่ยนแปลงค่อนข้างไว ธุรกิจที่เข้มแข็งในวันไม่กี่เดือนข้างหน้าอาจจะอ่อนแอลงก็ได้ การฝากความหวังไว้กับบริษัทเดียวที่คิดว่ามั่นคงนี่คือเป็นความเสี่ยงที่มอง ไม่เห็นอย่างหนึ่งครับ :)
จากคุณ : MudleyGroup - [ 15 ม.ค. 52 11:40:37 ]
ความคิดเห็นที่ 3
ขอบคุณ คุณ MudleyGroup มากๆครับที่ตอบคำถาม ตอนนี้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นแล้วครับ
จากคุณ : อาปี้คุง - [ 15 ม.ค. 52 11:55:02 ]
ความคิดเห็นที่ 4
อิอิ ถือว่าแลกเปลี่ยนความรู้กันครับ วิธีสามเหลี่ยมเราอาจจะต้องจัด Money management ดีๆหน่อย รวมทั้งอาจะต้องใช้การคาดการณ์ถึงการเคลื่อนไหวของโซนราคาเล็กน้อย ไม่งั้นเวลาเราจะขยายตัวหรือคลุมโซนเพิ่มจะลำบากหน่อย :)
จากคุณ : MudleyGroup - [ 15 ม.ค. 52 12:01:11 ]
ความคิดเห็นที่ 5
ขอบคุณ คุณ Mudley Group อีกครั้ง รูปสุดท้ายที่ โพส ตรงสามเหลี่ยม ซ้อนกัน มันตรงกับที่ผมคิดไว้พอดีเลยครับ เนื่องจากว่า กรณีที่เป็นพีระมิดชุดเดียว โอกาส ที่จะถึงฐานของพีระมิดหัวกลับนั้น มันน้อย ถ้าเราทำเป็น พีระมิดซ้อนกัน มันก็น่าจะทำให้ประสิทธิภาพดีขึ้นกว่าเดิม
จากคุณ : อาปี้คุง - [ 15 ม.ค. 52 13:52:59 ]
ความคิดเห็นที่ 6
รูปนี้ เป็น โมเดล ที่ผมคิด เพราะ ว่า ถ้าเกิดใช้ พีระมิด จริงๆ มันอาจจะใช้จำนวนหุ้นมากเกินไป ก็เลยคิดเป็นแบบ พีระมิดขั้นบันได้แทน
จากคุณ : อาปี้คุง - [ 15 ม.ค. 52 13:55:31 ]
ความคิดเห็นที่ 7
ส่วนวิธีป้องกันกรณีที่หุ้นลงต่ำกว่าที่เราประมาณ ก็คือ เราจะเซตความกว้างฐานจำกัดค่าหนึ่ง จากนั้น ก็เพิ่มพีระมิดอีกชุดให้เหลื่อมกัน ไม่ทราบว่ามันน่าจะมีประสิทธิภาพดีกว่าเดิมมั้ยครับ
จากคุณ : อาปี้คุง - [ 15 ม.ค. 52 14:05:05 ]
ความคิดเห็นที่ 8
คุณ MudleyGroup เราสามารถ เอาประยุกต์กับ option + future ได้เหมือนกัน ใช่ม่ะ ครับ ลอง ผม ก็คิดคล้ายๆ กับ ของพี่ อะครับ
จากคุณ : pheromotone - [ 15 ม.ค. 52 17:59:15 ]
ความคิดเห็นที่ 9
kite
จากคุณ : pheromotone - [ 15 ม.ค. 52 17:59:53 ]