...ผลกระทบของทฤษฎีเด่นศรี (DSM Effect)...
...ผลกระทบของทฤษฎีเด่นศรี (DSM Effect)...
เรียนทุกท่านด้วยความเคารพ...ขออนุญาติให้ความเห็นที่แตกต่าง
1. เลิกวิเคราะห์ เลิกอ่านตำรา มาร์ แม้ว ไม่สนใจ ไม่เชื่อแล้ว ตั้งหน้าตั้งตาขายและสร้างหุ้นอย่างเดียว
2. ราคาหุ้นตกลง ดิ่งลง ลงเรื่อยๆ คิดว่าดีหรือ จริงอยู่หุ้นเพิ่ม แต่มูลค่าลดลง แล้วถ้าหุ้นไม่ขึ้นละ ?
3. ลดความน่าเชื่อถือของหุ้นกิจการนั้นๆ และลดความน่าเชื่อถือของตลาดหุ้นไทย อย่างที่เป็นอยู่ทุกวัน
4. คนไม่รู้ว่าหุ้นถูกลากลง ก็เข้าๆ ออกๆ เสียเงินตลอด เงินยืม เงินกู้ เงินสะสม หายหมด !
5. ร้ายแรงถึงขั้น ระบบเศรษฐกิจล่มสลาย ถ้าพากันลากลงไปอยู่อย่างนี้
อาจดูร้ายแรง ถ้าพวกคุณยังไม่เห็นเป้าหมายของคุณเด่นศรี ถ้ายังจะลากหุ้นลงอยู่อย่างนี้
ทฤษฎีนี้ใช้ได้ดีกับหุ้นที่มีความผันผวน และจะยิ่งดีมากถ้าขึ้นเร็วลงเร็ว ผมมองว่าทฤษฎีนี้มีจุดอ่อน
และมีผลกระทบต่อส่วนรวมมากจนคาดไม่ถึง บางท่านบอกว่าคนรู้ไม่ถึง 5% ถ้าอย่างนั้น
ขอยกตัวอย่างเปรียบเทียบ
ชาวนาคนหนึ่งทำอาชีพเลี้ยงกุ้ง วันหนึ่งกุ้งได้รับความนิยม ขายดีมากๆ ราคาสูงขึ้นตามความต้องการของตลาด ชาวนาก็รวยเอาๆ ชาวนาที่ทำนาอยู่เห็นดังนั้นก็พากันมาเลี้ยงกุ้ง กุ้งก็ล้นตลาด ราคาก็ถูกลงจนไม่มีคนซื้อ คนเริ่มเบื่อ จากนั้นราคากุ้งก็ตกเอาๆ ชาวนาที่เลี้ยงกุ้งเปลี่ยนมาเป็นทำสวนลำไย ช่วงแรกก็เหมือนเดิม ขายได้ราคาดี ขายดีมากๆ ชาวกุ้งคนอื่น ก็พากันมาทำสวนลำไย จากนั้นลำไยก็ตกเอาๆ ต่อไปเปลี่ยนไปทำอะไรดี..เงาะ ทุเรียน กล้วย ? ชาวนาที่แห่ตามมาบ้างก็ทำตามได้
บ้างก็ต้องเลิกไป เพราะเอาไปลงทุนทำอย่างอื่น มันจมไปกับบ่อกุ้ง สวนลำไย..เงาะ..ทุเรียน หมดแล้ว
ชาวนาคนแรกไม่สนใจ ตั้งหน้าตั้งตาที่จะเปลี่ยนแปลง เพื่อความอยู่รอดของตัวเอง โดยทิ้งผลงาน ที่คิดว่าเป็นความสำเร็จของตัวเองไว้ตามทาง ที่ตัวเองเดินมา จนกระทั่งชาวนาคนอื่นเลิกที่จะทำตาม มันเกิดอะไรขึ้น ?
ผมชี้แจงด้วยความเคารพและเป็นมิตรกับคุณเด่นศรี
และเห็นว่าทฤษฎีนี้อันตราย หากใช้ไม่ถูก อย่างที่คนไทยทุกคนโดนกันถ้วนหน้าในขณะนี้
ปล. (ไม่ใช่ปลาไหลนะ) หากคุณเด่นศรีมีข้อคิดและประสบการณ์อะไร ได้โปรดชี้แนะและบอกต่อตลอดไปด้วย ใครที่ได้ติดตามข่าวสาร รู้จักค้นคว้าหาข้อมูล จะได้ความรู้ และประโยชน์จากคุณเด่นศรีได้เป็นอย่างดี
หมายเหตุ : ผมไม่เคยเล่นหุ้น ไม่มีหุ้นสักตัว ไม่มีบัญชีหุ้น ผมไม่ใช่นักวิเคราะห์ และไม่เกี่ยวกับตลาดหุ้นเลย
แต่สนใจวิธีการของคุณเด่นศรีเป็นพิเศษเท่านั้นเอง ไม่ใช่เรื่องใหม่ อยู่ที่ใครจะค้นคว้าและหาเจอ
จากคุณ : v-port - [ 17 ส.ค. 47 13:21:11 ]
--------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 1
สวัสดีครับ คุณ v-port
สมมุติว่า หุ้นเป็นกุ้ง นะครับ
ยิ่งลูกค้าต้องการกุ้งมาก กุ้งก็จะได้ราคาดี .... ตรงส่วนนี้ คุณ v-port เข้าใจใช่มั้ยครับ ( ยิ้ม )
นั่นคือ ยิ่งมีคนต้องการหุ้น หุ้นก็ยิ่งราคาสูงขึ้น
แต่ตรงจุดที่คุณ v-port บอกว่า ชาวนาคนอื่น หันมาเลี้ยงกุ้งด้วย จนกุ้งล้นตลาด อันนี้น่าจะเข้าใจผิดครับ
เนื่องจาก จำนวนหุ้นในตลาด ไม่สามารถเพิ่มได้เหมือนกุ้ง เพราะจำนวนหุ้นมีอยู่ค่อนข้างแน่นอน ( นอกจากเจ้าของบริษัทเองต้องการเพิ่มทุน โดยการขายหุ้นเข้าตลาด )
การล้นตลาดของหุ้น จึงไม่เหมือนการล้นตลาดของกุ้ง
........................
( แต่ผมไม่ค่อยแน่ใจเรื่องการเพิ่มปริมาณหุ้นเข้าสู่ตลาดนะครับ )
...............................
ผมมองในแง่ อุปสงค์ และ อุปทาน
จำนวนหุ้นจดทะเบียน เป็นจำนวนที่ค่อนข้างแน่นอน
นั่นคือ ที่เหลืออยู่ที่ว่า อุปสงค์จะมากหรือน้อย
ถ้าอุปสงค์น้อย ราคาหุ้นก็ต่ำลง
ถ้าอุปสงค์มาก ราคาหุ้นก็สูงขึ้น
..............................
สิ่งที่น่าจะมีผลโดยตรงต่อการเพิ่มของปริมาณหุ้น ( อุปทาน ) คือ การแตกพาร์ เพราะทำให้หุ้นในตลาดมากขึ้น
............................
ดังนั้น การที่คนต้องการหุ้นมากขึ้น ( ต้องการสะสมหุ้น ) จึงเป็นสิ่งตรงกันข้ามกับจำนวนหุ้นในตลาดที่มากขึ้นครับ
........................
ผมอธิบายตรงประเด็นหรือเปล่าครับเนี่ยะ ( หัวเราะ )
.............................
ถ้าไม่ตรงประเด็น ลองถามเพิ่มนะครับ ( ยิ้ม )
.........................
เด่นศรี
จากคุณ : เด่นศรี - [ 17 ส.ค. 47 13:54:07 ]
ความคิดเห็นที่ 2
ไม่รู้นะ ผมชอบ DSM ครับ
ทุบลงมาเจ้ามือเสียของ
ลากขึ้นไปเจ้ามือเสียเงิน
ถ้ามีคนใช้วิธีนี้เยอะๆ หุ้นจะstable ที่จุดนึงครับ
และราคาหุ้นจะเป็นไปตามผลตอบแทนที่แท้จริง
จากคุณ : weekest - [ 17 ส.ค. 47 13:57:19 ]
ความคิดเห็นที่ 3
คุณ v-port คงต้องทำความเข้าใจเรื่องหุ้นใหม่ทั้งหมดเลยครับ
การลากหุ้นลงเค้าไม่ทำอย่างคุนเด่นศรีหรอกครับ
ถ้าใช้วิธี DSM กันมาก ๆ จะทำให้หุ้นมีความผันผวนโดยรวมลดลงด้วย เพราะเวลาหุ้นลง คนจะทยอยขาย ไม่ขายทีทั้งหมด การทยอยขายทำให้หุ้นลงช้า
เวลาขาขึ้น เวลาขึ้นยิ่งไม่มีปัญหา อมหุ้นไว้สบาย
ด้วยความเคารพครับคุณ v-port น่าจะ ศึกษาเรื่องที่เราจะวิจารณ์ให้ดีก่อนนะผมว่า
จากคุณ : มาร์แก่ แก่ คนหนึ่ง (lyrics) - [ 17 ส.ค. 47 14:13:45 ]
ความคิดเห็นที่ 4
ผมก็ไม่เคยเล่นหุ้นนะครับ
แต่ตามอ่านมาเป็นเวลาพอสมควร (ยิ้ม) ขอยืมใช้หน่อยนะครับ ชอบ :)
ตามความคิดที่ไม่มีความรู้ของผมนะ ผมว่าวิธีนี้จะทำให้พวกโบรคทั้งหลายหันมามองรายย่อยกันมากขึ้น คงเพราะว่าได้ค่าคอมมากขึ้น
ที่ผ่านๆมาที่บรรดาโบรคให้ความสนใจกับขาใหญ่กันมาก เพราะได้ค่าคอมเป็นเม็ดเป็นหน่วยอย่างเห็นได้ชัด พอรายย่อยหันมาเล่นวิธีนี้กันผมว่าโบรคทั้งหลายคงจะเริ่มหันความสนใจมาทางรายย่อยมั่งแล้วละ
ยิ่งพิมยิ่งงงหว่า... พอดีก่าชักจะงง
แก้ไขเมื่อ 17 ส.ค. 47 14:53:05
จากคุณ : platalay - [ 17 ส.ค. 47 14:16:47 ]
ความคิดเห็นที่ 5
น่าจะไปลองเล่นหุ้นดูก่อน แล้วค่อยมาแสดงความคิดเห็นอีกที
จากคุณ : sumaei - [ 17 ส.ค. 47 14:20:47 ]
ความคิดเห็นที่ 6
แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 47 08:25:29
จากคุณ : ทรงกฤษฎิ์ - [ 17 ส.ค. 47 14:26:56 ]
ความคิดเห็นที่ 7
ขอให้ไปที่กระทู้
...ผลกระทบของทฤษฎีเด่นศรี #2 (DSM Effect)...
ขออภัยในความเข้าใจผิดเรื่องกุ้ง
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I2965475/I2965475.html
จากคุณ : v-port (v-port) - [ 17 ส.ค. 47 15:00:46 ]
ความคิดเห็นที่ 8
อิ อิ ตามมาหัวเราะคุณทรงกฤษฎิ์ค่ะ
คิดตามแล้วน่าจะมันส์..ดีนะ
จากคุณ : แมงป่อง^scorpion^ - [ 17 ส.ค. 47 15:04:55 ]
เรียนทุกท่านด้วยความเคารพ...ขออนุญาติให้ความเห็นที่แตกต่าง
1. เลิกวิเคราะห์ เลิกอ่านตำรา มาร์ แม้ว ไม่สนใจ ไม่เชื่อแล้ว ตั้งหน้าตั้งตาขายและสร้างหุ้นอย่างเดียว
2. ราคาหุ้นตกลง ดิ่งลง ลงเรื่อยๆ คิดว่าดีหรือ จริงอยู่หุ้นเพิ่ม แต่มูลค่าลดลง แล้วถ้าหุ้นไม่ขึ้นละ ?
3. ลดความน่าเชื่อถือของหุ้นกิจการนั้นๆ และลดความน่าเชื่อถือของตลาดหุ้นไทย อย่างที่เป็นอยู่ทุกวัน
4. คนไม่รู้ว่าหุ้นถูกลากลง ก็เข้าๆ ออกๆ เสียเงินตลอด เงินยืม เงินกู้ เงินสะสม หายหมด !
5. ร้ายแรงถึงขั้น ระบบเศรษฐกิจล่มสลาย ถ้าพากันลากลงไปอยู่อย่างนี้
อาจดูร้ายแรง ถ้าพวกคุณยังไม่เห็นเป้าหมายของคุณเด่นศรี ถ้ายังจะลากหุ้นลงอยู่อย่างนี้
ทฤษฎีนี้ใช้ได้ดีกับหุ้นที่มีความผันผวน และจะยิ่งดีมากถ้าขึ้นเร็วลงเร็ว ผมมองว่าทฤษฎีนี้มีจุดอ่อน
และมีผลกระทบต่อส่วนรวมมากจนคาดไม่ถึง บางท่านบอกว่าคนรู้ไม่ถึง 5% ถ้าอย่างนั้น
ขอยกตัวอย่างเปรียบเทียบ
ชาวนาคนหนึ่งทำอาชีพเลี้ยงกุ้ง วันหนึ่งกุ้งได้รับความนิยม ขายดีมากๆ ราคาสูงขึ้นตามความต้องการของตลาด ชาวนาก็รวยเอาๆ ชาวนาที่ทำนาอยู่เห็นดังนั้นก็พากันมาเลี้ยงกุ้ง กุ้งก็ล้นตลาด ราคาก็ถูกลงจนไม่มีคนซื้อ คนเริ่มเบื่อ จากนั้นราคากุ้งก็ตกเอาๆ ชาวนาที่เลี้ยงกุ้งเปลี่ยนมาเป็นทำสวนลำไย ช่วงแรกก็เหมือนเดิม ขายได้ราคาดี ขายดีมากๆ ชาวกุ้งคนอื่น ก็พากันมาทำสวนลำไย จากนั้นลำไยก็ตกเอาๆ ต่อไปเปลี่ยนไปทำอะไรดี..เงาะ ทุเรียน กล้วย ? ชาวนาที่แห่ตามมาบ้างก็ทำตามได้
บ้างก็ต้องเลิกไป เพราะเอาไปลงทุนทำอย่างอื่น มันจมไปกับบ่อกุ้ง สวนลำไย..เงาะ..ทุเรียน หมดแล้ว
ชาวนาคนแรกไม่สนใจ ตั้งหน้าตั้งตาที่จะเปลี่ยนแปลง เพื่อความอยู่รอดของตัวเอง โดยทิ้งผลงาน ที่คิดว่าเป็นความสำเร็จของตัวเองไว้ตามทาง ที่ตัวเองเดินมา จนกระทั่งชาวนาคนอื่นเลิกที่จะทำตาม มันเกิดอะไรขึ้น ?
ผมชี้แจงด้วยความเคารพและเป็นมิตรกับคุณเด่นศรี
และเห็นว่าทฤษฎีนี้อันตราย หากใช้ไม่ถูก อย่างที่คนไทยทุกคนโดนกันถ้วนหน้าในขณะนี้
ปล. (ไม่ใช่ปลาไหลนะ) หากคุณเด่นศรีมีข้อคิดและประสบการณ์อะไร ได้โปรดชี้แนะและบอกต่อตลอดไปด้วย ใครที่ได้ติดตามข่าวสาร รู้จักค้นคว้าหาข้อมูล จะได้ความรู้ และประโยชน์จากคุณเด่นศรีได้เป็นอย่างดี
หมายเหตุ : ผมไม่เคยเล่นหุ้น ไม่มีหุ้นสักตัว ไม่มีบัญชีหุ้น ผมไม่ใช่นักวิเคราะห์ และไม่เกี่ยวกับตลาดหุ้นเลย
แต่สนใจวิธีการของคุณเด่นศรีเป็นพิเศษเท่านั้นเอง ไม่ใช่เรื่องใหม่ อยู่ที่ใครจะค้นคว้าและหาเจอ
จากคุณ : v-port - [ 17 ส.ค. 47 13:21:11 ]
--------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 1
สวัสดีครับ คุณ v-port
สมมุติว่า หุ้นเป็นกุ้ง นะครับ
ยิ่งลูกค้าต้องการกุ้งมาก กุ้งก็จะได้ราคาดี .... ตรงส่วนนี้ คุณ v-port เข้าใจใช่มั้ยครับ ( ยิ้ม )
นั่นคือ ยิ่งมีคนต้องการหุ้น หุ้นก็ยิ่งราคาสูงขึ้น
แต่ตรงจุดที่คุณ v-port บอกว่า ชาวนาคนอื่น หันมาเลี้ยงกุ้งด้วย จนกุ้งล้นตลาด อันนี้น่าจะเข้าใจผิดครับ
เนื่องจาก จำนวนหุ้นในตลาด ไม่สามารถเพิ่มได้เหมือนกุ้ง เพราะจำนวนหุ้นมีอยู่ค่อนข้างแน่นอน ( นอกจากเจ้าของบริษัทเองต้องการเพิ่มทุน โดยการขายหุ้นเข้าตลาด )
การล้นตลาดของหุ้น จึงไม่เหมือนการล้นตลาดของกุ้ง
........................
( แต่ผมไม่ค่อยแน่ใจเรื่องการเพิ่มปริมาณหุ้นเข้าสู่ตลาดนะครับ )
...............................
ผมมองในแง่ อุปสงค์ และ อุปทาน
จำนวนหุ้นจดทะเบียน เป็นจำนวนที่ค่อนข้างแน่นอน
นั่นคือ ที่เหลืออยู่ที่ว่า อุปสงค์จะมากหรือน้อย
ถ้าอุปสงค์น้อย ราคาหุ้นก็ต่ำลง
ถ้าอุปสงค์มาก ราคาหุ้นก็สูงขึ้น
..............................
สิ่งที่น่าจะมีผลโดยตรงต่อการเพิ่มของปริมาณหุ้น ( อุปทาน ) คือ การแตกพาร์ เพราะทำให้หุ้นในตลาดมากขึ้น
............................
ดังนั้น การที่คนต้องการหุ้นมากขึ้น ( ต้องการสะสมหุ้น ) จึงเป็นสิ่งตรงกันข้ามกับจำนวนหุ้นในตลาดที่มากขึ้นครับ
........................
ผมอธิบายตรงประเด็นหรือเปล่าครับเนี่ยะ ( หัวเราะ )
.............................
ถ้าไม่ตรงประเด็น ลองถามเพิ่มนะครับ ( ยิ้ม )
.........................
เด่นศรี
จากคุณ : เด่นศรี - [ 17 ส.ค. 47 13:54:07 ]
ความคิดเห็นที่ 2
ไม่รู้นะ ผมชอบ DSM ครับ
ทุบลงมาเจ้ามือเสียของ
ลากขึ้นไปเจ้ามือเสียเงิน
ถ้ามีคนใช้วิธีนี้เยอะๆ หุ้นจะstable ที่จุดนึงครับ
และราคาหุ้นจะเป็นไปตามผลตอบแทนที่แท้จริง
จากคุณ : weekest - [ 17 ส.ค. 47 13:57:19 ]
ความคิดเห็นที่ 3
คุณ v-port คงต้องทำความเข้าใจเรื่องหุ้นใหม่ทั้งหมดเลยครับ
การลากหุ้นลงเค้าไม่ทำอย่างคุนเด่นศรีหรอกครับ
ถ้าใช้วิธี DSM กันมาก ๆ จะทำให้หุ้นมีความผันผวนโดยรวมลดลงด้วย เพราะเวลาหุ้นลง คนจะทยอยขาย ไม่ขายทีทั้งหมด การทยอยขายทำให้หุ้นลงช้า
เวลาขาขึ้น เวลาขึ้นยิ่งไม่มีปัญหา อมหุ้นไว้สบาย
ด้วยความเคารพครับคุณ v-port น่าจะ ศึกษาเรื่องที่เราจะวิจารณ์ให้ดีก่อนนะผมว่า
จากคุณ : มาร์แก่ แก่ คนหนึ่ง (lyrics) - [ 17 ส.ค. 47 14:13:45 ]
ความคิดเห็นที่ 4
ผมก็ไม่เคยเล่นหุ้นนะครับ
แต่ตามอ่านมาเป็นเวลาพอสมควร (ยิ้ม) ขอยืมใช้หน่อยนะครับ ชอบ :)
ตามความคิดที่ไม่มีความรู้ของผมนะ ผมว่าวิธีนี้จะทำให้พวกโบรคทั้งหลายหันมามองรายย่อยกันมากขึ้น คงเพราะว่าได้ค่าคอมมากขึ้น
ที่ผ่านๆมาที่บรรดาโบรคให้ความสนใจกับขาใหญ่กันมาก เพราะได้ค่าคอมเป็นเม็ดเป็นหน่วยอย่างเห็นได้ชัด พอรายย่อยหันมาเล่นวิธีนี้กันผมว่าโบรคทั้งหลายคงจะเริ่มหันความสนใจมาทางรายย่อยมั่งแล้วละ
ยิ่งพิมยิ่งงงหว่า... พอดีก่าชักจะงง
แก้ไขเมื่อ 17 ส.ค. 47 14:53:05
จากคุณ : platalay - [ 17 ส.ค. 47 14:16:47 ]
ความคิดเห็นที่ 5
น่าจะไปลองเล่นหุ้นดูก่อน แล้วค่อยมาแสดงความคิดเห็นอีกที
จากคุณ : sumaei - [ 17 ส.ค. 47 14:20:47 ]
ความคิดเห็นที่ 6
แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 47 08:25:29
จากคุณ : ทรงกฤษฎิ์ - [ 17 ส.ค. 47 14:26:56 ]
ความคิดเห็นที่ 7
ขอให้ไปที่กระทู้
...ผลกระทบของทฤษฎีเด่นศรี #2 (DSM Effect)...
ขออภัยในความเข้าใจผิดเรื่องกุ้ง
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I2965475/I2965475.html
จากคุณ : v-port (v-port) - [ 17 ส.ค. 47 15:00:46 ]
ความคิดเห็นที่ 8
อิ อิ ตามมาหัวเราะคุณทรงกฤษฎิ์ค่ะ
คิดตามแล้วน่าจะมันส์..ดีนะ
จากคุณ : แมงป่อง^scorpion^ - [ 17 ส.ค. 47 15:04:55 ]