เว็บบอร์ดของ DSM ตอนที่ 1

ยินดีด้วยครับกับบ้านหลังใหม่
แจ้งลบกระทู้


สวัสดีครับ ... คุณเทพ

               ดีใจที่จะได้อ่านบทความ ดี ดี จากคุณเทพเหมือนดังแต่ก่อน หลังจากที่คิดถึงมานานแสนนาน

..................................


ผู้ตั้งกระทู้ loaw :: วันที่ลงประกาศ 2009-05-04 20:45:30

[1] 2 ถัดไป >>

ความเห็นที่ 1 (1435613)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับพี่ทู

         หลังเดิม  ลืมต่ออายุครับ  เลยโดนยึดคืนไป    พอลองเข้าหลังเดิมดู   ปรากฎว่า  ไปอยู่ในมือคนจีนแล้วววววววววววววว



         เลยต้องสร้างหลังใหม่      หลังใหม่นี้    รับรองทำยาวววววววววววววววว  ตลอดชีวิตครับ   เพราะจะเอาไว้ใช้งานส่วนตัวโดยเฉพาะเลย      ใช้สำหรับดูงาน  ตามงาน   และ   เขียนอะไรที่คิดได้สำหรับไอเดีย  เพื่อเก็บไว้กันลืมครับ



         อีกอย่างคือ  จะได้สะดวกในการเปิดดูงานได้จากทุกที่จากคอม ๆ  ทุกที่ที่ต่อเน็ตได้    ไม่ต้องพึ่งพาคอม ๆ  ตัวที่ทำข้อมูลตัวเดียว     จะได้สะดวกขึ้นครับ



           ส่วนเรื่องหุ้น   ผมไม่ได้คุยอะไรมากนะครับ   ขอเก็บเป็นความลับของครอบครัว    อีกอย่างคือ   ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบครั้งที่ผ่านมาครับ     เลยคุยเรื่องหุ้นก็จะคุยแบบทั่วไป   หรือ   ทำลิงค์เวปอื่นที่น่าสนใจให้แทนครับ



           ยินดีต้อนรับครับพี่ทู      มีความสุข   มีความทุกข์   หรือ  มีเรื่องเล่าสนุก   เรื่องเครียด   ก็มาระบายได้นะครับ    ผมช่วยฟัง   (  แต่ช่วยด้านอื่นได้หรือเปล่า   อันนี้ไม่ค่อยแน่ใจครับ   อิอิ  )



           ยินดีต้อนรับครับพี่ทู   .........................................
ผู้แสดงความคิดเห็น webter วันที่ตอบ 2009-05-05 07:59:14


ความเห็นที่ 2 (1436335)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับ .... คุณเทพ

                     ร้านที่คุณเทพกล่าวถึง ( ที่เช็คเด้งนะครับ ) ใช่ร้านขายยาของคุณเทพหรือเปล่าครับ หรือว่าเป็นร้านขายของร้านใหม่ครับ ตอนนี้

ผมก็พึ่งลงทุนเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยว ให้พี่ชายเขาทำ เปิดมาได้สองเดือนแล้ว .... แต่ก็ยังทำกำไรได้ไม่พอค่าเช่าอยู่ .. แฮ ..แฮ คงต้องเพิ่มทุน

ไปก่อน คิดว่าสักหกเดือนค่อยมาประเมินผลอีกทีว่า จะสู้ต่อหรือจะหาทำเลใหม่

                     สงสัยถ้าอยากคุยเรื่องหุ้นกับคุณเทพ .... คงต้องใช้ฝีมือเจ้าน้องทรีแล้วล่ะมั่ง หากน้องทรีสามารถเข้าไปเป็นหนึ่งในครอบครัว

ของคุณเทพแล้วก็คงจะคุยกับคุณเทพได้ ...... 555 ......... แต่ดูแล้วทางนี้มันยิ่งยากกลัวอีกนะ ... แฮ ... แฮ

....................................
ผู้แสดงความคิดเห็น loaw วันที่ตอบ 2009-05-08 17:04:29


ความเห็นที่ 3 (1436745)   
แจ้งลบความคิดเห็น

ร้านที่เช็คเด้ง   เป็นร้านยาครับ      ผมลองให้น้องคนหนึ่งมาทำหน้าที่ ผจก.ร้าน    โดยส่งเค้าไปเรียนผู้ช่วยเภสัช



แล้วให้เค้าทำร้านเอง  โดยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวครับ  ยกเว้นจ่ายเช็ค    



ช่วง แรกก็ไม่มีปัญหา   แต่ต่อมา   เค้าเริ่มทะนงว่าเค้าทำยอดได้ดี     แล้วประมาทในเรื่องบิลและบัญชี    และผมก็ไม่อุดเงินช่วย   เพราะต้องการให้เค้าเรียนรู้ว่า    เมื่อเค้าทำให้เกิดปัญหา   เค้าต้องแก้ปัญหาได้ด้วย



เค้า สั่งสินค้าเยอะมาก     พอขายสินค้าได้    เค้าก็ไม่แบ่งแยกเงิน    แล้วนำเงินของธุรกิจ  ไปใช้ในด้านอื่น     จนบัญชีสะดุดครับ     พอถึงดิวจ่ายเงิน    เช็คจึงเด้ง  



ตอน นี้ปัญหา   ผมลงมาแก้เรียบร้อยแล้วครับ     โดยไม่ต้องใส่เงินลงไปช่วยเลย     เพราะเพียงแค่คุมบัญชีในเดือนต่อมาให้ลงตัว   ปัญหามันก็ค่อย ๆ คลี่คลายเอง 



แต่ เมื่อปัญหาหมดแล้ว    ผมก็ดึงงานส่วนบัญชีนี้    กลับมาคุมเอง     เพราะเห็นแล้วว่า   น้อง  ผจก. ไม่สามารถควบคุมเรื่องบัญชีได้     



ผมดึงเรื่องบัญชีกลับมาที่ผม     ส่วนที่เหลือ   ก็ให้เค้าทำตามปกติครับ     เพื่อมิให้เกิดปัญหาเช็คเด้งอีก



( ยิ้มแย้มมมมมม  )



ส่วนร้านก๊วยเตี๋ยวของพี่ทู     เล่าให้ผมอ่านเป็นระยะ ๆ  ด้วยนะครับ    ผมชอบอ่านนนนนนนนนนน   (  อ่านอย่างเดียว   )




ผู้แสดงความคิดเห็น คุณเทพ ครับ วันที่ตอบ 2009-05-11 11:21:56


ความเห็นที่ 4 (1436827)   
แจ้งลบความคิดเห็น

เรื่อง ร้านยา   ที่ให้น้องมาทำหน้าที่ดูแล   แล้วเกิดเช็คเด้ง    อันนั้น  ผมจำเป็นต้องลองเสี่ยงครับ     เพราะว่า   ถ้าน้องเค้าทำได้    ผมก็จะสามารถเปิดร้านสาขาได้  ไม่ว่าจะเป็นร้านที่    2    ....   3   หรือ  ......



เลย ต้องเสี่ยงให้น้องเค้าจัดการทุกอย่าง   โดยไม่เข้าไปยุ่ง        แต่ในที่สุดก็ต้องเข้าไปช่วย     และได้เรียนรู้ว่า       บัญชี  เราต้องทำเอง



ตอน นี้ก็ถือว่า   ผ่านแล้วครับ       ที่เหลือคือ     เริ่มวางแผนสำหรับร้านสาขา        ก็เริ่มคิดไปเรื่อย  ๆ ทีละนิด   วันละหน่อยครับ   



ก็ก็อบ***   ระบบจากร้านแรกนี้มาเลย      เพราะล้มลุกคลุกคลานกับระบบมาเกือบ   5   ปี    



ถ้าร้านนี้   ไม่ผ่าน     5   ปีที่เสี่ยงมา   ถือว่าเสียเวลาสุด ๆ  เลยครับ



แต่วันนี้ผ่านแล้ว   ถือว่า   คุ้มมาก  มากกับสิ่งที่ลงไปเลยครับ     




ผู้แสดงความคิดเห็น คุณเทพ ครับ วันที่ตอบ 2009-05-11 18:35:08


ความเห็นที่ 5 (1437104)   
แจ้งลบความคิดเห็น

อ่านที่คุณเทพพูดถึงร้านยาแล้ว รู้สึกดีจังเลยครับ ที่ระบบของคุณเทพที่อุตส่าห์วางไว้ตั้งแต่ต้นมันใช้ได้



ส่วนร้านก๋วยเตี๋ยวที่ผมลงทุนไปนั้น แรกเริ่มก็ไม่ได้คิดดไว้ว่าจะให้ได้กำไรอะไรมากมายหรอกครับ  เป้าหมายก็เพียงแค่ขอให้มีกำไรพอค่าเช่ารวมค่าใช้จ่ายต่าง  และเหลือให้พี่ชายเขาเหลือใช้บ้างนิดหน่อยก็โอเคแล้ว  เพราะมันก็จะเป็นการลดภาระของผมไปในตัว  ที่ต้องดูแลเขาอยู่



และอีกอย่างก็คือ ต้องการให้เขารู้จักทำมาหากินได้ด้วยตัวของเขาเองเนื่องจากที่ผ่านมาคุณแม่ เขาเป็นคนดูแล ( ในส่วนนี้ถือว่าผ่านแล้ว ) เห็นเขามุ่งมั่นทำงานก็ดีใจแล้ว  แม้มันจะยังได้กำไรไม่มากพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายต่างๆ



หากอนาคตข้างหน้า ถ้าสามารถทำไรได้เยอะพอ  เขาก็จได้ส่งลูกของเขาเอง  ( ปัจจุบันผมเป็นคนส่งให้อยู่ ) ก็เรียนอยู่มหาลัยปีสองแล้ว  แต่ผลการเรียนไม่ค่อยดีเลย



ช่วงนี้น้องวันถ้าว่างๆก็จะตะเวนมองหาดูทำเล  ว่าตรงไหนที่คิดว่าน่าจะขายได้ดีกว่าที่เดิม  เพื่อที่เดิมมันไปไม่รอดจริงๆ  แต่ก็หายากเหมือนกัน  บางทีก็ดูโอเค แต่พอเจอเรื่องค่าเช่าก็คิดหนักเหมือนกัน หนึ่งหมื่อห้าพันถึงสองหมื่นบาทต่อเดือนเลย ( ร้านขายก๋วยเตี๋ยวจะขายได้กำไรมากขนาดนั้น ก็ต้องขายให้ได้ 300 ชามต่อวันขึ้นไป )



คุณเทพอย่าอ่านอย่างเดียวสิครับ  มีอะไรที่จะช่วยแนะนำกันบ้าง  ผมเชื่อในความคิดและมันสมองของเทพครับ ว่าระดับเทพสมกับชื่อนั้นแหละครับ ......
ผู้แสดงความคิดเห็น loaw วันที่ตอบ 2009-05-13 00:54:53


ความเห็นที่ 6 (1437173)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับพี่ทู



ผมเองไม่ค่อยถนัดเกี่ยวกับอาหารและก๊วยเตี๊ยวนะครับ    แต่ถ้าพูดคุยแบบกลาง  ๆ   ก็จะพอคุยกันได้ครับพี่



ผม มองทุกอย่างให้เป็นการลงทุน    คือ   มองให้เป็นการครอบครองและสะสมให้มากขึ้นเรื่อย ๆ  ครับพี่    แบบกรณีร้านยา   ผมก็ลงไปดูแลที่สต็อค    มีการตรวจสต็อคทุกเดือน  (  จริง ๆ แล้ว  ผมสั่งเช็คสต็อคทุกวันครับ   แต่เพราะสินค้าในร้านมีมาก    มีประมาณ    2000   รายการ     จึงให้เช็คทุกวันวันละ   200  รายการ   เพื่อให้น้องที่ร้านสามารถเช็คชองและมีเวลาทำงานอื่นด้วย  )



ผม จึงเน้นให้มีของในร้านเพิ่มขึ้นเดือนละนิด     ในขณะเดียวกันก็จะลงทุนเพิ่มจากเงินส่วน   25 %   ที่กันออกมาสำหรับลงทุนเพิ่ม  (  เหมือนพอร์ตหุ้นครับ  จำลองรูปแบบเดียวกันเลย  )



แต่ ปัญหาเรื่องเปิดร้านเพิ่ม   ของร้านยามีข้อจำกัดมากมาย       โดยเฉพาะอย่างยิ่ง    ผู้ดูแลร้าน  ซึ่งทางสาธารณสุขจังหวัด   บังคับให้ต้องเป็น  เภสัชกร



และ เภสัชกร ส่วนใหญ่    ก็มีทุนทรัพย์พอที่จะเปิดร้านเองอยู่แล้ว   โดยไม่ต้องมาเป็นมือปืน  หรือ  รับจ้างขายให้ร้านอื่น    ตรงนี้จึงลำบาก



ผม เคยจะเปิดร้านยา   24   ชม.    แต่เปิดได้แค่   1  วันก็ต้องหยุด   เพราะว่า    ทางสาธารณสุขจังหวัด  ไม่ยอมให้เปิดร้านยา   24   ชม.      เปิดได้ถึงแค่เที่ยงคืน



ร้าน ยาไม่สามารถขายเหล้าหรือบุหรี่    แต่ร้านทั่วไปเช่น   7-11     ( ยกตัวอย่างนะครับ  )   สามารถขายเหล้าบุหรี่ได้   และ ยังสามารถขายยาบางอย่างได้ด้วย      ตรงนี้เป็นข้อจำกัดของร้านยา



ระบบ ที่ทดลองมา  ทั้ง  5  ปี    ส่วนใหญ่เน้นไปที่การคุมเงินและป้องกันตัวเองจากการทุจริตครับ    เพราะปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่ของการที่เราจะไม่อยู่ร้าน     ซึ่งนอกจากป้องกันตัวเองแล้ว    ต้องป้องกันการสูญเสีย   ป้องกันการทุจริตแล้วทิ้งปัญหาให้เรารับผิดชอบภายหลังด้วย



แต่ กรณีร้านพี่ทู    ผมมองให้เป็นการลงทุนสะสม        ก็คงมองไปถึงเรื่องการเพิ่มปริมาณสินค้า  ( อาหาร )   และ  เพิ่มสาขา   เพิ่มเก้าอี้ที่นั่งในร้าน     ทำนองเนี่ยะครับ



แต่เพราะผมไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องอาหารเลย  จึงไม่รู้จะคุยรายละเอียดได้อย่างไร  (  แหะ แหะ  )



แต่ว่า   ....  ค่าเช่าของพี่ทู   แพงกว่าค่าเช่าร้านยาของผมอีกนะครับ    (   เหงื่อหยดเลยครับ  )



(  0-0  )
ผู้แสดงความคิดเห็น คุณเทพ ครับ วันที่ตอบ 2009-05-13 12:52:30


ความเห็นที่ 7 (1438698)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับ ... คุณเทพ

ร้านก๋วยเตี๋ยวที่ว่าเป็นร้านที่เราซื้อแฟรนไซส์เขามาครับ และสิ่งทีเราจะต้องซือกับเขามาเพื่อควบคุมรสชาติก็จะอยู่ 3 อย่างครับคือ

1.หัวเชื่อน้ำซุบ 1 ถุง ( 120 บาท ) เขาแจ้งไว้ว่าสามารถใส่ได้ 200 ชาม แต่จริงๆแล้วมันได้แค่ 80-90 ชามเอง

2.หัวเชื่อตุ่นซี่โครงหมู 1 ถุง ( 120 บาท ) สามารถตุ่นซี่โครงได้ 4 กก. ตามที่เขากำหนด

3.หนังหนูย่างไร้มัน 1 ถุง ( 150 ) สามารถใส่ได้ 80 ชาม ตรงตามที่แจ้งมา

จากข้อ 1. ที่มันไม่ได้ตามที่เขาแจ้งไว้ ก็เลยลองสอบถามไปว่าในส่วนนี้พอที่จะลดราคาลงได้บ้างหรือเพื่อจะได้ลดต้นทุน เราลงมาบ้าง แต่กลับได้รับคำตอบว่า ให้เราพยายามเพิ่มยอดขายต่อวันให้ได้ 200 ชาม ปัญหาที่ว่าก็จะหมดไป ... เซ็งเลย ... ตอบเหมือไม่ตอบ

ผมก็เลยทำเมนูอาหารเพิ่มอย่างที่คุณเทพว่าไว้นั้นแหละ คือเพิ่มก๋วยเตี๋ยวน๋องไก่กับปีกไก่ตุ่น โดยทำการตุ่นเอง ก็พอเริ่มขายได้ แต่รายการอื่นก็ลดลงตามสัดส่วน แต่ยอดรวมต่อวันก็ยังไม่เพิ่มเท่าไรแต่กำไรก็ได้เพิ่มอีกนิดจาก ต้นทุนเราถูกลงเพราะตุ่นเอง

เดือนนี้ผ่านมาครึ่งเดือนแล้วก็ยังไม่ได้ตามเป้า ก็คงต้องรอรุ่นว่าครึ่งเดือนหหลังจะเป็นไงบ้างหลังจากโรงเรียนเปิดแล้วยอด ขายน่าจะเพิ่มขึ้นมาบ้าง

นี่ถ้าร้านนี้ผ่านไปได้ ก็คิดไว้ว่าจะวางระบบแล้วจ้างคนมาทำ แล้วค่อยต่อไปยังอีกร้าน แต่ดูแล้วคงจะยากเหมือนกัน

.....................................

เดิมที่ผมกับน้องวันก็คิดวางแผนกันไว้ว่า หากประสบผลสำเร็จจากพอร์ตการลงทุน จะทยอยสะสมที่สวนยาง กับบ้านเอาไว้ให้คนเช่า ไว้เก็บกินยามแก่ ช่วงนั้นดูจะมีความหวังมาก เพราะได้คุณบ๊อบเป็นคนค่อยแนะนำ แต่แล้วก็อย่างที่ว่า



แล้วความหวังมันก็กลับมาอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้มั่นใจมากกว่าครั้งแรกเสียอีกแต่เสียดายที่มาเกิดเหตุเสียก่อน สุดท้ายก็เลย งม งม ไปเหมือนความหวังมันจะร่องลอยออกไปเรื่อยๆ



แต่ก็ไม่ถึงกับสิ้นหวังมากนัก เพราะอย่างน้อยก็ยังมีงานทำอยู่ และก็ยังพอเหลือมาให้ ทดลองต่อไป ดีที่น้องวันยังไม่เคยต่อว่าอะไรเลย ที่กี่ครั้งๆก็ไม่เห็นผลสักที  ก้บ้างเป็นบางครั้งที่ผมว่าอีกนานไหมที่เราจะดึงทุนออกมาได้หมด ... แฮ .. แฮ เป็นคำถามที่ตอบยากเสียด้วยสิ



ตอนนี้เหมือนความหวังจะมีเข้ามาอีกแล้ว กับระบบเทรดแบบ KZM ( ยังไม่เข็ด ) แต่ก็อย่างว่าละนะ มันก็คงไม่ง่ายอย่างที่คิดเหมือนกับบทเรียนครั้งก่อนแน่ คงต้องใช้ความรอบคอบมากขึ้น



................................



ตอนนี้สิ่งเดียวที่สบายใจก็คือผมสามารถดูแลคุณแม่ให้ท่านมีความสุขได้  เพราะก่อนหน้านี้ท่านลำบากเพราะต้องทำงานหาเงินเพื่อดูแลครอบครัวพี่ชาย ผมเคยขอให้ท่านมาอยู่กับผมแต่ท่านก้ไม่ยอมมา ตอนนี้ก็ไม่มีปัญหาแล้วเพราะผมรับภาระครอบครัวพี่ชายของผมมาดูแลแทน และท่านก็ไม่ต้องทำงานแล้ว ตอนเย็นถ้าว่างก็พาท่านไปออกกำลังกาย ที่สำคัญน้องวันดูแลท่านเป็นอย่างดีด้วยในยามที่ผมต้องไปทำงาน



...............................
ผู้แสดงความคิดเห็น loaw วันที่ตอบ 2009-05-17 10:40:12


ความเห็นที่ 8 (1439974)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับ ... คุณเทพ



                    สงสัยเดือนนี้ก็คงเข้าเนื้อต่ออีกแน่แล้ว ( เหลืออีกอาทิตย์ ) ยอดยังไม่ดีขึ้นเลย แถมยังทำท่าว่าจะลดลงอีกต่างหาก ร้านข้างๆอีกสองร้านที่ขาย ราดหน้า กับอีกร้านขายก๋วยเตี๋ยวปลาก็แย่เหมือนกันยอดตกลง และที่สำคัญร้านทั้งสองยอดขายแย่กว่าร้านเราเสียอีก



                    ตอนนี้ก็เลยมานั่งคิดหาสาเหตุว่าทำไมถึงมีลูกค้ามากินน้อย ผมลองไปกินร้านแถวข้างถนน ( ขายทีฟุตบาต ) ที่มีคนกินเยอะ ก็รสชาติไม่ได้ดีกว่าร้านเราเลย แต่ที่เขาขายมันอยู่ในยานชุมชน มันน่าจะเกี่ยวกับทำเลหรือเปล่า ถ้าเกี่ยวกับทำเล เราจะแก้ปัญหายังไงให้ทำเลเดิมมีคนมากินเพิ่มได้บ้างเพราะหวังให้เขามาลอง กินสักครั้งเผื่อจะชอบในรสชาติ ( เท่าที่สังเกตุดูส่วนใหญ่ที่มากินจะเป็นคนเดิมๆ ) จะว่าเพราะคนไม่รู้จัก ผมก็เอาใบปลิวไปแจกตามหน้ารถแถวห้างต่างๆยเอะใช้ได้ แต่ก็ดูเหมือนไม่ได้ผล ....





                    คงต้องคิดต่อว่าจะดึงให้คนกินเพิ่มยังไงดี ถ้ามันไปไหวจริงก็คงต้องยอมหาทำเลใหม่ แต่ก็มีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นเพราะค่าเช่าจะแพงมากขึ้นเป็นเท่าตัวเลย .......



            

                    สู้ .. สู้ ... สู้ ... จนกว่าจะหมดแรงกาย ส่วนแรงใจคงมีเต็มเปี่ยมที่จะสู้ ...... หวังไว้ว่าสักวันหนึ่งจะประสบความสำเร็วเหมือนกับคุณเทพบ้าง เอาแค่ให้ได้ครึ่งหนึ่งของคุณเทพก็พอใจแล้ว





.................................................



                  


ผู้แสดงความคิดเห็น loaw วันที่ตอบ 2009-05-24 08:58:18


ความเห็นที่ 9 (1439992)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับพี่ทู



เรื่องธุรกิจของผม    เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา   ก็นั่งคิด  คิด  คิด    ว่าจะเลิกธุรกิจดีมั้ย



เหตุผล คือ     เมื่อเทียบกับหุ้นแล้ว      ธุรกิจได้น้อยกว่าเวลาที่เสียไปมาก      ในขณะเดียวกัน     ต้นทุนค่าบริหารต่อเดือนก็สูงกว่ากันประมาณ   7   เท่า         และ    ธุรกิจ   เครียดมากกว่าในการแข่งขันกัน



ร้านยาต้องเปิดร้านตั้งแต่    7.00 - 22.00        มีวันหยุด ( ให้น้อง ๆ  )   เดือนละ   1   วัน

ร้านยาทีค่าบริหาร   แพงกว่าหุ้น  ประมาณ   7    เท่า

ร้านยาให้ผลตอบแทน      ช้ากว่า   และ  น้อยกว่า    และ    ในวันหน้า   ก็มีการโตแบบทวีคูณยาก    ซึ่งต่างจากหุ้น





แม้ผมจะไม่ต้องทำเอง    แต่เวลาแต่ละวันที่ต้องมานั่งลงบิล  และ  ทำบัญชีเอง     ก็เสียเวลาแทบทั้งวัน    แม้ไม่ได้ไปที่ร้าน   ก็เหมือนต้องไป         แต่หุ้น  ใช้เวลาแค่วันละ    5   ชม.   แถมมีวันหยุดเสาร์  อาทิตย์  และ  วันหยุดธนาคาร



เลยนั่งคิดว่า    จะเลิกร้านยาดีมั้ย       แล้วเอาเงินมาทบลงในพอร์ตหุ้นเลย

กุ้งก็บอกว่า  ดี    ผมก็เห็นด้วย   ติดแค่เพียงว่า    .....    ร้านผม   มียอดขายเป็นอันดับสองของในเมือง



ร้านที่มียอดขายอันดับหนึ่ง   น่าจะกินส่วนแบ่งตลาดไปประมาณ    50 %

ส่วนร้านผม  น่าจะได้ส่วนแบ่งประมาณ   35 % 



เมื่อปี   2550   ยอดขายร้านผม  น่าจะกินส่วนแบ่งประมาณ   45 %   เลย   แต่หลังจากผมกับกุ้งมาดูแลเฟ-รินด์    จึงวางมือทั้งหมดให้น้อง ผจก.      ซึ่งส่วนนี้    เป็นส่วนเสียหายที่เกิดขึ้น



น้อง ผจก.  ขายเก่งมาก       ทำยอดได้เยอะกว่ากุ้ง    แต่สิ่งที่พลาดคือ  ....   เมื่อเวลาผ่านไป    เค้าไม่ได้รักธุรกิจนี้      เค้ามุ่งแต่ทำยอด   ทั้งเพื่อตัวเองเป็นหลัก     (  ซึ่งเป็นเรื่องปกติของคนทั่วไป ) 



เค้าจึงไม่ได้เพิ่มสิ่งใด ๆ  ลงในร้าน    ไม่มีการสั่งของเพิ่ม   ไม่มีการจัดร้านใหม่ให้น่าดู     รวม  ๆ แล้ว   คือ    ไม่ทนุถนอมร้านให้ดีขึ้น



ยอดจึงตกลงมา



เมื่อยอดตก    เค้าก็กลัวว่า    เค้าจะเสียหน้า    เหมือนเสียฟอร์ม  จึงโกหกยอดขาย  และ  ปิดบังยอดซื้อ



ยอดของร้านยาจึงตกลงมาเกือบ   50 %       ซึ่งการจะกลับไปทำให้เหมือนเก่า  ผมคิดว่าทำได้    แต่อาจจะใช้เวลานาน   เพราะตอนนี้   มีทั้ง  โลตัสเอ็กเพรสมาเปิด   และ  7-11   มาเพิ่มอีก   5   สาขา    (   ร้านผม  ขายทั้งยาและของใช้อุปโภคบริโภค  )



แต่แม้ว่าจะได้ยอดเท่าเดิม     กำไรก็ไม่ค่อยได้เพิ่มเท่าไหร่  เพราะการแข่งขันสูง   มีการลดราคากันมาก



จนแม้จะทำยอดได้สูง   แต่กำไรที่ได้     ยังคงน้อยกว่าเมื่อก่อนมาก



จึงอยากเลิกร้านแล้วมาทบลงหุ้นทั้งหมด    เพราะง่ายกว่า   คุ้มกว่า   และ  สบายกว่า



ติดตรงที่ยอดขาย    เป็นอันดับ  2    นี่แหละครับ    ศักดิ์ศรีมันค้ำคอ   ( หมายถึงยอดขายด้านยา  นะครับ   )



ส่วนร้านพี่ทู     เป็นเรื่องของอาหาร   ก็คงไม่เหมือนร้านยา    เพราะร้านยา  ถ้าจัดยาดี    คนไข้ไม่สบายเมื่อไหร่      ก็อยากกลับมาหาเรา



แต่ร้านอาหาร  แม้อาหารอร่อย    แต่บ่อยครั้งที่ลูกค้า   ก็อยากทานอาหารใหม่  ๆ   แปลก ๆ  จากทุกวันที่เคยทาน     จุดนี้   ผมจึงมองไม่ออกว่า     จะดึงลูกค้าใหม่และรักษาลูกค้าเก่าอย่างไรดี      พี่ทูลองคิดดูนะครับ   ( ผมเองยังนึกมะออก     (  แฮ่  แฮ่  ) )



พอดีวันนี้มาที่หัวหินครับ     มาซื้อฮัทซ์     เอาไว้ใช้นอกสถานที่      เลยมาตอบพี่ทูโดยต่อฮัทซ์ซะเลย     (  สัญญาณเพิ่งได้มะกี้เองครับ  )




ผู้แสดงความคิดเห็น คุณเทพ ครับ วันที่ตอบ 2009-05-24 12:17:36


ความเห็นที่ 10 (1440221)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับ ..... คุณเทพ

                           บอกตามตรงเลยว่า ทุกวันนี้ผมพยายามทำหลายอย่างที่ได้ตัวอย่างมาจากแนวความคิดจากคุณเทพ  ตั้งแต่ได้ไปอ่านเจอแนวทางบริหารพอร์ตและมุมมองแง่คิดต่างๆของคุณเทพ เกี่นวกับสินทรัพย์และกรแสเงินสด



                          เรียกได้ว่าแทบเป็นจุดเริ่มต้นที่ผมมีความคิดไม่อยากที่จะทำงานไปจนเกษียณ  แต่ก็ยังไม่สามารถทำได้อย่างต้นแบบ ( คุณเทพ ) ที่นำมาเป็นตัวตั้ง แต่ก็ไม่เสียเปล่าเพราะอย่างน้อยมันก็ฝั่งเข้าไปในตัวของผมแล้ว ที่ก้าวตามต้นแบบให้ได้ ( ขอครึ่งหนึ่งก่อนก็พอ )



                         เมื่อสองวันก่อน ก็ตาลายไปเลยเพราะนั่งรันทดลองระบบเทรดดู ( จากข้อมูลที่พี่เกี๊ยกส่งให้ ) รูปแบบก็นำมาจากแนวคิดของคุณสมาชิกใหม่ DSM ที่เข้าไปตอบในกระทู้ แม้มันจะแตกต่างไปจาก DSM ดั่งเดิมแบบคุณเทพ  แต่มันก็ดูง่ายและเข้าท่าดีเพราะเน้นที่การครอบครองหุ้นพร้อมทั้งค่อยๆสะสม หุ้นให้เพิ่มขึ้นที่ละน้อย ( ไม่รู้ว่าคุณเทพได้เข้าไปอ่านดูบ้างหรือเปล่า )



                        หลังจากรันระบบจนข้อมูลหมด ได้หุ้นเพิ่มขึ้นมา 3000 จาก 10000 ไม่มีการสะดุดของพอร์ต และยังไม่เจอหุ้นหมดมือ แต่เหลือน้อยสุด 300 หุ้น ผมก็ยังไม่แน่ใจว่ามันจะไปได้หรือเปล่าแต่เท่าที่ดูก็โอเค  ติดแต่ถ้าหุ้นหมดมือจะทำขั้นต่อไปไม่ได้ตามคุณสมาชิกใหม่ DSM ทำคือ ยืมหุ้นมาทำ short sell ต่อ ตรงนี้ไม่มีความรู้เลย คงต้องค่อยๆหาอ่านดู



                         ถ้ามันพอไปได้ ก็ตั้งใจไว้ว่าจะทำคู่ขนานไปกับพอร์ต KZM เลย เพื่อดูผลของทั้งสองแบบว่า อันไหนง่ายและให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ถ้าไม่ผิดพลาด โอกาสที่จะไม่ต้องทำงานจนเกษียณ ก็ยังพอมองเห็นหนทางเหมือนกัน และสวนยางที่อยากได้สัก 200 ไร่ก็พอจะมีหวัง ว่าแต่จะอีกกี่ปีเท่านั้นเอง อาจจะเกษียณพอดีก็ได้ ....555 ....



                         นี่ก็กะว่าจะลองปรับระบบอีกนิดหน่อยแล้วลองรันดูอีกสักรอบ ถ้าได้ผลดีขึ้น ก็จะเริ่มรันกับข้อมูลอีก 2 ชุดดู ( พี่เกี๊ยกส่งให้ 3 ชุด ) ถ้าระบบดีมันต้องใช้ได้กับข้อมูลทุดชุดไม่ว่าจะมาแนวไหน ( ในความคิดของผมนะครับ )



                         วันนี้ก็พึ่งไปนั่งมองดูแถวย่านที่ร้านก๋วยเตี๋ยวตามฟุตบาท ที่มีคนมากินกันเยอะๆ บริเวณนั้นมีอยู่ 4 ร้านไม่ห่างกันมาก แต่ทุกๆร้านมีคนเยอะหทดเลย นั่งมองและสังเกตดูอยู่นานแสนนาน ก็พบว่าลูกค้าส่วนใหญ่น่าจะเป็นคนที่มาทำธุระในบริเวณนั้นเสียมากกว่า เพราะมีทั้งห่างโลตัส ศูนย์การค้า โรงแรม  ตลาดสด  บขส.  คิวรถสองแถวต่างๆ



                          ก็เดินมองหาดูว่าพอจะมีทำเลไหนที่ว่างพอที่จะขายได้อีกหรือเปล่า ก็ยังไม่เจอ  น้องวันก็ทักว่าถึงมีแล้วเราจะขายสู้เจ้าเก่าตั้ง 4 ร้านได้หรือ  ผมก็บอกว่าถ้าประเมินลูกค้าส่วนใหญ่ที่มากินไม่ผิด ก็ไม่น่าจะมีปัญหาเพราะจะเป็นขาจรเสียส่วนใหญ่ ( แต่อนาคตอาจเปลี่ยนเป็นขาประจำได้ ถ้าเขาติดใจในรสชาติ )



.................................................






ผู้แสดงความคิดเห็น loaw วันที่ตอบ 2009-05-25 15:55:50


ความเห็นที่ 11 (1442431)   
แจ้งลบความคิดเห็น



กลับมาอ่านอีกที ทำไมสีพื้นมันสีขาวไปได้ สงสัยกดผิดตอนเปลี่ยนสีตัวหนังสือแน่เลย ......  คนอ่านตาลายแน่ .....



........................................
ผู้แสดงความคิดเห็น loaw วันที่ตอบ 2009-05-26 17:13:58


ความเห็นที่ 12 (1442446)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับพี่ทู



ข้อมูล ที่พี่เกี๊ยกส่งให้    คงจะเป็นอันเดียวกันที่ผมช่วยพี่เกี๊ยกทำ       เดิมทีแรกผมก็จะส่งให้พี่ทู และ พี่  wasansem       แต่ว่า  ....    เข้าบล็อคพี่ทูกับพี่วสันไม่ได้   เลยไม่ได้แจ้งข่าวให้



และ อีกเหตุผลคือ   ข้อมูลนั้น    ผมกับพี่เกี๊ยกช่วยกันทำ      ผมเลยอยากขออนุญาตพี่เกี๊ยกก่อน    แต่พี่เกี๊ยกมะค่อยออนไลน์   ผมเลยไม่ได้เจอพี่เกี๊ยกเลย    (   มะได้ติดต่อโทรศัพท์ด้วย   แหะ แหะ  )



คิดว่า  น่าจะเป็นข้อมูลเดียวกัน    ( ยิ้มแย้ม  )



ผมเดาว่า  พี่ทู ทราบอยู่แล้วว่า    คุณสมาชิกใหม่   DSM    ที่เข้าไปตอบกระทู้     คือ     ผมเอง   (   อิอิ  )



ผม เข้าไปเพื่อแนะนำให้เพื่อนที่ทำ   DSM    หยุดทำ     เพราะไม่อยากให้เพื่อน  ๆ  ต้องเสี่ยง        สู้ให้เพื่อน  ๆ  ลองเปลี่ยนไปทำ    KZM     น่าจะปลอดภัยกว่าครับ    เลยสมัครบัตรผ่านเข้าไปคุยด้วย





ถ้า การบ้านตอนนี้   ผมดีงเงินแฝง  ออกมา    ( เฉพาะปีนี้   )     ได้แล้ว    110 %        พอร์ตโต  ประมาณ    190 %     และหุ้นยังเหลืออีก    57 %





แต่ผมจะไม่เข้าไปส่งการบ้านแล้วครับพี่ทู    ผมถือว่า    ผมหมดหน้าที่แล้ว       (  แหะ  แหะ   )





ผมค่อยมาคุยต่อนะครับ   พอดีว่า  ไปรับเฟ-รินด์กลับมาจาก  รร.    เลยรอหม่ำข้าวพร้อมกัน   3  คน พ่อแม่ลูก



พอหม่ำเสร็จ    ก็ต้องรอส่งเค้าเข้านอน     เค้าเข้านอนประมาณ     2  ทุ่ม -  3   ทุ่มครับ



วัน วัน  ได้เลยกับเค้าวันละนิดเดียวเองครับ    เพราะเวลาส่วนใหญ่เค้าอยู่ทีโรงเรียน   ( เนอสเซอรี่  )



พอถึงตอนเย็น   เป็นเวลาที่ผมมีความสุขมากเลย   ที่ได้ไปรับเค้า



พอเค้าเห็นผมกับกุ้ง   เค้าจะวิ่งปรู๊ดดดดดดดดดดด  มาหาเลยครับ    เค้าคงคิดถึงพ่อกับแม่มากเลย    เค้ากระโดดดีใจใหญ่เลย



ชื่นใจครับ    อิอิ





ผมขอตัวไปเล่นกับเฟ-รินด์  ก่อนหม่ำข้าวก่อนนะครับพี่ทู



แล้วค่อยเข้ามาคุยต่อครับ 




ผู้แสดงความคิดเห็น คุณเทพ ครับ วันที่ตอบ 2009-05-26 19:14:16


ความเห็นที่ 13 (1442650)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับ ..... คุณเทพ

                     

                      วันนี้รู้สึกดี มาก ... ที่ความคิดของผมเป็นจริง   นั้นคือ ผมว่าคุณ สมาชิกใหม่ DSM ก็คือคุณเทพ  แต่ผมลองถามป๋าห่านกับคุณวสันว่าคิดเหมือนผมหรือเปล่า  แต่ทั้งสองคนบอกว่าคงไม่ใช่หรอก  ป๋าห่านบอกว่าถ้าเป็นคุณเทพ  คงไม่เล่น short sell หรอกเพราะมันเป็นอะไรที่เสี่ยง  แต่ในใจผมก็ยังเชื่อว่าเป็นคุณเทพอยู่ดี จากสำนวนหรือและอะไรหลายๆอย่างที่คุณเทพเข้าไปตอบในวันนั้น



                        แต่พอมาคิดอีกทีถึงจะไม่ใช่ก็เถอะ เพราะจากคำแนะนำมันก็ช่วยให้ผมมองเห็นในข้อผิดพลาดที่ผ่านมาได้ชัดเจนขึ้น ว่าทำไมทำไปแล้วพอร์ตมันถึงไม่โตขึ้นเลย แถมยังลดลงอีกต่างหาก แล้วก็ลองวางระบบดูใหม่ตามคำแนะนำเกี่ยวกับ 3-0-2-8 ที่เข้าใจผิดมาตลอด ก็พบว่าหากเลือกหุ้นได้ดี และเน้นไปที่การครอบครองหุ้น ค่อยๆสะสมหุ้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยังไงเสียพอร์ตก็น่าจะค่อยๆโต  ผมก็คิดแบบง่ายก่อนเลยว่า จุดแบ่งที่ราคาซื้อเริ่มต้น หากลงจากนี้ก็เป็นหน้าที่ของกองหลัง 30% แต่หากสูงกว่าจุดนี้ก็จะเป็นหน้าที่ของกองกลางกับกองหน้า และช่องว่างระหว่างกองหลังขึ้นมาจนถึงกองกลาง ( หากราคาลดลงไปเยอะ ) ก็จะเป็นส่วนของเงินแฝงทำหน้าที่แบบ KZM คือคุมโซนตรงช่องว่างตรงนี้เพื่อรอเวลาราคาขึ้นไปเล่นยังโซนกองกลาง.



                       และพอผมได้ข้อมูลราคาหุ้นจากพี่เกี๊ยกมา ก็ลองทำตามแผนใหม่ดูว่ามันเป็นยังไงบ้าง จากหุ้นตัวแรกที่ลอง ( น่าจะเป็น TTA นะ ) ผลอาจจะยังไม่ดีเท่าไรแต่ ก็ไม่ทำให้พอร์ตเสียหายมาก และถ้าราคามันกลับขึ้นมาพอร์ตก็จะโตแน่ๆ ตามสรุปนี้เลยครับ

                       ราคาเริ่มต้น 20.30 ที่ 10000 หุ้น ( 203434 บาท )

                       รันมาจนถึงราคาสุดท้าย หุ้นในมือเหลือน้อยสุด 300 หุ้น และไม่ได้ใช้เงินส่วนกองหลังมาซื้อหุ้นเพิ่มเลย ใช้แต่เงินแฝงซื้อเพิ่ม

                       หุ้นทั้งหมด 13000 หุ้น ( เพิ่มมา 3000 หุ้น )

                       หุ้นคงเหลือ 10700 หุ้น ( ณ.ราคาสุดท้าย 11 บาท ) คิดเป็นมูลค่า 117448 บาท

                      เงินออม 25% 25185 บาท ( 12%)

                      เงินสำรอง 25% 25185 บาท (12%)

                      เงินสำหรับเพิ่มหุ้น 419 บาท

                      รวมมูลค่าพอร์ตเท่ากับ  187929 บาท ( ลดลง 7.6% ) ถือว่าน่าจะใช้ได้

                      ราคาหุ้นลดลง 45.8% ( จาก 20.3 เหลือ 11 )

                      เงินแฝงทั้งหมด 50%

                     ถึงแม้ว่าจะยัง ไม่สามารถทำได้ใกล้เคียงกับของคุณเทพ แต่ก็ดีกว่าที่เทรดที่ผ่านมา และที่สำคัญผมก็ไม่รู้ว่าข้อมูลที่เอามารันนั้น หากทำจริงแล้วมันต้องใช้เวลานานแค่ไหน หากมันนานหลายปี ก็คงคิดว่าต้องหาทางทำให้ผลตอบแทนให้ได้มากกว่านี้

                      แต่ก็ยังด่วนสรุปไม่ได้คงต้องลองรันกับข้อมูลตัวอื่นดู และตัวเดิมโดยลองปรับระบบอีกดู



                     ปล. หากคุณเทพเห็นว่าข้อความไหนมันอาจจะมีผลกับคุณเทพ คุณเทพก็ลบทิ้งไปได้เลยนะครับ หรืออะไรที่คุณเทพไม่อยากจะให้ความคิดเห็นก็ข้ามไปเลยครับ ผมก็มาอาศัยพื้นที่ของคุณเทพระบายอะไรไปเรื่อยเปลือยครับ



.............................................

                     





                      
ผู้แสดงความคิดเห็น loaw วันที่ตอบ 2009-05-27 20:43:38


ความเห็นที่ 14 (1442653)   
แจ้งลบความคิดเห็น

คราว นี้ก็มาถึงข้อมูลตัวที่สองของพี่เกี๊ยก ( คิดว่าน่าจะเป็น PTT )  ราคาเริ่มต้น 202 ที่ 10000 หุ้นเป็นเงิน 2,024,323 บาท ( ใช้แผนเดิมที่รันกับ TTA )

แต่คราวนี้ยังรันไม่จบก็เจอปัญหาเสียก่อนคือ หุ้นหมดมือที่ราคา 354 บาท ( ยังไม่ได้ใช้เงินกองหลังมาซื้อเพิ่ม ใช้แต่เงินแฝง )

ราคาเพิ่มขึ้นมา 75% แต่พอร์ตมูลค่าเพิ่มมาแค่ 50%  ถือว่าเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคา ( อาจจะต้องหาทางแก้ไขตรงนี้ )

ปัญหาคือว่าแล้วจะรันต่อให้จบจนราคาสุดท้ายยังไงเพราะยังไม่ได้คิดไว้ ก็เลยประเมินเอาจากข้อมูลในบัญชีคือ

เงินออม 48,056 บาท

เงินสำรอง 48,056 บาท

เงินซื้อหุ้นเพิ่ม 39,992 บาท

เงินสด 2,965,440 บาท

หุ้นทั้งหมด 10200 หุ้น คงเหลือ 0 หุ้น

ทางเลือกที่ 1 คือ ก็เอาเงินกองหลังมาทยอยซื้อที่น้อย และทำแบบ KZM ( ไม่กำไรไม่ขาย )

ทางเลือกที่ 2 คือ เอาเงินส่วนเกินจากทุนครั้งแรก มาซื้อเพิ่มทั้งหมดแล้วก็เริ่มต้นใหม่ตามแผนเดิม ( โดยหักส่วนเงินออมกับเงินสำรองออกด้วย ) ก็จะเหลือเงินที่จะมาซื้อทั้งหมด 981,109 บาท เข้าซื้อถ้าขึ้นต่อที่ 360 บาท ก็จะได้เท่ากับ 2700 หุ้น และเก็บเงินส่วนทุนครั้งแรกไว้รอไปซื้อกลับที่ราคาเริ่มต้นครั้งแรก หรือต่ำกว่าแล้วกลับตัวขึ้นมา ทั้งหมด 10200 หุ้น ก็จะทำให้มีหุ้นทั้งหมด 12900 หุ้น

ดูแล้วแนวทางที่ 2 น่าจะปลอดภัยจากเงินต้นมากกว่า งั้นผมขอไปลองรันตามทางเลือกที่สองต่อ ดูว่าจะเจอปัญหาอะไรต่อไป.

แต่ก็รู้สึกเริ่มมั่นใจมากขึ้นกับเส้นทาง DSM กับรูปแบใหม่นี้ .......








ผู้แสดงความคิดเห็น loaw วันที่ตอบ 2009-05-27 21:05:38


ความเห็นที่ 15 (1442666)   
แจ้งลบความคิดเห็น

พูด ถึงร้านก๋วยเตี๋ยว ตอนนี้อาการแย่กว่าเดิมอีกครับ  เพราะว่าร้านค้าของเจ้าของบ้านเช่า ( ติดกับร้านเราเลย ) ขายเกี่นวกับพวกของชำ ดันไปมีปัญหากับผู้ปกครองที่มาจอดรถส่งลูกที่โรงเรียน  ว่ามาจอดรถบังหน้าร้านเขา  คล้ายบอกว่าไม่ให้มาจอดอะไรประมาณนั้นแหละครับ





พวกผู้ปกครองก็เยไปบอกกับทางโรงเรียน ว่าไม่มีที่จอดรถส่งลูกเลย  ทางโรงเรียนก็เลยไปเจาะกำแพงทำประตูเข้าใหม่ แล้วก็ปิดทางเข้าตรงนี้ คราวนี้ลูกค้าที่เป็นทั้งผู้ปกครองและเด็กนักเรียน ที่เคยมากินช่วงเช้ากับช่วงเย็น หายไปเยอะเลย  ไม่รู้จะทำยังดี  ( แม้ร้านตัวปัญหาก็ขายได้น้อยลงตามไปด้วย )





อะไรมันจะมาซ้ำเติมขนาดนั้น เดิมก็จะแย่อยู่แล้ว มาเป็นแบบนี้ สงสัยต้องเร่งหาทำเลใหม่แล้วจริงๆ  หรือไม่ก็ประมาณเซ๊งร้านไปเลยท่ามีคนสนใจ ( อยมขาดทุนไปบางส่วน ) แล้วค่อยหาทางกันใหม่อีกที





พี่ชายเขาก็ยอกว่าเห็นใจที่ต้องเป็น ภาระกับเรา  แต่ก็บอกเขาไปว่าไม่เป็นไร  อย่างน้อยก็ดีใจที่เขารู้จักทำมาหากิน ก็บอกว่าสู้ต่อไป  มันต้องมีหนมทางสักทางแหละที่จะพอไปได้ ... แต่ตอนนี้ยังคิดไม่ออก ... แฮ ... แฮ





...........................................





ไงคืนนี้ขอเชียร์ ผีแดง ก่อนแหละ  พอดีต้องเข้ากะดึกด้วย มีคนเชียร์กันเยอะหน่อย





............................................
ผู้แสดงความคิดเห็น loaw วันที่ตอบ 2009-05-27 21:38:25


ความเห็นที่ 16 (1442809)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับพี่ทู



ง่วงมากเลยครับ   ดูผีแดงกะผีบาซ๋า    แล้วต่อด้วยหนังยูบีซีอีก     1    เรื่อง   เลยแทบไม่ได้นอนเลยครับ



แย่ เลยนะครับ  สำหรับร้านก๊วยเตี๋ยว     อ่านพี่ทูเล่าแล้วพอนึกภาพออกเลยครับ   โดยเฉพาะเรื่องที่จอดรถ   หรือ  จอดรถบังหน้าร้าน      ...  เลยกลายเป็นปัญหาย้ายจุดจอดของลูกค้าไป  



เรื่องที่ผมทำระบบ  DSM   แบบมี  ช็อทเซล   เป็นเพราะถึงเวลาแล้วที่จะนำเอากลไกที่ทางตลาดหุ้นมีให้   มาใช้ให้ครบวงจรครับพี่ทู



ส่วน รูปแบบการเทรด   ก็ยังเป็นแบบ  DSM   ดั่งเดิม     ที่เปลี่ยนไปก็เป็นแต่เฉพาะ   รูปแบบบัญชีเท่านั้นครับ      พอรูปแบบบัญชีเปลี่ยน     มันก็จะไปบังคับทิศทางของระบบเทรดในกระดาษแทน



วันก่อนบอกผิดไปครับ     พอร์ตโตมาเป็น   220 %   แล้ว   (   ลืมบวกตัวเลขอีกชุด  )



ที่ ผมบอกเรื่องพอร์ตโต    เป็นเพราะที่เข้าไปส่งการบ้าน    ชอบบอกกันว่า   พอร์ตกำไร  ขาดทุน   ผมเลยบอกตัวเลขให้เห็นว่า      DSM   ก็บอกเรื่องกำไรขาดทุนได้         แต่ถ้าเน้นจริง  ๆ    จะอยู่ที่เงินแฝงที่ดึงออกมาครับ   เพราะเงินแฝงที่ดึงออกมานั่น   เป็นเงินจริง   จับต้องได้



แต่มูลค่าพอร์ต    ยังเปลี่ยนแปลงได้   ถ้าหุ้นลง  มูลค่าพอร์ตก็ลด    ถ้าหุ้นขึ้นต่อ  พอร์ตก็โตต่อ



ก็เลยบอกทั้งเงินแฝง     จำนวนหุ้น   และ  มูลค่าพอร์ต   เลยครับ    (  เผื่อว่า   บางคนอยากเปรียบเทียบกับการเก็งกำไร   



เรื่องหุ้น   ก็คงคุยได้ทั่ว ๆ  ไปนะครับ     ส่วนเรื่องรายละเอียด    ผมขอชวนคุยเกี่ยวกับธุรกิจแทน    (  อิอิ  )



เรื่องธุรกิจ   บางแวป   ก็อยากเลิกทำ    บางแวปก็อยากทำให้โตขึ้นไปอีก     แบบว่า   ศักดิ์ศรีมันค้ำคอครับ      เลยลงมาเล่นสนุกด้วย



แต่ ก็พยายามมาสร้างระบบต่อครับ    แบบว่า  (  อีกแล้ว )   ไม่อยากมาทำเอง  ไม่อยากขายเอง      ผมอยากทำเป็นลักษณะให้เช่าร้านอะครับ    เหมือนการเปิดร้านให้เค้า   ลงทุนให้เค้า   แล้วเราเก็บค่าสิทธิและค่าเช่า



เพราะซำบายดีครับ   



อีก อย่างคือ     ตั้งแต่ทำธุรกิจมา     ความรู้สึกอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นคือ    ไม่ว่าจะทำได้ยอดขายมากหรือน้อยแค่ไหน     ก็ไม่เคยเลยที่จะไม่เครียดครับ



ยิ่งหากต้องมาขายเอง  เปิดร้านเอง  ทำเอง     ต่อให้ยอดขายมากขึ้นแค่ไหน    ก็ยังเครียดเหมือนเดิม   (  ไม่รู้จะเครียดอะไรหนักหนา )



ดัง นั้น   สิ่งที่ผมลดความเครียดคือ     เลิกทำเอง         แล้วให้คนอื่นมาทำแทน  ( มาเครียดแทน )    ส่วนเราก็นั่ง นอน นับเงิน     ก็ต้องยอมได้เงินน้อยลง  เพราะส่วนหนึ่งต้องให้กับคนที่เค้าเป็น  ผจก.  ให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย    แต่ก็คุ้มกับวันวันที่ไม่ต้องมาคอยเครียด



ทุก วันนี้   ก็ยังคงพยายามปรับปรุงระบบควบคุม  เพื่อให้  ร้านสามารถเดินหน้าและโตได้     โดยที่เราไม่ต้องเปิดร้านเอง  ปิดร้านเอง   หรือ   ต้องมานั่งคอยเก็บเงินทุกบาททุกสตางค์เอง



ข้าง  ๆ  ผมตอนนี้   ก็ยังเอาเครื่องอ่านบาร์โคด   มาลองเล่นอยู่ครับ    แต่คงจะไม่ได้ใช้ครับ   เพราะรู้สึกว่า  ถ้าใช้แล้ว  งานผมคงเยอะขึ้นแน่เลย     (  แต่ก็ยังไม่แน่ครับ     ขอลองเล่นดูก่อน   )   (  อิอิ  )




ผู้แสดงความคิดเห็น คุณเทพ ครับ วันที่ตอบ 2009-05-28 13:45:02


ความเห็นที่ 17 (1442990)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับ ... คุณเทพ

เมื่อคืนผิดหวังเล็กน้อยกับรูปแบบการเล่นของผีแดง  แต่ก็ทำใจไว้แล้ว ว่ายังไม่มีทีมไหนป้องกันแชมป์ได้ในชื่อใหม่นี้

เห็นการเติบโตพอร์ตของคุณเทพแล้วบอกได้คำเดียวว่า  สุดยอดแล้ว  ภายในเวลา 5 เดือน สามารถดึงเงินแฝงออกมาได้แล้วตั้ง 110% แถมมูลค่าพอร์ตโตตั้ง 220%

ผมขอถามคุณเทพหน่อยครับ เงินแฝงที่ว่า 110% เป็นเงินแฝงรวมที่ยังไม่ได้แบ่งออกเป็นส่วนๆใช่ไหมครับ  และมูลค่ามูลพอร์ตโต 220% หมายความว่า เงินทุน 100 บาท ตอนนี้มูลค่าพอร์ตก็เท่า 320 บาท อย่างนี้หรือเปล่าครับ

เมื่อคืนก็ลองรันข้อมูลต่อจากที่เลือกไว้ ได้ผลออกมาว่า

หุ้นทั้งหมด 13100 หุ้น ( เพิ่มขึ้น 3100 หุ้น )

หุ้นคงเหลือ 9200 หุ้น ( ราคาสุดท้ายคือ 183 บาท ) คิเป็นมูลค่า 1,679,997 บาท

เงินแฝงทั้งหมด 74%

รวมมูลค่าพอร์ต 2,685,682 บาท  ( เพิ่มขึ้น 33% )

ราคาหุ้นลดลงจากราคาเริ่มต้นจนถึงราคาสุดท้ายลดลง 9.3%

.........................



สรุปว่าใช้ได้เลยทีเดียว  แต่ถ้านำไปเทียบกับพอร์ตของคุณเทพแล้ว มันคนละเรื่องเลย ของคุณเทพแค่ 5 เดือนเอง ยังได้ตั้งเยอะ  แต่ข้อมูลที่เอามาทดลอง ผมไม่รู้ว่าถ้าเป็นของจริงแล้วมันพอเทียบได้สักกี่เดือน  ตรงนี้คุณเทพน่าจะพอรู้นะเพราะร่วมกันทำกับพี่เกี๊ยก  ถ้ามันเป็นสัก 2 ปีก็ถือว่ายังได้ผลน้อยมาก ( เป็นการบ้านที่จะต้องเอากลับไปคิดต่อว่าจะแก้ไขยังไงได้บ้าง )



.........................



ตอนนี้น้องโฟร์ก็อายุได้ 15 เดือนแล้ว กำลังซนสุดๆเลย  แต่ก็ชักไม่แน่ว่าเป็นเด็กผู้ชายหรือเปล่า เห็นช่วงนี้แก่ชอบกรีดน่าดูเลย  ( ไม่รู้จะเกี่นวกับที่คุณพ่ออยากได้ลูกสาวหรือเปล่า 555 )  เพราะตอนสมัยน้องทรีอายุเท่านี้แก่ไม่เห็นกรีดเลย  ปีนี้น้องทรีก็ขึ้นชั้นป.1 แล้ว  ผลการเรียนก็ใช้ได้อยู่อันดับที่สอง  แต่ตอนนี้เห็นพวกผู้ปกครองต่างๆเริ่มกังวลกันมากขึ้น เกี่ยวกับการเปลี่ยนรูปแบบการสอน  ( ลืมบอกไปว่าน้องทรีเรียนห้องอินเตอร์มีอยู่ 2 ห้องต่อชั้น ) เพราะเมื่อก่อนครูต่างชาติจะสอนเฉพาะภาษาอังกฤษ แต่ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นสองทั้งภาษาอังกฤษ เลข วิทย์ ด้วย พวกผู้ปกครองก็กลัวว่าเด็กจะออนวิชาการ แต่ผมก็เฉยๆเพราะก็ไม่รู้ว่าผลมันจะเป็นยัง ไง.



......................... 




ผู้แสดงความคิดเห็น loaw วันที่ตอบ 2009-05-28 21:33:12


ความเห็นที่ 18 (1443378)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับ ..... คุณเทพ

                       วันนี้พี่ชาย เขาก็มาบอกให้หาที่ขายใหม่เถอะ  เพราะขายได้น้อยลง  ลูกค้าเก่าที่มาส่งลูกเขาบอกว่า  จะมากินก็ต้องเดินไปส่งลูกไกล หรือตอนนมารับก็ต้องเดินย้อนมากินไกล  และเห็นเขาบอกว่าทาง โรงเรียนขอร้องให้ครูกินข้าวภายในโรงเรียน  แล้วทางโรงเรียนก็เปิดร้านค้าภายในโรงเรียนด้วยพร้อมร้านขายอาหาร  ( อ้างว่าเศรษฐกิจพอเพียง )



                      แต่จริงๆแล้วพึ่งรู้ว่าทางโรงเรียนเขามีปัญหากับเจ้าของบ้านเช่า เมื่อก่อนทางโรงเรียนเคยติดต่อขอซื้อที่ดินตรงนี้เพื่อจะขยายโรงเรียนแต่เขา ไม่ขาย  แล้วก็มาสร้างเป็นอาคารพาณิชย์  ( เลยถูกมองว่าสร้างบังหน้าโรงเรียนหรือเปล่า )   ครูกับนักเรียนหรือแม้แต่พนักงานในโรงเรียนที่เคยมากิน ก็ไม่เห็นมากินเลย  นานๆจะเห็นบ้างบางคน



                     ทำเลใหม่ก็หายากเหมือนกัน และที่สำคัญราคาก็แพงๆทั้งนั้น แล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะขายได้มากขึ้นมาทดแทนค่าเช่าที่แพงขึ้นด้วยหรือเปล่า (  มีให้รุ่นตลอด )  หาไม่ได้ก็เจ็บตัวมากขึ้นอีก .... เหนื่อยใจเหมือนกัน .... ตอนนี้ว่างเป็นต้องตระเวรไปเรื่อยๆเพื่อเสาะหาทำเลใหม่ที่ไม่แพงกว่าเดิมมาก และน่าจะพอขายได้ ( แต่ก็เป็นแค่ข้อคาดหวังเท่านั้น )



........................................





  
ผู้แสดงความคิดเห็น loaw วันที่ตอบ 2009-05-30 19:10:42


ความเห็นที่ 19 (1443776)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับพี่ทู



สถานการณ์ ที่ร้านผม   ตอนนี้  ยอดขายเพิ่มขึ้นมาอีก  น่าจะประมาณ   10 %   แล้วครับ   จากที่ตกไป   50 %     ตอนนี้    ขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ   60 %   แล้ว   



ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด    ยอดน่าจะดีขึ้นมาเรื่อย  ๆ    และ  จะทวงยอดขายเดิมกลับมาให้ได้



สิ่ง ที่ผมพลาดไป   จนยอดตก    คือ   ผมปล่อยให้  น้อง ผจก.    เฉี่อยชา      ผมไม่แน่ใจว่า   ได้สอนเค้าหรือเปล่าว่า     ต้องยอมจ่ายเงินลงร้าน  เพื่อให้ร้านโต       



สิ่ง ที่น้อง ผจก.ทำคือ  เมื่อได้เงินแล้ว   เค้าเก็บเข้าตัวเอง    แล้วไม่ยอมจ่ายลงร้าน   ไม่ซื้อของเพิ่ม   ไม่ปรับปรุงร้าน        ผมเองก็คิดอยากจะวางมือ   จึงไม่เข้าไปยุ่ง        จนเริ่มมาตรวจสอบ   ตรวจหลายอย่าง   จนเมื่อประมาณ  กลางเดือนที่ผ่านมา    (  พฤษภา    2552  )    จึงวิ่งเข้ามานั่งตรวจที่ร้านยาเลย



จึง รู้ว่า  ยอดตกไปประมาณ   50 %    (  แต่เพราะน้อง ผจก.   กลัวว่าผมจะตำหนิและว่า    จึงแจ้งยอดผมว่าได้ใกล้เคียงยอดเดิม    แล้วไปยืมเงินคนอื่นมาจ่ายให้ผมตามยอดที่กำหนด    ผมจึงไม่รู้เลยว่า   ยอดตกขนาดนั้น )



จน เข้ามานั่งที่ร้านเอง     นั่งอยู่ประมาณ   3   วัน   ก็รู้ความจริง     เค้าก็ยอมรับว่า   เค้ากลัวเสียหน้า   เพราะน้องเค้าขายเก่ง  และ  มั่นใจในตัวเองมาตลอด       การที่ยอดตก   เค้าจึงรับไม่ได้      ทิฐิสูง    แล้วไปยืมเงินคนอื่นมาจ่ายยอดให้ผมแทน



ผมเลยเรียกมาตักเตือนยกใหญ่      แล้วก็มานั่งหาทางแก้ให้     มาช่วยกันแก้ปัญหา     มาปรับระบบใหม่



จนถึงวันนี้  ก็ประมาณ   3   สัปดาห์แล้ว      ตอนนี้  ยอดขายเริ่มเดินหน้า    เริ่มติดเครื่อง    



ส่วน ระบบก็วางไว้รัดกุมขึ้น    เพราะไม่อยากให้เกิดกรณีแบบนี้อีก      ยิ่งหากยอดขายกลับมาได้แล้ว  แล้วมาพลาดเสียยอดไปอีก    ผมคงปลดน้องออกแน่  ๆ 



ระบบจึงรัดกุมขึ้น   แต่ให้ผลตอบแทนที่ลงตัวกับน้องเค้ามากขึ้น    ลดแรงกดดัน   แต่สร้างแรงจูงใจให้เค้ามากขึ้นแทน



ตอนนี้   ผมเดินออกจากร้านกลับไปนอนเล่นได้เช่นเคยแล้ว    แต่ว่า  ..... 



แต่ ว่า  ....  เฟ-รินด์ไปโรงเรียน    ผมกับกุ้งก็เหงา   ไม่รู้จะทำอะไร   จึงเห็นด้วยกันว่า   พอส่งเฟ-รินด์เสร็จ   ก็จะออกมานั่งเทรดหุ้นที่ร้านยา    คอยช่วยน้องเค้าดูแลร้านให้เรียบร้อย    จนประมาณ     16.00   น.   ก็สรุปพอร์ตหุ้น   แล้วไปรับเฟ-รินด์กลับบ้าน   ออกกำลังกาย  



พอลูกไปเรียน  แล้วเหงาเลยครับ      อิอิ  คิดถึงลูก



พี่ทู  เคยคิดเรื่อง    ออกมาทำร้านต่างจังหวัดบ้างมั้ยครับ   ( ร้านก๊วยเตี๋ยว  )  ...............



.......................................................




ผู้แสดงความคิดเห็น คุณเทพ ครับ วันที่ตอบ 2009-06-01 15:57:01


ความเห็นที่ 20 (1444077)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับ ... คุณเทพ

                     อ่านแล้วก็อด อิจฉาร้านของคุณเทพไม่ได้ ( รวมทั้งพอร์ตและอื่นๆด้วย )  ส่วนร้านก๊วยเตี๋ยวก็เพิ่มทุนเข้าไปอีกตามระเบียบโรงเรียนจีน  เพราะยอดขายได้วันละ 25 ชามเอง  ลดลงครึ่งหนึ่งได้ทั้งๆที่โรงเรียนเปิดแล้ว  น่าจะยอดเพิ่มขึ้นปัญหาก็คงอย่ งที่ว่านั้นแหละครับ

                     ร้านข้างๆสองร้าน ก็แย่กว่าร้านเราอีก ขายได้วันละ 10 ชามเอง  จะว่าเป็นเพราะร้านเรารสชาติไม่ดีเลยยอดตกก็ไม่น่าจะใช่นะ เพราะมันลดลงหมดเลยทั้งสามร้าน ( เอ๊ะ ... หรือว่ามันรสชาติไม่ดีทั้ง 3 ร้านเลย 555 )

                     วันนี้ก็ไปดูตึกในทำเลใหม่  ค่าเช่าก็ไม่แพงมาก 3200 บาทต่อเดือน แต่ให้เช่าเฉพาะชั้นล่างมีชั้นลอยให้พร้อมกันเป็น 1 ห้องนอน ( ส่วนข้างบนเขาทำเป็นห้องเช่า ) แต่ที่หยุดคิดก็ตรงที่ต้องจ่ายเงินก้อนอีก 5 หมื่นบาท ( สัญญา 2 ปี ) ก็ตกเดือนละ 2100 บาทได้ และทุกๆ 2 ปี ก็ต้องจ่ายอีก 5 หมื่น  พร้อมต้องวางเงินประกันบ้านอีก 1 หมื่นบาท ( หากย้ายออกบ้านไม่เสียหายจะคืนให้ครึ่งหนึ่ง ตรงนี้เลย งง เลย ) แถมค่าไฟกับค่าน้ำเป็นหมอแยกต่างหากจากหมอหลัก แล้วคิดราคาค่าน้ำหน่วยละ 15 บาท และค่าไฟหน่วยละ 5 บาท 

                      หากเทียบค่าเช่าต่อเดือนประมาณ 5300 บาท ( ถูกกว่าที่เก่า 1700 ) เทียบกับทำเล ( คิดว่าน่าจะดีกว่าที่เก่า คิดเอาเองนะครับ จากที่มีการสัญจรไปมาเยอะกว่า ) ก็ถือว่าไม่แพง แต่พอมาคิดรายละเอียดปลีกย่อย ก็เลยคิดหนัก หากมันไม่ดีอย่างที่คิดเราก็ต้องทนอยู่ไปให้ครบ 2 ปีไปไหนไม่ได้เลย ตรงนี้คุณเทพมีความคิดเห็นแนะนำยังไงบ้างครับ มึนไปหมดแล้ว.

...............................................................

                      พี่ทู  เคยคิดเรื่อง   ออกมาทำร้านต่างจังหวัดบ้างมั้ยครับ  ( ร้านก๊วยเตี๋ยว ) ........... ตรงไม่รู้คุณเทพหมายความว่ายังไง  หมายถึงให้ผมลาออกจากที่ทำงานมาไปขายยังจังหวัดอื่น ( ที่ไม่ใช่ระยอง ) หรือเปล่า  ...  ถ้าใช่ก็ยังไม่เคยคิดเลยครับ  เคยคิดที่จะลาออกอยู่ครั้งหนึ่งคือ ออกมาเทรดหุ้นเหมือนคุณเทพนั้นแหละครับ   ... 



                      ก็ครั้งที่กำลังเรียนอยู่กับคุณบ๊อบนั้นแหละครับ เพราะตอนนั้นคุณบ๊อบแก่ให้ความหวังกับผมมากเลย ว่าสามารถทำได้ถึงเดือนละเกือบล้านเลย  ก็คิดไว้ว่าถ้าได้ตามนั้นจริงก็ลาออกมาทำเต็มเวลาเลย ( ไม่ต้องไปทนอดหลับอดนอนเข้ากะ ) จนกระทั่งมาถึงตอนนนี้ก็ยังไม่เคยคิดที่จะออกมาเลยครับ



                       เพราะแม้มันจะเป็นการทำเพื่อเงินอยู่ก็ตาม ( ไม่ใช่ให้เงินทำงานเพื่อเรา )  แต่ผมก็ยังคิดว่ามันก็ไม่ต่างอะไรกับเครื่อง ปั้มเงินตัวหนึ่งเหมือนกัน แม้เครื่องมันดูอาจจะเล็กไปหน่อยและต้องใช้แรงกายเพื่อให้เคร่องมันทำงาน  แต่ยังพอเลี้ยงครอบครัวได้



                       ตอนนี้ก็กำลังกลับมาสร้างเครื่องผลิตเงินเครื่องใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง ( หลังจากเครื่องเก่ามันโอเวอร์ฮีตจนรวนไป )  จากการจุดประกายของคุณ สมาชิกใหม่ DSM  ช่วงนี้ก็อยู่ในช่วงทดลองเครื่องอยู่ก่อนออกไปผลิตเงินจริงในสนามจริง ที่อาจมีอะไรอีกหลายอย่างเข้ามากระทบได้ 



                       ผลจากการทดลองก็ได้ผลเป็นที่พอใจระดับหนึ่ง แม้จะไม่ได้ดั่งใจที่คิด แต่ก็คิดว่าน่าจะไม่โอเวอร์ฮีต เหมือนคราวก่อนมั่ง   แต่จริงๆแล้วก็ยังเจอะปัญหาอยู่เยอะเหมือนกัน จากการทดลอง เช่น เมื่อสามารถพาหุ้นขึ้นไปถึงจุดที่เราตั้งใจไว้แล้ว เราควรจะปล่อยหุ้นออกไปทั้งหมดเลยดีหรือเปล่า  แล้วในช่วงที่รอเวลาที่จะไปรับหุ้นคืนกลับมาในที่ราคาต่ำ ( เพื่อรักษามูลค่าพอร์ตที่พาขึ้นไปไม่ให้คืนเจ้าไปในช่วงขาลง ) เราจะทำอะไรได้บ้างนอกจากนั่งรอเฉยๆๆ ( เพราะได้กำไรอยู่แล้ว ) และถ้ายังไม่เข้าใจการเล่น Short  Sell   ( ถ้าเข้าใจก็ดีสินะจะได้ไม่ต้องรอเปลา )  หรืออีกอย่างเราควรจะต้องรักษาหุ้นไม่ให้ต่ำเกินไปที่เท่าไร และไม่ให้มากเกินไปที่เท่าไร เป็นต้น



                      ถ้าถึงวันเอาเครื่องไปลงสนามจริงแล้วไปรอดก็คงจะต้องกลับมาคิดอีกครั้ง เหมือนกันที่จะลาออกก่อนกำหนด แต่ก็มันคงไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้หรอก  ตอนนี้ก็อดหลับอดนอนทดลองเครื่องให้ หลายรูแบบจากโจทย์ที่ลองตั้งขึ้นมาถามตัวเอง จนปวดตาไปหมดแล้ว ( สงสัยคราวนี้จะทำให้ต้องใส่แว่นเลยหรือเปล่าก็ไม่รู้ หัวเราะ )



.....................................................

             







 
ผู้แสดงความคิดเห็น พี่ทูครับ วันที่ตอบ 2009-06-02 21:53:36


ความเห็นที่ 21 (1445450)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับพี่ทู



มา ตอบช้าครับ  เพราะช่วงหลัง  ไปเทรดหุ้นอยู่ที่ร้านยา   เพื่อไปคอยช่วยกู้ยอดขายกลับมา   จึงต้องใช้ฮัทซ์ในการเทรด     พอเปิดฮัทซ์  แล้วมันไม่เร็วเหมือน   adsl   ครับ  เลยโพสต์หรือเปิดเวปลำบากหน่อย   จึงใช้ฮัทซ์เน้นเทรดหุ้นอย่างเดียวเลย   จึงมาตอบช้าครับ



ที่ ถามเรื่องพี่ทูไม่ออกต่างจังหวัด  เพราะเข้าใจผิดครับ  คิดว่าพี่ทูอยู่ใน  กทม.      ผมเลยมองว่า   ค่าเช่าในต่างจังหวัดและทำเล   อาจจะดีกว่า    ( แฮ่ แฮ่  )



ร้านของผม   โชคดีตรงที่ว่า    ไม่เน้นที่ตัวบุคคล   เพราะหากเน้นตัวบุคคล   จะทำให้คนไข้และลูกค้า  ยึดติดกับตัวคนขาย  



เมื่อก่อน  ตอนผมเปลี่ยนจากผมมาให้กุ้งยืนหน้าร้านแทน    กว่าจะให้คนไข้ยอมรับได้   ก็ใช้เวลานาน



ตอนหลังเปลี่ยนจากน้องกุ้ง  มาให้  ผจก. ยืนหน้าร้านแทน   ยิ่งลำบาก  เพราะคนไข้ ติดน้องกุ้ง



จึงใช้ระบบอื่นในการยึดคนไข้แทน     โดยการก็อป***วิธีการซักอาการและให้ยา    เพื่อให้คนไข้สามารถได้พูดคุยและได้ยาเหมือนน้องกุ้งอยู่หน้าร้านเอง



และ อีกอย่างค้อ  ร้านของผม    มีจุดเด่นในด้านอื่น   ทำให้การดึงยอดคืนกลับมา    น่าจะทำได้ไม่ลำบากเกินไปนัก     บวกกับ  ผจก.ร้าน   ที่มีความเก่งในเรื่องการเสนอและการให้ยา     ยอดน่าจะกู้กลับมาได้เร็วขึ้น   แม้อาจจะได้เท่าเดิมหรือไม่ก็ตาม 



ส่วน เรื่องที่ทดลองระบบเทรดของพี่ทู     พี่ทูลองสอบถามพี่เกี๊ยกสิครับ    เมื่อก่อนตอนช่วยกันทำข้อมูล   พี่เกี๊ยกเคยลองเขียนโปรแกรมรันระบบเทรด      หากพี่ทุสามารถกำหนดเงื่อนไขในระบบ   แล้วลองให้พี่เกี๊ยกทดสอบดู   น่าจะเร็วขึ้นนะครับ    และพี่เกี๊ยกก็จะได้ทราบเงื่อนไขต่าง  ๆ   ที่พี่ทูกำหนดขึ้นเป็นการแลกเปลี่ยนกัน





เมื่อ ไม่กี่วันนี้  พี่เกี๊ยกแนะนำหนังสือ     ....  เด็กสองภาษา        ผมเลยกำลังลองพยายามดูครับ   อยากให้เฟ-รินด์พูดได้สองภาษา  ( ไทยและอังกฤษ ) 



ผม เลยรับหน้าที่   คุยเป็นภาษาอังกฤษ     แต่ตอนนี้   เหมือนเด็กอนุบาลเลยครับ     ต้องมานั่งหาคำศัพท์  เปิดฟังการออกเสียง      แม้แต่คำง่าย ๆ  ผมก็ยังออกเสียงไม่ค่อยถูก



เพิ่ง เริ่มมาได้   2   วันเองครับ    วันแรกรู้สึกเขิน ๆ   เพราะ  ยังต้องพูดไทยปนอังกฤษ     พูดไปเขินไป    กลัวกุ้งหัวเราะ   (  อิอิ  )



แต่พอวันที่  2    ผมก็เริ่มค่อย ๆ  หายเขินแล้วครับ      ที่เหลือก็เหลือเพียงว่า  ผมจะพยายามได้ต่อเนื่องแค่ไหน



ตอน นี้เลยไปเทรดหุ้นที่ร้านยา      จนประมาณ   15.30   น.   ก็ยกกลับมาเทรดที่บ้าน   เพราะกุ้งจะกลับมาทำกับข้าวให้เฟ-รินด์         พอรับเฟ-รินด์กลับจากโรงเรียน      ก็พาเค้าลงสระว่ายน้ำ   ก่อนจะขึ้นมาทานข้าว    และ   สอนคำศัพท์     จากกนั้นก่อนนอน   1   ชม.   ก็จะเปิดยูบีซีช่อง  ดิสนี่แชนแนลให้เค้าดู



พอเฟ-รินด์หลับ    จึงจะมีเวลามาเข้าเน็ต   ทำเวปเพิ่มเติมได้ทีละนิดทีละหน่อยครับ



แฮะ  แฮะ
ผู้แสดงความคิดเห็น คุณเทพ ครับ วันที่ตอบ 2009-06-08 21:52:29


ความเห็นที่ 22 (1446719)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับ ... คุณเทพ



                     พึ่งหายจากอาการไข้หวัด ( เจ็บคอมากเลย ) ที่แรกนึกว่าเป็นหวัดหมูซะแล้ว อาการเหมือนกันเกือบทุกอย่างเลย   ไม่รู้เป็นเพราะตะเวนหาทำเลร้านใหม่มากไปหรือว่า ทดลองรันโมเดลใหม่มากไป แต่ดูแล้วน่าจะทั้งสองอย่างนั้นแหละ 555



                     ทำเลก็ยังหาไม่ได้ ก็เลยคิดว่าจะลองให้ทำน้ำแข็งปั้นไปขายตรงหน้าโรงเรียนตอนเย็นดู เพื่อจะมีรายได้เพิ่มเข้ามาบ้างในช่วงที่รอทำเลใหม่



                    เห็นคุณเทพพูดถึงเรื่อง เด็กสองภาษา แล้วก็อดอิจฉาคุณเทพไม่ได้อีกนั้แหละครับ ที่สามารถสื่อสารภาษาที่สองได้ ผมกับน้องวันอ่อนภามากๆเลยหละ เลยเป็นที่มาที่ต้องการให้น้องทรีเก่งภาษาก็เลยให้เรียนห้อง MEP ( แม้ค่าเทอมจะแพงกว่าห้องธรรมดาตั้ง 4 เท่าก็ตาม )  เด็กที่จะเรียนห้องนี้ได้ ต้องผ่านการทดสอบทั้งเด็กและผู้ปกครองด้วย  ผมกับน้องวันก็เลยต้องมาเล่นเป่ายิ้งชุบกันเลยว่าใครจะได้ไปสอบ  ผลปรากฏว่าผมรอดครับ น้องวันต้องไปรับหน้าที่



                     ผลที่ได้นั้นไม่รู้ว่าคุณแม่หรือน้องทรีทำแนนได้เยอะแต่ก็ผ่านการทดสอบ ( คิอว่าน้องทรีน่าจะทำได้มากกว่านะ เพราะคะแนนเด็กตั้ง 70% ผู้ปกครองอีก 30% ) ต้องนี้น้องทรีก็พึ่งขึ้น ป.1 ผมกับน้องวันก็ยังมีปัญหากับการสื่อสารกับน้องทรี เพราะเวลาพูดกับน้องทรีที่ไร น้องทรีมักจะบอกว่าเราพูดไม่ถูก ( น่าจะหมายถึงสำเนียงไม่ได้นั้นแหละ )  เลยกลายเป็นว่าตอนนี้น้องทรีสอนผู้ปกครองไปแล้ว 555



                    เห็นน้องทรีเขาเจอชาวต่างชาติแล้วกล้าเข้าไปทักทาย ก็อดนึกดีใจไม่ได้ ถ้าเป็นสมัยเราตอนเด็ก เจอชาวต่างชาติล่ะก็กลัวจนขี้หดหมดเลยแหละ.  และที่สำคัญตอนนี้ที่บริษัทเขากำลังเรื่องภาษามาพิจารณากาขึ้นเงินปลายปี ด้วย คราวนี้โดนน็อคแน่เลย พึ่งผ่านการทดสองไปผลปรากฏว่าคะแนนเฉลี่ยของพนักงานที่อยู่ตำแหน่งเดียวกัน ที่ 300 ( คะแนนเต็ม 800 ) ส่วนผมได้แค่ 200 เอง แล้วปลายปีจะได้เงินเดือนขึ้นกับเขาไหมล่ะเนี่ย คงต้องให้น้องทรีสอนให้เสียแล้ว.



                    เรื่องทดลองโมเดลถ้าเป็นอย่างคุณเทพว่าก็คงดีมากเลย ในเรื่องของเวลา  แต่มันจะเป็นการรบกวนพี่เกี๊ยกมากเกินไปหรือเปล่าครับ ไว้ผมจะลองถามพี่เกี๊ยกดูก่อนว่าพี่แก่พอมีเวลาว่างที่พอจะรันโปรแกรมได้ หรือเปล่า 



                    ไปเสียเวลาอยู่พักใหญ่เลยกับที่ลองรันข้อมูล TRUE ว่าทำไมผลที่ได้มันถึงไม่ได้ใกล้เคียงกับของคุณวสัน เอาไปเอามาตกลงรันกันกับข้อมูลคนละชุดกัน ของผมรันกับข้อมูลของพี่เกี๊ยกส่งให้ ส่วนคุณวสันรันกับข้อมูลจริงที่มี 4 ค่าในแต่ละวัน ( เปิด สูง ต่ำ ปิด )



                     ดูแล้วหากรันแบบโมเดลของคุณวสันกับข้อมูลของพี่เกี๊ยก มันสะดุดและไม่น่าจะใช้ได้ โดยเฉพาะถ้ากำหนดให้เข้าครั้งแรกที่ราคาสูงเลยอีกแย่ ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบบ้างถึงรอดรันไปได้จนถึงราคาสุดท้าย แต่ดูๆแล้วมันก็ยังไม่น่าจะใช้อย่างที่คุณสามชิกใหม่ DSM สื่อออกมานะ อาจต้องกลับไปทดลองรูปแบบโมเดลของตัวเองต่อดูอีกว่าพอจะปรับอะได้บ้าง โดยเฉพาะช่วงที่เราต้องรอให้ราคาขึ้นมายังโซนของส่วน 2 กับ 8 เราแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย ยิ่งถ้าเข้าไปแล้วโดนเจ้าถ่างโซนระหว่างส่วนของ 3-0 ให้ห่างจากส่วนของ 2 กับ 8 อีก มันก็ยิ่งต้องใช้เวลานานมากขึ้นไปอีก คงต้องเอา KZM มาอุดช่องโหวตตรงนี้แล้วล่ะมั่ง แต่ยังไม่รู้ว่าจะอุดแบบไหนดีและจำนวนเท่าไรถึงจะเหมาะสม



.................................





                  
ผู้แสดงความคิดเห็น loaw วันที่ตอบ 2009-06-13 21:03:59


ความเห็นที่ 23 (1447364)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับพี่ทู



ใช่ พี่ทูหรือเปล่าครับที่ส่ง  พัสดุมาให้       ถ้าเป็นพี่ทู   ผมขอขอบคุณมากเลยนะครับ      น้องนาเพิ่งได้รับของวันนี้  จึงโทรบอกผม    



สัปดาห์ นี้ให้เฟ-รินด์หยุดเรียน    สัก   1   สัปดาห์ก่อนครับ     กังวลเรื่องไข้หวัด   2009     จึงให้วิ่งเล่นอยู่ในบ้านก่อน     แต่วันนี้  ผมเป็นไช้ซะเอง    เพราะเมื่อคืน    เปิดแอร์แล้วหมุนช่องแอร์ผิดทาง    แอร์เป่าเข้าหน้าทั้งคืน        นอนคัดจมูก  แล้วสุดท้าย  เจ็บคอเพราะคอแห้งเลยครับ



เพราะ ว่า  เพิ่งเปลี่ยนแอร์ใหม่ในห้องนอนครับ    เปลี่ยนทั้ง   2   ตัวเลย    เลยงงกับวิธีปรับใบแอร์  (  ที่ไว้บังคับทิศทางลมแอร์  )     เลยโดนแอร์เป่าเข้าหน้าทั้งคืน   (   เสียงแห้งเลยครับ  )



ช่วง นี้  วุ่น  ๆ  แต่กับร้านยาครับ       ส่วนเรื่องหุ้น   มันไปของมันตามระบบ   เลยไม่ต้องไปยุ่งกันมันมาก    เหลือแต่ร้านยานี่แหละครับ    ที่กำลังปล้ำกับมัน



ถ้า หากผมกับน้องกุ้ง    ยอมลงไปเปิดร้านขายเอง     ทุกอย่างก็ง่ายเลย        แต่ตั้งใจไว้แล้วว่า     จะไม่ลงไปทำ    ถ้าหากต้องลงไปทำเอง    ก็จะเช้งร้านเลย     หรือ  ปิดร้าน  ทำแต่หุ้นอย่างเดียว



ก็เลยมาวุ่นวายกับการทำร้านยา    ที่ให้คนอื่นดูแล



มีหลายคนถามผมว่า     ผมทำหุ้นได้ขนาดนี้แล้ว   ทำไมยังมาเสียเวลาเครียดกับร้านยาอีก      



คำ ตอบคือ  .....   ร้านยานี้   ผมไม่ต้องลงไปทำเอง   ไม่ต้องลงไปขายเอง       นั่นคือ   มีคนทำให้     แล้วผมนั่งรับเงิน       ผมจึงเสียดายตรงนี้



เสียดาย ที่   มันเป็นธุรกิจที่คนอื่นกำลังทำเงินให้ผม       ผมเลยต้องทำให้โตขึ้น  เพื่อให้สบายมากขึ้นอืก      ยิ่งหากสามารถขยายสาขาได้    โดยใช้ระบบที่ทำอยู่    แล้วไม่ต้องดูแล    (   แต่คอยควบคุม )    ผมก็จะยิ่งได้รายได้มากขึ้นโดยที่ไม่ต้องเหนื่อยหรือเสียเวลาเอง





ส่วน เรื่องหุ้น   ตอนนี้ยิ่งง่ายเลยครับ    เหลือเพียงเรื่องเดียวคือ    รอเฟ-รินด์อายุสัก    10   ขวบ  เพื่อดูว่า      เฟ-รินด์สามารถเทรดหุ้นลงทุนหารายได้ด้วยตัวเองด้วยระบบนี้หรือไม่





เมื่อ สัปดาห์ก่อน    ก็ปรับเรื่องระบบการลงบัญชีหุ้น   ทำให้การทำบัญชี   ง่ายขึ้นอีกมาก     ( รู้งี้  ปรับแบบนี้ตั้งนานแล้ว    (  แหะ  แหะ  )  )



เดิม ที่การสรุปบัญขีแต่ละวัน   ต้องทำการหักลบหลายกลุ่มเลข      แต่ตอนนี้    ใช้การบวกลบแต่เลขช่องเดียวเลย      เลยยิ่งลงล็อคมากขึ้น   ง่ายขึ้น   



ตอนนี้   เลยรู้สึกว่า     ไม่มีอะไรทำ  (  กับหุ้น )  เลยครับ  



วันนี้ก็นั่งลุ้นให้หุ้นลง    อยากให้ลง  ลง  ลง  มาอีก     แต่ว่า  อีกใจก็อยากให้หุ้นขึ้น    ขึ้น  ขึ้น  ขึ้นไปอีก



ที่อยากให้ลง    เพราะว่า    ถ้าลงมา     จะได้เริ่มทำเงินรอบใหม่ซะที



แต่ ที่ลุ้นให้หุ้นขึ้น  เพราะว่า    ถ้าขึ้นไปอีก    รอบนี้   ก็ยังลุ้นทำเงินให้ได้ถึง   300  %       (   หมายถึง   ต้นทุน    100    ทำเงินออกมาได้รวม    300   )





เลยลุ้นทั้งให้ขึ้นหรือลง   ซะที     (  วัยรุ่นใจร้อนครับ   อิอิ  )



แต่ถ้าในใจ   ผมอยากให้มันลง   แหะ  แหะ    จะได้สะสมหุ้นรอบใหม่      เห็นปันผลที่ได้เมื่อปีที่แล้วแล้ว  ซำบายใจครับ



ตอน นี้   กำลังวางแผนว่า      จะทำปันผลจากหุ้น  แทน   เงินประกันจาก   ประกันชีวิต      เพราะหลังจากมีข่าวเรื่อง    บ.ประกันยักษ์ใหญ่      มีปัญหา     ผมเลยต้องชะงักการจ่ายเงินประกันเลยครับ    (   ปกติจ่ายประกันปีละเกือบ     2   ล้านบาท  )



ตอน นี้เลยชะลอเรื่องประกัน     แล้วลองมาดูทางหุ้นว่า    จะทำให้พอร์ตสามารถจ่ายเงินปันผลให้คล้ายกับประกันชีวิตได้หรือไม่     เช่น  หากผมเข้าโรงพยาบาลแล้ว    ได้รับเงินค่าเสียเวลา   วันละ    10,000   บาท    ผมจะต้องมีพอร์ตปันผล    เป็นมูลค่าประมาณเท่าไหร่



ตอนนี้     เลยกำลังจะสร้างพอร์ตพิเศษขึ้นอีกพอร์ต    สำหรับทดแทนเรื่องการทำประกันชึวิตเลยครับ





( เฟ-รินด์  เรียกแล้วครับ  ขอตัวแวปไปแกล้งลูกสาวก่อนครับพี่  )



ขอบ คุณมากครับ  สำหรับซีดีเด็กสองภาษาครับ    ผมเองก็พูดอังกฤษไม่เป็นเลยครับ    แต่ที่อยากทำเพราะว่า     ผมจะได้ฝึกการพูดภาษาอังกฤษไปด้วยเลย     (    ถ้าผมพูดอังกฤษได้    ก็ต้องยกความดีความชอบให้ เฟ-รินด์ ละครับ    ที่ทำให้ผมต้องมานั่งหัดพูดอังกฤษ   (  ยิ้มแย้ม  )



น้องกุ้งอ่าน  จม.เสร็จ   ก็ถามว่า    .....   มีน้องทรี   กับ น้องโฟร์     แล้วว  ....     น้องวัน  กับ  น้องทู  หายไปไหน



ผมหัวเราะเลยครับ   อิอิ




ผู้แสดงความคิดเห็น คุณเทพ ครับ วันที่ตอบ 2009-06-16 15:36:36


ความเห็นที่ 24 (1447747)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับ .... คุณเทพสองภาษา



                      ผมเล่าให้น้อง ฟังที่น้องกุ้งถามว่า มีน้องทรี กับ น้องโฟร์ แล้ว น้องวัน กับ น้องทู หายไปไหน .... น้องวันก็อดหัวเราะไม่ได้เหมือนกัน  ผมเองก็อดหัวเราะไม่ได้ตอนอ่านเสร็จ.



                     เดี๋ยวนี้การส่งพัสดุรวดเร็วทันใจดีแท้ ผมพึ่งส่งไปบ่ายวันที่ 15 เอง วันที่ 16 ถึงคุณเทพเสียแล้ว ... ไม่จะช่วยคุณเทพได้บ้างหรือเปล่า  แต่สำหรับผมช่วยได้มากเลยครับ ( เพราะอ่อนภาษามาก ) แต่เท่าที่ดูน้องทรีพอดูบ่อยๆแก่ก็พอเข้าใจและพูดหรือตอบตามได้  แถมร้องเพลงได้ด้วย ก็น่าจะช่วยน้องเฟ-รินด์ได้บ้าง ( ผมเข้าใจไปเองหรือเปล่าก็ไม่รู้ )



                    ตกลงตอนนี้ก็ให้ทำน้ำแข็งปั่นขายหน้าโรงเรียนตอนโรงเรียนเลิก ก็ได้รายได้เพิ่มเข้ามาหน่อย อาจทำให้เข้าเนื้อน้อยลงมาบ้างในช่วงรอทำเลใหม่  ยอดขายก๋วยเตี๊ยวก็ยังทรงๆเท่าเดิม แต่ก็เริ่มพอมีหน้าใหม่ๆมากินบ้างแต่ไม่มาก



                   อ่านที่คุณเทพเขียว นแล้วรู้สึกว่าอะไรมันก็ง่ายไปหมดเลย  โดยเฉพาะเรื่องหุ้น อะไรมันจะง่ายดายขนาดนั้น ตอนนี้ผมเองก็ยังแกะที่คุณเทพแนะนำมาไม่ออกเลย แค่มองเห็นรางๆแต่ก็ยังไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่า  บ้างครั้งก็สับสนกับที่คุณเทพอธิบายไว้ครั้งก่อนกับครั้งล่าสุด อย่างเช่น เรื่อง 3-0-2-8 และที่คุณเทพบอกว่ายังคงทำ DSM แบบดั่งเดิม 



                  ถ้าจำไม่ผิดแบบดั่งเดิมคือ ลง 2 ช่องก็ขาย  10% กลับตัวขึ้น 4 ช่องก็ซื้อคืน และถ้าขึ้นไป 15 ช่อง ( เหนือกองหลัง ) แล้วหักหัวลง 3 ช่องก็เริ่มขายใหม่ 10%ของหุ้นคงเหลือ  แต่ล่าสุด 3-0-2-8 กลับดูเหมือนแบ่งโซนแต่แรกเช่น ราคา 1.6-9.0 บาท ล่าสุดราคาอยู่ที่ 3 บาท ก็เท่ากับว่ายังอยู่ในช่วงเลข 3 กับ 0 ( ของ 3-0-2-8 ) เลยทำให้ งง ตกลงแล้วว่าขึ้นไป 15 ช่องก็ยังไม่ขายถ้ายังไม่ขึ้นไปถึงโซนของ 2 หรือโซนของ 8 เพราะถ้าขายตามแบบดั่งเดินตามข้างบนหุ้นหมดก่อนแน่นอน.



                   ผมก็เลยไม่มั่นใจว่าระบบที่คิดใหม่นี้สรปแล้วมันโอเคหรือเปล่า เพราะกำลังมองว่ามันต่างอะไรบ้างจากการซื้อแล้วถือรอไปขายที่ราคาสูง ( เหมือนซื้อเก็งกำไร ) ที่ต่างก็น่าจะเป็นส่วนของเลข 3 ที่เล่นขาลง เพื่อลดการลดลงของพอร์ต.  ยิ่งคุณเทพมาย้ำเรื่องระบบที่ทำอยู่มันง่ายมากจนเด็กๆก็ทำได้ ยิ่ง งง เข้าไปใหญ่ คงอาจเป็นเพราะผมไม่เข้าใจระบบทั้งหมดอย่างที่คุณเทพว่านั้นแหละ ท่าเข้าใจแล้วมันอาจจะง่ายอย่างที่คุณเทพว่าก็ได้



                   จริงผมก็คิดไว้ตั้งแต่แรกที่ทำ DSM แล้วว่าต้องเขียนออกมาให้เป็นรูปแบบง่าย เพื่อให้น้องวันหรือลูกทำต่อได้  แต่มันก็ไม่สำเร็จ และผมก็เชื่อว่าหลายๆคนในคลับก็อาจจะคิดเหมือนกัน เพียงแต่รุ่นพ่อยังไม่เข้าใจและทำไม่ได้อยู่เลย รุ่นลูกก็ไม่ต้องพูดถึงเลย แค่รุ่นพ่อประคองตัวให้อยู่รอดได้ก็แทบแย่แล้ว ( ที่สำคัญมันจะไม่รอดเอาด้วย )



                     ช่วงนี้ผมคงต้องพยายามช่วยเหลือครอบครัวพี่ชายให้เขาสามารถ ยืนด้วยตัวของเขาเองให้ได้ก่อนเป็ฯอันดับแรก ส่วนต่อจากนั้นค่อยมาหาทางแก้ไขพอร์ตกองทุนที่ทำอยู่ ให้สามารถคืนเงินทุนกับไปได้ แล้วค่อยมาสร้างรูปแบบหรือระบบที่จะส่งต่อไปให้รุ่นลูก ( ถ้ามันพอไปได้นะครับ )



                      พูดถึงหวัดหมูก็อดเป็นห่วงน้องทรีไม่ได้เหทือนกัน เพราะวันนี้ก็มีข่าวว่าพบผู้ป่วยไข้หวัดหมูในระยองแล้วประมาณ 5 คนได้ เป็นเด็กนักเรียนทั้งนั้นเลย แต่ยังไม่ใช่โรงเรียนที่น้องทรีเรียนอยู่



                      เกือบลืมถามไปครับ เรื่องยา  ระหว่างยานอกกับยาไทย ที่ชนิดเดียวกันคุณสมบัติในการรักษามันต่างกันหรือเปล่าครับ ( เห็นราคามันต่างกันตั้ง 4 เท่าได้ )



..............................................



                    



                      

                  



                     
ผู้แสดงความคิดเห็น loaw วันที่ตอบ 2009-06-17 21:14:10


ความเห็นที่ 25 (1447881)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับพี่ทู





ตอบเรื่องยาก่อนเลยนะครับ       ยาไทยกับยานอก    ถ้าซื้อยาไทยจากบริษัทที่มีมาตราฐาน     คุณสมบัติยาก็ไม่ต่างจากยานอกเลยครับพี่ทู



นั่นคือ   ยาไทย  ยานอก   ขอให้เป็นบริษัทที่มีมาตราฐาน   (  มี  อย.  )   ก็ใช้ได้ครับ  ไม่แตกต่างกันมากในแง่ของการรักษา





ผมเอง    เวลาทานยา   ก็เลือกแค่เพียงเป็นบริษัทที่มีมาตราฐานครับพี่ทู  





ส่วน เรื่อง   2  ภาษา   ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงให้คำศัพท์ครับพี่  ( ให้ทั้งคุณพ่อ และ คุณลูก    เพราะคุณพ่อก็อ่อนภาษาอังกฤษ  เอามาก  ๆ  เลยครับ    แบบว่า   อ่านได้ทุกตัว   แต่แปลไม่ออกสักตัว     ( หัวเราะ  ))





เรื่อง   DSM     ผมปรับไปเรื่อยครับพี่    ให้ลงตัวกับอนาคต       ซึ่งจากเดิม   ผมทำ  DSM    เพื่อตัวผมเอง     จึงกำหนดรูปแบบแบบหนึ่ง



แต่ หลังจากมี  เฟ-รินด์    แล้ว    อนาคตมันเปลี่ยนไป      สิ่งที่ผมทำก่อนหน้านี้   เฟ-รินด์และน้องกุ้ง   คงทำตามไม่ได้      หรือ ทำตามได้ยาก    จึงต้องเปลี่ยนรูปแบบ





เช่น   จากเดิม  ผมเฝ้าหน้าจอตลอด     แต่ถ้าให้เฟ-รินด์ไปเทรดที่โรงเรียน     คงจะเฝ้าหน้าจอไม่ได้     เพราะต้องใช้ช่วงเปลี่ยนวิชาเรียนในการโทรคุยกับมาร์เก็ตติ้ง    ดังนั้น   ช่องของการขาย   ก็จะขยายออกไป     จากเดิมขายทีละ   2   ช่อง      ก็ต้องเปลี่ยนมาให้มากช่องขึ้น



เมื่อเปลี่ยนของลูก      ก็ต้องเปลี่ยนของพ่อและแม่ด้วย   เพื่อให้ทุกคนสามารถทำแบบเดียวกัน   ทำตามกันได้หมด





ก่อน หน้านั้น  ผมเล่นมาร์จ้นด้วย     แต่เมื่อนึกถึง  กุ้งกับเฟ-รินด์แล้ว    ทั้งสองคนอาจจะมีวินัยไม่เท่าผม    การใช้มาร์จิ้นจึงเป็นเรื่องหน้าห่วง      ดังนั้น  รูปแบบจึงต้องเปลี่ยนใหม่      ห้ามใช้มาร์จิ้น      (  หรือหากใช้พอร์ตมาร์จิ้น   ก็ต้องใช้แค่เงินส่วนของตัวเอง    ห้ามใช้เงินกู้ที่ได้เพิ่มมา   )





จากนั้นก็มาทำอย่างไรให้ง่าย      ก็ต้องมาปรับรูปแบบให้ใหม่หมด    เพื่อจะได้ไม่ต้องคิดอะไรเลย    แค่ทำตามแบบที่ปริ้นออกมา    



พอ ทำให้ง่ายได้แล้ว     ต่อมาก็มาถึงว่า   ทำอย่างไรให้ได้ผลตอบแทนมากขึ้น    เร็วขึ้น       จึงทำให้ต้องใช้เครื่องมือทางตลาด    มาช่วย      ซึ่งก็คือ   ช็อทเซล





ดัง นั้น    DSM    ตอนนี้กับตอนก่อนโน้น   ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม      นั่นคือ        สะสมหุ้น    โดยการขายแล้วซื้อคืน   ครับพี่ทู   ไม่เปลี่ยนแปลงเลย





แต่  DSM   สมัยก่อน    ยากเกินสำหรับเด็ก   แต่   DSM    ตอนนี้    สามารถใช้ได้ตั้งแต่    เด็ก   10   ขวบ  ขึ้นไปได้เลย



DSM   สมัยก่อน   ไม่ได้เอาช็อทเซล  มาช่วย      แต่ตอนนี้   นำซ็อทเซลมาช่วยด้วย   เพื่อให้การสะสมหุ้นเร็วขึ้น  ครับ





ส่วน   สูตร    3 - 0 - 2 - 8     ก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง      นั่นคือ  กองหลัง    กองกลาง  และ  กองหน้า            จะมีเปลี่ยนแปลงก็ตรงกองหน้า     เพราะมีการนำช็อทเซลเข้ามาช่วย  





ตอน นี้     DSM    ง่ายกว่าก่อนมาก   และ  เป็นเบสิคมากกว่าแต่ก่อนมากมายเลยครับ      เพียงแต่ว่า    ก่อนหน้านี้        ไม่มีใครทราบทั้งหมด     เพราะเป็นความลับในบางส่วนที่ผมไม่สามารถบอกให้ได้      ยิ่งตอนนี้  ยิ่งง่ายขึ้น    





DSM    ไม่ได้หมายถึงวิธีเทรดนะครับ     แต่   DSM   คือรูปแบบของการสะสมหุ้น   โดยการ  ขายแล้วซื้อ         ดังนั้น     DSM   ตอนนี้ก็ยังคือ   DSM     





แต่ ช่วงหลัง  มักมีการเปรียบเทียบว่า     วิธีนั้นกำไรเท่านี้  วิธีนี้กำไรเท่านั้น    แต่  DSM   ไม่สนกำไร ไม่ดูมูลค่าพอร์ต           ผมจึงออกไปตอบให้ทราบว่า       DSM    จะพูดถึงมูลค่าพอร์ตก็ได้   พูดถึงกำไรก็ได้





เพียงแต่ว่า     มันยั่งยืนหรือเปล่า    ในคำว่า   กำไร





DSM    ต้องการรายได้  ตลอดไป      แค่เพียงดึงทุนคืนได้     ทุกอย่างคือกำไร        ซึ่งถ้าต้องพูดเรื่องกำไรของ   DSM     ก็ต้องพูดกันทุกวินาทีเลยครับ   เพราะต้นทุนได้แล้ว   ในพอร์ตคือกำไรทั้งหมด





นั่นหมายถึงว่า       ถ้าคืนทุนแล้ว     DSM    ก็คือกำไร      ไม่มีการขาดทุน     ยกเว้น    เปลี่ยนไปเล่นเก็งกำไร 





อย่าง ที่บอกเลยครับพี่ทู     DSM    เริ่มแรก   ผมทำเมื่อตอนอายุ    น่าจะประมาณ   30   ปี     ตอนนั้น   มีเพียงบ้านหนึ่งหลัง     รถหนึ่งคัน     และ  ภรรยา   1   คน





ตอน นี้เวลาล่วงมา   9   ปี    อายุมากขึ้น    มีบ้านหนึ่งหลัง    ที่ดิน   8   ผืน   รถ  2   คัน   ภรรยาคนเดิม    แต่ที่สำคัญ   คือ   มีลูกสาวตัวน้อยเพิ่มมาอีก   1   คน





สมัยเมื่อ    9   ปีก่อน   ผมยังยึดติดกับร้านยา       แต่มาตอนนี้    ผมไม่อยากให้กุ้งกับเฟ-รินด์ต้องลงไปรับภาระของร้านยา    





ดัง นั้น  รูปแบบ   DSM   ของเมื่อ  9   ปี  ที่แล้ว   จึงต้องเปลี่ยนแปลง    เพื่อให้  กุ้งกับเฟ-รินด์   ไม่ต้องทำร้านยา    ไม่ต้องทำงานหาเงิน     ไม่ต้องทำธุรกิจ  





ทำแค่   ลงทุนในหุ้น





นี่ แหละครับ      ทำให้   DSM   ของผมตอนนี้    ง่ายขึ้นกว่าเดิม    แต่ยังเป็นกติกาเดิมคือ       สะสมหุ้น    โดยการ  ขายแล้วซื้อ    ไม่เปลี่ยนแปลง  เลยครับ





( บรรยายมายาวมากเลย    อิอิ   )



ถ้า ให้ผมเปรียบเทียบ    ก็เหมือนกับ    โทรศัพท์มือถือ     ถ้าไม่มีการเปลียนไปตามความต้องการของผู้บริโภค    ตอนนี้  เราคงยังเห็นมือถือ  ตัวโต ๆ  แบบ  กระติกน้ำ      ซึ่งทำได้แค่  โทรออกและรับสาย





แต่ เมื่อความต้องการเปลี่ยนไป    มือถือก็ต้องเปลี่ยนตาม    กลายมาเป็น    ถ่ายรูป    ถ่ายวิดิโอ    ต่อเน็ต    เล่นเกมส์  ฟังเพลง     ใช้ไวไฟได้           ดูทีวีได้      ใช้  2   sim   ได้    รวมถึง   ใช้    GPS    เป็นแผนที่เดินทางได้ด้วย





แต่มือถือ   ก็ยังเป็นมือถือไม่เปลี่ยนแปลง     นั่นคือ    พกพาได้        ใช้โทรออก รับสายได้





( อธิบายแบบนี้  พอเห็นภาพมั้ยครับ  )





ผม ไม่ได้เก็งกำไรเลยครับพี่ทู      แต่ที่พูดเรื่องกำไร    เพราะเวลามีเรื่องเปรียบเทียบกัน   มักเอากำไรมาเปรียบเทียบ      แต่ไม่เอาอนาคตมาเปรียบว่า          เราทำได้  แล้วรุ่นลูกทำได้หรือเปล่า





ทุก วันนี้   DSM    ก็ไม่ได้เก็งกำไร       เพราะทำไปตามระบบที่บัญชีกำหนด        แต่เพราะต้องการให้เด็กเล็กทำได้       DSM   จึงต้องตัดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุด    ทำได้ง่ายที่สุด      และ   ทำได้เร็วโดยที่เด็กไม่เบื่อ  แต่ได้เงินแน่นอน   





เงินที่ออกมาเข้าสู่บัญชีธนาคาร   ไม่ได้มาจากการเก็งกำไร        แต่มาจากการขายแล้วซื้อตามระบบ     เงิน





กรณี   3 - 0 - 2 -8    ผมบอกเมื่อหลายปีแล้วว่าหมายถึงกองหน้า  กองกลาง  กองหลัง      ทุกวันนี้ก็ยังหมายถึงอย่างนั้น   แต่เพื่อน  ๆ  ไม่ตีความอะครับ



กอง หลัง  ไว้ป้องกันประตู  ( ลดต้นทุน  เพิ่มปริมาณหุ้น )        กองกลางไว้เป็นบอล  ( สร้างรายได้ระหว่างไซค์เวย์            กองหน้าไว้ทำประตู  ( ทำกำไร  )



แค่ นั้นจริง  ๆ      เพียงแต่เพื่อน  ๆ  ที่พูดถึงสูตรนี้      แต่ไม่ได้คิดว่า    สูตรนี้เอาไว้ทำอะไร      เลยกลายเป็นว่า       สุตรนี้ มีไว้แค่ตอบคำถาม  อะครับ  ไม่ได้ถูกเพื่อน  ๆ  นำมาใช้จริง





เมื่อ   KZM    เข้ามา แล้วแบ่งโซน      หลายคนก็บอกว่า     DSM   คล้าย  KZM     ซึ่งจริง  ๆ  แล้ว     3- 0 - 2 - 8     เป็นสูตร   ที่เป็นโซนมาก่อนแล้ว   ตังแต่   KZM   ยังไม่เกิดเลยครับ





แต่เพราะเป็นสูตร  ไม่ได้เขียนว่า   เป็นโซน    แค่นั้นเอง





นี่ เป็นเหตุผลที่ผมไม่อยากเข้าคลับ   เพราะเข้าไปก็จะเถียงกันไม่จบ     แทนที่จะถกกันเรื่องว่า  ทำอย่างไรให้อยู่รอดในตลาด     แต่มักถกกันว่า   วิธีไหนดีกว่ากัน   ง่ายกว่ากัน  





ถ้าพี่ทูมาเห็นกระดาษเทรดของเด็ก   อายุ   13    (  ผมขอยืมจากคุณพ่อเค้าให้มาเป็นหนูทดลอง  )     พี่ทูจะตกใจ



ว่า      ทำไมมันง่ายอย่างนี้      





ที่พี่ทูบอกว่า      อ่านที่ผมเขียนแล้วเหมือนทุกอย่างมันง่ายไปหมด     จริง  ๆ  แล้ว   เป็นเพราะผมไม่ชอบอะไรที่ยุ่งยากอะครับ



วิธี ไหนที่ยุ่งยาก    ผมก็จะค่อย  ๆ  ปรับให้มันง่ายขึ้นเรื่อย  ๆ        ผมปรับระบบตลอด     เรียกได้ว่า  ไม่เคยหยุดคิดเลย   ไม่ว่าจะระบบหุ้น   หรือ  ระบบร้านยา    แม้แต่ระบบล้างคอกน้องหมา    ผมยังต้องคอยปรับให้มันง่ายแก่น้องที่มาล้างเลยครับ





ดัง นั้น   DSM    ก็ยังยืนยันได้เสมอว่า     ก็เป็น   DSM    ไม่เปลี่ยนแปลง      แต่ความง่ายขึ้นเท่านั้นที่เปลี่ยนไปครับ    (  คมมั้ยครับ   (  แหะ  แหะ  ))






ผู้แสดงความคิดเห็น คุณเทพ ครับ วันที่ตอบ 2009-06-18 12:43:24


ความเห็นที่ 26 (1448423)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับ .... คุณเทพ



                      ก่อนอื่นคงต้องขอขอบคุณ คุณเทพมากๆที่อุตส่าห์อธิบายเสียยาวเลยเกี่ยวกับ DSM ที่ทันดูเหมือนง่ายๆ แต่ก็ไม่ง่ายเลยถ้าไม่เข้าใจจริง  อาจวัดได้จากยังไม่เห็นมีใครเลยที่ทำ DSM จนประสบผลสำเร็จเลยสักคนเดียวอย่างมากก็แค่ใกล้เคียง หรืออาจจะมีก็ได้นะครับแต่ไม่ยอมเปิดเผยตัว



                      ผมพิมพ์ที่คุณเทพอธิบายออกมานั่งอ่านนอนอ่าน ไม่พอยังบังคับให้น้องวันช่วย อ่านด้วย เผื่อจะคิดอะไรออกจากการสื่อของคุณเทพ เรียกว่าสองหัวน่าจะดีกว่าหัวเดียว อ่านไปอ่านมาตั้งหลายรอบก็ยังวนๆอยู่เหมือนเดิม ( นั่งบ่นกับน้องวันว่าทำไมคุณเทพถึงว่าง่ายนัก ) ก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดี มิน่าละถึงมาอยู่ด้วยกันได้ ... 555 ... ( ... พอๆกันเลย )



                      ปัญหาหลักตอนนี้ก็คือว่า ยังจับจุดช่วงการแบ่งโซนระหว่างกองหลัง กองกลาง และกองหน้าไม่ได้ ตัวอย่างเช่น เอาตามที่คุณเทพเคยอธิบายไว้คือ ราคาอยู่ระหว่าง 1.60-9.00 ถ้าสมมุติว่าเราเข้าซื้อครั้งแรกเลยที่ราคา 3.00 ตรงราคาซื้อตรงนี้จะถือเป็นเส้นแบ่งโซนระหว่างกองหลังกับกองกลางเลยหรือ เปล่า



                       ถ้าราคาต่ำลงไปกว่า 3.00 ก็เป็นส่วนของกองหลัง 30%ทำหน้าที่ขายแล้วซื้อคืน ( เหลือไว้ 30% ) เพื่อลดต้นทุน ส่วนราคาที่เหนือกองหลังไปจนถึงราคา 3.00 ( ราคาซื้อครั้งแรก ) จะเป็นส่วนของเลข 0 ( 3-0-2-8 ) หรือเปล่าคือไม่ต้องทำอะไร ซึ่งส่วนของ 0 นี้อาจจะห่างออกไปเรื่อยๆก็ได้ ถ้าราคามันลงไปเรื่อยๆ แล้วอย่างนี้ตรงเลข 0 ตรงนี้เราจะสามารถหารายได้บ้างหรือเปล่านอกจากรอ ก็น่าจะเอารายได้ที่ได้จากการลงมาเรื่อยๆ มาซื้อหุ้นเพิ่มเพื่อขายในช่วงที่ว่า ( แต่มันก็จำนวนน้อยมาก ) ตรงนี้คิดได้แค่นี้ครับ



                        ส่วนกองกลางก็รอราคาขึ้นมมาสูงกว่าราคาที่ซื้อครั้งแรกก็ขายที่ล  1%ไปเรื่อยๆและก็ซื้อคืนถ้าซื้อได้ ถ้าหากเรากำหนดโซนกองหน้าไว้ที่ราคาตั้งแต่ 8 บาทขึ้นไป ส่วนของกองกลางก็จะเล่นที่ราคา 3-8 บาท แต่มีหุ้นไว้เล่นส่วนนี้นิดหน่อย แต่ช่วงราคากว้างมาก ก็เลยไม่แน่ใจว่าการคิดแบบนี้มันใช่อย่างที่คุณเทพสื่อมาหรือเปล่า



                        ส่วนของกองหน้าก็ต้องรอราคาขึ้นมาถึง 8 บาท ก็จะเริ่มขาย 10% เข้าใจว่าอาจจะขายขึ้นไปเรื่อยๆเลยตามราคาที่ขึ้น จนกระทั่งหุ้นหมดมือ โดยในส่วนกองหน้านี้จะไม่ซื้อคืน เพราะจะไปรอซื้อคืนในช่วงราคาต่ำๆแถวกองหลังตัวล่างสุด ตรงนี้ก็ยิ่งไม่มั่นใจเข้าไปใหญ่เลยว่าคิดถูกหรือเปล่า และก็ยังมา งง ต่อกับที่คุณเทพอธิบายว่าจะมีเปลี่ยนแปลงก็ตรงกองหน้า เพราะมีการนำระบบช็อทเซลเข้ามาช่วย ใช่เอาช่วยเมื่อตอนหุ้นหมดมือหรือว่าเอาช่วยช่วงที่ราคาเข้ามายังโซนของกอง หน้า



                        หากตามที่ผมเข้าตามข้างบนนั้น 3-0-2-8 มันก็ยังไม่ได้นะถ้าหากเรายังซื้อหุ้นเพิ่มไม่ได้อีก 3000 หุ้น เพราะมันจะเป็นได้แค่ 3-0-2-5 ก็เลยคิดว่ามันคงจะไม่ใช่แบบนี้แน่ๆ แต่ก็ยังคิดไม่ออกเลยครับ ...



                        ตอนนี้ผมต้องเร่งสร้างโมเดลหรือระบบการเทรดให้ได้ ไม่ใช่แค่ต้องการแก้ไขพอร์ตกองทุนให้สามารถคืนทุนให้กับผู้ร่วมทุนเท่านั้น ( ขอแค่คืนทุนก็คงโล่งอกไปมากเลยละเรื่องกำไรไม่ต้องพูดถึงเลยแหละถึงเวลานั้น จริงๆพอคืนทุนได้ผมอาจจะแจ้งให้ผู้ร่วมทุนว่าจะหยุดทำแล้ว  ) แต่ผมต้องการประกันความเสี่ยงให้กับน้องวันกับลูกด้วยว่าหากวันใดวันหนึ่ง เกิดผมเป็นอะไรไปแล้ว น้องวันกับลูกจะอยู่กันได้อย่างไรเพราะทุกวันนี้รายได้หลักของครอบครัวได้มา จากเงินเดือนของผมเท่านั้น  เงินก้อนที่น้องวันจะได้มาก็คือเงินประกันกับ เงินสำรองเลี้ยงชีพซึ่งก็มากพอสมควร แต่ถ้าไม่สามารถทำให้มันงอกเงยขึ้นมาได้ไม่นานมันก็คงจะหมดไปก่อนที่ลูกๆจะ เรียนจบแน่เลย.



                        ผมเคยบอกกับน้องวันไว้ตั้งแต่ช่วงที่เรียนอยู่กับคุณเทพ ว่าหากผมเป็นอะไรไปให้เอาเงินก้อนนี้มาทำ DSM เลี้ยงครอบครัวและถ้าติดขัดอะไรหรือไม่เข้าใจก็ให้ถามคุณเทพได้ พอมาเกิดเรื่องและพอร์ตที่ทำมันก็ไม่โต ก็เลยบอกกับน้องวันว่าถ้าคิดว่าทำ ไม่ได้ก็ให้ฝากกินดอกหรือไม่ก็ซื้อหุ้นที่มีปันผลเยอะ และค่อยหาทางทธุรกิจอะไรสักอย่างที่ไม่ต้องลงทุนเยอะมาก เพราะหากลงทุนเยอะมากแล้วมันไม่สำเร็จก็จะยิ่งไปกันใหญ่



                        ผมคงจะหมดห่วงถ้าสามารถสร้างรูปแบบโมเดลเทรดหุ้นให้กับน้องวันและลูกได้โดย ที่ไม่มีเราเขาก็สามารถ อยู่กันได้โดยไม่ลำบาก แต่ก็อย่างว่าละนะผมทุ่มเทอยู่กับการลงทุนแบบ DSM ก็ประมาณเกือบห้าปีได้ แต่มันก็ยังไปไม่ถึงไหนเลย แล้วจะไม่ให้ผม งง กับคำพูดของคุณเทพได้ยังไงที่คุณเทพบอกว่าทุกวันนี้ DSM ยิ่งง่ายกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก.



                         ถ้าหาก แผ่นกระดาษที่คุณเทพพิมพ์ออกมาให้เด็กอายุ 13 เอาไว้เทรดช่วงปลี่ยนวิชาเรียน ที่ว่ามันง่ายมาก หากมันไม่เป็นความลับของคุณเทพ ผมอยากจะรบกวนให้คุณเทพช่วยส่งให้ดูเป็นตัวอย่างได้ไหมครับ เพื่อมันจะช่วยทะล่วงมันสมองของผมให้คิดอะไรออกมาได้มากกว่าปัจจุบันที่เป็น อยู่



                         แต่ถ้ามันเป็นความลับก็ไม่เป็นไรครับ ผมก็จะค่อยๆคิดไป และคุณเทพก็ค่อยไอธิบายหรือสื่ออะไรเพิ่มให้กับผมก็แล้วกัน มันต้องคิดได้สักวันละ แต่ไม่รู้จะนานหรือเปล่า .. แหะ ... แหะ ขนาดพี่เกี๊ยกค่อยแนะนำเรื่อยๆเวลา M ยังไม่ไปไหนเลย.



                        สงสัยต้องเอาเลข 3-0-2-8 ไปแทงหวยแล้วมั่งเพื่อจะโชดดีถูกขึ้นมาจะได้เอาไปคืนทุนให้เขาเร็วๆจะโล่งอก สักที หรือว่าจะยิ่งแย่เขาไปกว่าเดิมก็ไม่รู้ เพราะโอกาสมันยิ่งยากกว่าการทำ DSM ให้สำเร็จเสียอีก ( หวังลม ลม แล้ง แล้ง อีกแล้ว )



                        อย่างน้อยที่สุดวันนี้ก็รู้สึกดีใจและพอมีกำลังต่อสู้กับปัญหาต่อไป เพราะถามคุณแม่ว่าเป็นยังไงบ้างมาอยู่กับผมที่ระยองเกือบจะครบปีแล้ว ท่านก็บอกว่ามีตวามสุขดีและสบายกว่าอยู่ที่ร้อยเอ็ด ( เป็นบ้านเกิดของผมครับ ) แต่ท่านอดเป็นห่วงเรื่องพี่ชายไม่ได้เท่านั้น ว่าจะสามารถหาเลี้ยงตัวเองได้รอดหรือเปล่า  ผมก็บอกท่านว่าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ถึงจะยังไปไม่รอดผมก็จะค่อยดูแลอยู่ไม่ทิ้งไปหรอก ยังไงก็จะหาทางให้เขาเอาตัวรอดให้ได้ ท่านก็เลยเปลี่ยนมาเป็นห่วงเราแทนเสียอีกต้องมาเป็นภาระ ผมก็เลยบอกกับแม่ว่าขอให้แม่มีความสุขก็ดีใจแล้ว อย่างอื่นค่อยว่ากันไปตามแต่มันจะป็นไป



                          ช่วงนี้ก็เลยกลายเป็นว่าน้องโฟร์ติดอาม่ามากว่าคุณพ่อเสียแล้ว.  ไม่อยากจะ เชื่อเลยว่าพอตั้งใจจะหาทำเลขายของจริงแล้วมันช่างหายากเสียจริง เดือนนี้คิดว่าน่าจะเข้าเนื้อน้อยกว่าเดือนก่อนมั่ง ไม่ใช่ว่ายอดขายเพิ่มนะ ยังคงขายได้เท่าเดิมเลย แต่จะได้จากน้ำแข็งปั่นที่ให้ทำไปขายช่วงเย็นหน้าโรงเรียน ( ดูกำไรจะดีกว่าก๋วยเตี๊ยวเสียอีก ) แต่ก็ยังไม่พอค่าเช่าอยู่ดี ยกเว้นจะขายน้ำแข็งได้เยอะกว่านี้เท่าตัวก็พอได้ ก็คงถูๆไถ่ไปก่อนในช่วงที่รอหาทำเลใหม่. ดูเหมือนน้องวันจะสนุกกับการไปช่วยขายน้ำแข็งใส ... 555 ...



  



   
ผู้แสดงความคิดเห็น loaw วันที่ตอบ 2009-06-20 23:04:41


ความเห็นที่ 27 (1449010)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับพี่ทู



มาเกริ่นไว้ก่อนครับ     แวปไปถูห้องก่อน    (  แหะ  แหะ  )
ผู้แสดงความคิดเห็น คุณเทพ ครับ วันที่ตอบ 2009-06-23 14:15:21


ความเห็นที่ 28 (1449084)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับ .... คุณเทพ



                     ช่วงนี้รู้สึกเป็นห่วงน้องทรีมากๆเลย  พอดีที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งมีเด็กป่วยเป็นโรคหวัดสายพันธุ์ 2009 แต่ทำไมทางโรงเรียนถึงไม่ยอมประกาศหยุดโรงเรียนสัก 7 วัน เพื่อให้พ้นช่วงระบาดและถือโอกาศทำความสะอาดฆ่าไปด้วย  ดูเหมือนว่าทางโรงเรียนจะห่วงชื่อเสียงมากกว่าความเป็นอยู่ของเด็กเสียแล้ว



                      นี่ยังดีที่โรงเรียนที่น้องทรีเรียนอยู่ยังไม่มีใครป่วยด้วยโรคที่ว่า  ถ้ามีคิดว่าโรงเรียนน่าจะประกาศมั่งเพราะเป็นโรงเรียนรัฐ คงไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องชื่องเสียงเท่าไร เพราะปัจจุบันเด็กที่จะเข้าเรียนก็เยอะกว่าทางโรงเรียนจะรับได้หลายเท่าตัว อยู่แล้ว



                      และอีกอย่างตอนนี้น้องทรีต้องเรียนด้วยตำราเรียนภาษาอังกฤษหมดเลย ยกเว้นวิชาภาษาไทย ไม่รู้มันจะหนักไปหรือเปล่า และที่สำคัญพอจะไปสอบแข่งขันกับคนที่เป็นข้อสอบภาษาไทยจะสู้เขาได้หรือเปล่า ผมกับน้องวันก็ต้องไปหาซื้อหนังสือที่ทางโรงเรียนใช้สอนมาเพื่อค่อยช่วย เหลือตอนอยู่ที่บ้าน แต่ปัญหากลับอยู่ที่ผมกับน้องวันเพราะแปลกไม่ค่อยออก เปิดดิกเสียเมื่อยเลย



                      เห็นคุณเทพพยายามพูดภาษากับน้องเฟ-รินด์ แล้วผมก็บอกกับน้องทรีว่าให้พยายามพูดกับน้องโฟร์เป็นภาษาอังกฤษบ้าง เพราะมันคงจะดีกว่าผมกับน้องวันแล้วมั่ง .. 555 ...



                   

.......................................



                      
ผู้แสดงความคิดเห็น loaw วันที่ตอบ 2009-06-23 22:01:43


ความเห็นที่ 29 (1449412)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับพี่ทู





ผมเพิ่งกลับเข้ามาบ้านครับ



ตอน นี้  ก็พูดภาษาอังกฤษปนไทยกับเฟ-รินด์ตลอด    แต่จะพยายามฝึกตัวผมเองให้พูดแต่อังกฤษกับเค้าให้ได้ครับ         แต่คงต้องค่อยเป็นค่อยไป     เพราะอายุก็เลยมาจนจะ    40   ขวบแล้ว   เพิ่งจะมาหัดพูด      ก็คงต้องงู  ๆ  ปลา  ๆ   กันนานแน่เลยครับ





แล้ว ช่วงนี้  ผมไม่ค่อยได้ทำเวปเพิ่มเลยครับ      เพราะพอกลับมาถึงบ้าน    ก็  ........   เผลอนอนเล่นทุกที    แทนที่จะมานั่งทำเวปให้โตขึ้นทีละนิด     เลยเผลอหลับไปมั่ง   นอนอ่านการ์ตูนไปมั่ง     จนถึงเวลาไปรับเฟ-รินด์    สรุป   เลยไม่ได้ทำอะไรเพิ่มสักที





วันนี้ก็เขียนเวปเพิ่มได้อีกนิดหน่อย        ยังดีครับ  อิอิ     ค่อยมีการอัพเดรตกะเค้าบ้าง





ทิ้งท้ายไว้ตรงนี้ก่อนนะครับ      ขอกวาดห้อง  ถูพื้น  รอรับเฟ-รินด์ก่อนครับพี่ทู
ผู้แสดงความคิดเห็น คุณเทพ ครับ วันที่ตอบ 2009-06-26 14:27:25


ความเห็นที่ 30 (1450176)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับ .... คุณเทพ บัฟเฟต 

                      ตกลงวันนี้ทางโรงเรียนเอกชนที่ว่ามีเด็กนักเรียนติดหวัด 2009 ก็โทรตามผู้ปกครองให้ไปรับนักเรียนกลับบ้าน เพราะมีเด็กป่วยเพิ่มขึ้นมาอีก 3-4 ราย และให้หยุดเรียนไปถึงวันพุธหน้าเลย ( สุดท้ายก็ต้องยอมรับความจริง ) น่าจะให้หยุดตั้งแต่มีเด็กเริ่มป่วยแล้ว  นี่ยังดีที่โรงเรียนน้องทรียังไม่มีเด็กป่วย ไปอีกวันพรุ่งนี้ก็จะได้หยุดหลายวันก็คงสบายใจได้อีกเปาะหนึ่ง   ช่วงนี้ก็คงให้น้องทรีหยุดเรียนว่ายน้ำไปก่อน ( เพราะไม่รู้ว่ามันติดต่อกันได้หรือเปล่าทางน้ำ )



                     เห็นน้องทรีพูดภาษากับน้องโฟร์แล้ว ดูน้องโฟร์ยังไม่ตอบรับสักเท่าไหร่  แต่พอพูดภาษาไทยน้องโฟร์เหมือนจะรับรู้  ยิ่งภาษาลาวแล้ว โอเคเลย 555 สงสัยจะกลายเป็นเด็ก 3 ภาษาไปเลย



                     ร้านก๋วยเตี๋ยวก็ยังคงขาดทุนค่าเช่าอยู่ดี เพียงแต่น้อยลงกว่าเดือนก่อน เพราะได้กำไรน้ำแข็งปั่นเพิ่มเข้ามา เท่าที่สังเกตุจำนวนลูกค้าก็ยังพอๆเดิมคนเดิม  แล้วต้องทำยังไงที่จะให้ลูกค้ารายใหม่เพิ่มเข้ามา  ....  มันทำไมถึงยากเย็นอย่างนี้  ใบปลิวก็แจกไปเยอะแล้ว ติดป้ายโฆษณาก็แล้ว งง งง จริงๆ



                     ช่วงนี้ก็ยุ่ง ทั้งที่บ้านและที่ทำงานเลย เพราะต้องประเมินผลงานกลางปีของพวกน้องๆ  ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ไม่ค่อยชอบเลย ไม่ว่าประเมินออกมายังไง ก็ไม่ถูกใจทั้งหมดอยู่ดี แถมยังมีข้อจำกัดในหลายๆอย่างจากหัวหน้ายิ่งทำให้ยากเข้าไปอีกที่จะให้พอใจ เสียเป็นส่วนมาก



                     ไว้ว่างๆก็คงจะมานั่งคิดนอนคิดโจทย์ของคุณเทพต่อกับ DSM แบบง่ายๆของเด็กสิบขวบ ...



..................................
ผู้แสดงความคิดเห็น loaw วันที่ตอบ 2009-07-02 21:22:32


ความเห็นที่ 31 (1450471)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับพี่ทู



วันศุกร์   เสาร์ที่ผ่านมา    ผมมออกไปนอนค้างโรงแรม    2   คืนครับ   เพิ่งกลับเข้าบ้านมาเมื่อตอนเที่ยงนี้เองครับ



พอ ดีมาถ่ายน้ำออกจากสระว่ายน้ำ    (  ไม่ได้ถ่ายน้ำมา   1  ปี  กว่า  แล้ว   แต่ต่อไปจะถ่ายน้ำสระน้ำทุก   6   เดือนเลย     )     จึงออกมาเฝ้าสระแล้วเอาโน๊ตบุ๊คมาต่อฮัทซ์คุยเวป   อยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน      บรรยากาศกำลังสบายเลยครับ    แต่ท้องฟ้าท่าทางกำลังจะมีฝนตก  





อีกสักครู่   คงต้องเข้าไปนั่งพิมพ์ในบ้านแทนละครับเนี่ยะ





เกือบสัปดาห์ที่ผ่านมา    ผมพลาดอย่างมาก     ผมกับเฟ-รินด์  หม่ำนมกล่อง     

หม่ำไปตอนเย็น     คืนนั้นผมเริ่มท้องเสีย    ถ่ายเฉพาะช่วงคืนนั้นเกือบ    20   หน    แทบไม่ได้นอน



วันรุ่งขึ้น  ยังถ่ายต่อ    อีกเกือบ   20   หน     ก็เลยหม่ำยา      กว่าจะหยุดถ่ายก็อีกวันรุ่งขึ้น    เพลียสุด  ๆ 



แต่ ที่แย่คือ  เฟ-รินด์     เค้าถ่ายหลังจากผม   12   ชม.         ถ่ายจนไข้ขึ้น  ตัวร้อน       ให้ยา  เค้าก็ไม่หม่ำยา       ส่วนมื้อไหนที่ฝืนให้เค้าหม่ำได้   เค้าก็อ็วก
ผู้แสดงความคิดเห็น คุณเทพ ครับ วันที่ตอบ 2009-07-05 13:31:48


ความเห็นที่ 32 (1450802)   
แจ้งลบความคิดเห็น

ฝน ตกครับพี่ทู    เลยต้องหอบโน๊ตบุ๊ค  วิ่งเข้าบ้าน       เสียดาย   นาน  ๆ  ทีจึงจะสร้างบรรยากาศออกไปนั่งเล่นคอม ๆ   ที่ระเบียงบ้าน     เล่นได้แปปเดียว   ฝนเทเลย





เมื่อ วันศุกร์   พาเฟ-รินด์ไปเจาะเลือด       ผลเลือดสรุปมาว่า    ปกติทุกอย่าง    เพียงแต่ตัวร้อนเพราะท้องเสีย    ผมกับกุ้ง  โล่งใจเลยครับ      เพราะตอนนี้   ที่ประจวบ ๆ   ก็ระบาดมาถึงแล้ว     (  ไข้หวัด  2009  )    หลายโรงเรียนในต่างอำเภอ   เริ่มปิดโรงเรียนกันแล้วครับ





ผ่าน คลินิคหมอเด็ก     ก็เห็นเด็กป่วยมากหลายคน      ช่วงนี้   ผมคงงดพากุ้งกับเฟ-รินด์ออกเที่ยวตามโลตัสก่อน       เว้นระยะทางการเมือง  (  การเที่ยว  )  สักพัก   ให้ไข้หวัดที่ระบาด   ควบคุมได้ก่อน  ค่อยว่ากันใหม่ครับพี่





เรื่อง ร้านก๊วยเตี๋ยว   ผมก็เล่าผ่านร้านยาผมนะครับ   ของผมก็เหนื่อยเหมือนกัน      เนื่องจากที่ผ่านมา   น้องที่เป็น  ผจก.    มุ่งเป้าผิดแนวจากที่ผมทำมา        เลยกลายเป็นทื้งจุดเด่นของร้าน       ไปทำยอดขายแทน





เค้าไปเน้นยอดขาย     ให้ได้ยอดเยอะ  ๆ      จนลืมความสำคัญของจำนวนคนไข้





เค้า ทิ้งคนไข้    รายละ   60   บาท   ไปเน้นลูกค้ารายละ   500   บาท     ผลจึงมาประดังเอาในช่วงนี้     คนไข้ที่เคยมาประจำก็เลยหายเกือบหมด  





ตลอด ที่ผมทำมา   ผมเน้นจำนวนคนไช้    มากกว่าที่จะเน้นยอดขาย         และบอกกับน้อง  ผจก. ตลอด   แต่เค้าคงเข้าใจในสิ่งที่ผมบอกคลาดเคลื่อนไป        ตอนนี้สถานการณ์เลยลำบากมาก   ในการที่จะดึงความมั่นใจของคนไข้ให้กลับคืนมา





แต่ เท่าที่ผมกลับเข้าร้านไปดูแล      ยอดแม้จะเพิ่มขึ้นมา     แต่ก็ยังหายไปเกือบ    50  %         แต่ยังดีที่รู้สึกว่า         น้อง ผจก.  จะเริ่มเข้าใจจุดที่ผมเน้น        ช่วงนี้    คนไข้จึงเริ่มมีกลับมาบ้าง       รอเพียงให้มีการบอกต่อ    เพื่อดึงจุดเด่นของร้านผมคืนมา





เหนื่อย ครับ   แต่ก็รู้สึกว่า สนุก        รู้สึกว่า    วัน ๆ  ผมเองได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันกับเค้าบ้างแล้ว      เพราะก่อนหน้านี้   ผมนอนเล่นอยู่แต่ในบ้าน    เพราะเทรดหุ้นอยู่ในบ้าน     จนคนรอบข้างมองว่าผมเป็นคนไม่มีแก่นสาร       ไม่ทำงาน   ไปซะงั้นเลยครับ     (  หัวเราะ   )





ผมขอตัวเข้านอนก่อนนะครับพี่ทู       คงจะดูหนังสักเรื่องก่อนนอน       จะได้หลับฝันดีครับ





บะบายราตรีสวัสก่อนครับพี่ทู










ผู้แสดงความคิดเห็น คุณเทพ ครับ วันที่ตอบ 2009-07-08 01:33:35


ความเห็นที่ 33 (1451134)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับ ... คุณเทพ

                     ตอนนี้อาการน้องเฟ-รินด์ หายดีแล้วหรือยังครับ  คงต้องบำรุงกันอีกสักพักมั่งในการเรียกพละกำลังกับมา จากอาการถ่ายท้อง ขนาดผู้ใหญ่อย่างเราๆยังแย่เลย  แต่ก็ดีที่ปลอดจากโรด 2009



                     เมื่อวานไปรับน้องทรีที่โรงเรียน คุณครูแจ้งว่าทางโรงเรียนปิดเป็นเวลา 10 วัน เนื่องจากม่เด็ก ป.4 ติดเชื่อ 2009 แล้ว 4 คน และยังไม่รู้ว่าจะมีเด็กติดต่อจากเด็ก 4 คนนี้อีกหรือเปล่า ช่วงนี้ก็คงต้องคอยเฝ้าดูน้องทรีเป็นพิเศษว่าจะมีอาการตัวร้อนหรือเปล่า



                     พูดๆไปก็อดที่จะต่อว่านายกไม่ได้  มั่วแต่สร้างภาพบอกไม่ให้ประชาชนตื่นตนกกันเพราะเป็นเหมือนไข้หวัดธรรมดา รักษาหายได้ แทนที่จะแจ้งเตือนให้ระมัดระวัง หรือหาทางควบคุม แล้วพอตอนนี้ระบาดนัก คนตายเพิ่มขึ้น ถึงจะมาหาทางป้องกัน อย่างนี้มันใช้ได้ที่ไหน เป็นถึงนายก กลับห่วงภาพพจน์รัฐบาลหรือประเทศ มากกว่าชีวิตประชาชน เซ็งกับนายกคนนี้จริงๆ ...



                    ว่าไปแล้วผมก็อยากเป็นเหมือนคุณเทพนะคือ  ถูกคน รอบข้างมองว่าผมเป็นคนไม่มีแก่นสาร   ไม่ทำงาน  เพราะนั้นเท่ากับว่าบรรลุวิชา DSM  เสียแล้ว ..... ขอตัวไปทำงานก่อนครับ ( หัวหน้ามองแล้ว )



.................................



                   
ผู้แสดงความคิดเห็น loaw วันที่ตอบ 2009-07-10 08:08:49


ความเห็นที่ 34 (1451244)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับพี่ทู



เฟ-รินด์ เริ่มร่าเริงขึ้นแล้วครับ   แต่ก็ยังวางใจไม่ได้      เพราะน้ำหนักลดลงไปมาก     เลยต้องระวังอย่างมากไม่ให้เจ็บป่วยอะไรเพิ่มในช่วงนี้      หรือถ้ามีเจ็บป่วย  ก็ต้องรีบดูแลให้หายให้เร็วที่สุดครับ





แต่เริ่มวิ่งเล่น   ร่าเริงได้แล้วครับ      เหลือแค่ทำน้ำหนักให้กลับมาเหมือนเดิม     จะได้ซนเท่าเดิมครับ





เรื่องการเมือง   ขอผ่านก่อนเลยครับ     อิอิ       ภาษาวัยสะรุ่นสมัยก่อนก็ต้องบอกว่า    พูดไปก็ไลฟ์บอยยยยยยยย





ไข้ หวัด  2009    ตอนนี้ที่ประจวบ  ๆ    ป่วยกันเยอะเพิ่มขึ้นแล้วครับ      ผมเองก็ยังกังวลว่า  จะติดด้วย     ห่วงก็แต่ว่า  จะเอามาติดเฟ-รินด์และกุ้งครับ       วันนี้กลับจากร้านยา    ยังคิดว่าไม่อยากเข้าบ้านเลยครับ     อยากไปนอนที่อื่น    กลัวเฟ-รินด์กับกุ้ง    จะติดจากผม  หากผมเป็นไข้หวัด





ตอน นี้อยู่ร้านยา   ก็ต้องใช้แมสปิดปากปิดจมูกไว้ด้วยครับ       เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อจาก  คนไช้มาสู่คนขาย     รวมทั้งจากคนขายไปสู่คนไข้ด้วย      ( ผมปิดที   2   ชั้นเลยครับ    อิอิ  )





ผมหม่ำข้าวก่อนนะครับพี่ทู  หิว  หิว  แล้ววววววววววว




ผู้แสดงความคิดเห็น คุณเทพ ครับ วันที่ตอบ 2009-07-10 18:11:33


ความเห็นที่ 35 (1452614)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับ .... คุณเทพ



                      พึ่งจัดการงานที่ทำงานเสร็จ  กะว่าจะมาขอคำแนะนำเกี่ยวกับ DSM ฉบับเด็ก 13 ขวบเสียหน่อย ( จริงอยากจะขอคำแนะนำฉบับผู้สูงอายุมากกว่าเพราะกลัวคิดไม่ทันเด็กๆ )



                      แต่ก็มาเกิดเรื่องยุ่งๆขึ้นมาอีก ร้านก๊วยเตี๋ยวคงต้องหยุดขายไปก่อน เพราะพี่ชายเขาอยู่ๆก็เกิดอาการตามองไม่เห็นข้างหนึ่ง พอพาไปให้หมอตาตรวจ ปรากฎว่าเส้นเลือดในประสาทตาอุดตันไม่สามารถรักษาได้ ผ่าตัดก็ไม่ได้  ผมถึงกลับ งง ไปเลย อยู่ดีมันเป็นได้ไงไม่มีอาการอะไรมาก่อนเลย  เลยตัดสินใจว่าพรุ่งนี้จะหาเข้าไปตรวจที่ กทม. เป็นโรงพยาบาลเกี่ยวกับโรคตาโดยเฉพาะ ( โรงพยาบาลจักษุรัตนิน ) เห็นคนที่แนะนำเข้าบอกว่าที่นี้เก่งเรื่องตามากและมีแต่ อ.หมอทั้งนั้น  ก็ได้แต่หวังว่าจะรักษาให้หายได้



                      แต่ถ้ารักษาไม่ได้ ก็ต้องหาทางดูแลรักษาอีกข้างให้ กลัวมันจะมีผลกระทบเหมือนกันหรือเปล่า คงต้องปรึกษาคุณหมอดู ทำไมปีนี้มันมีแต่เรื่องยุ่งๆมาตลอดเลย



                      นี่น้องโฟร์ก็มา มีอาการไอและมีไข้อ่อนๆ เลยต้องรีบพาไปหาหมอก่อนเลย ก็มีเพียงแค่คอแดงเท่านั้น  ก็คงต้องเฝ้าระวังกันต่อไปอีกสำหรับเจ้าหวัด 2009  ยิ่งตอนนี้โรงเรียนน้องทรีก็เปิดเรียนแล้ว



ผมขอตัวไปนอนก่อนพรุ่งนี้ต้องขับรถไป กทม. อีกและก็ต้องกลับมาเข้ากะดึกอีก .... DSM ก็คงต้องฝากคุณเทพไว้ก่อนครับ.



....................................

        



                     
ผู้แสดงความคิดเห็น loaw วันที่ตอบ 2009-07-21 21:29:44


ความเห็นที่ 36 (1453162)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับ ... คุณเทพ

                     ตอนนี้ตาของพี่ชายข้างขวาก็มองไม่เห็นถาวรแล้ว เนื่องจากไม่สามารถรักษาได้  คุณหมอที่โรงพยาบาลจักษุรัตนิน บอกว่าอาการเส้นเลือดแดงในตาตัน ต้องรักษาภายใน 2 ชม.เท่านั้นถึงจะกลับมามองเห็นเหมือนเดิม 100% หากช้ากว่านั้นการมองเห็นก็จะลดน้อยลงจนไม่สามารถรักษาได้เนื่องจากประสาทตา ขาด O2 มาเลี้ยง ทำให้ประสาทตาตาย การรักษาช่วงก่อน 2 ชม. ก็ต้องใช้เลเซอร์ยิงเข้าไปสลายตะกอนให้แตกเป็นก้อนเล็ก ให้เลือดดันหลุดไป หรือไม่ก็ใช้วิธีเจาะแล้วดูดเอาตะกอนนั้นออก.

                   ส่วนสาเหตุนั้นเกิดจากมีตะกอนปนมากับเลือด ถ้าเป็นก้อนเล็กก็อาจจะมีอาการมองไม่เห็นชั่วขณะ พอความดันของเลือดสามารถดันให้หลุดได้ก็จะกลับมามองเห็นอีกตามปกติ  นี่ก็เท่ากับเป็นการเตือนเบี้องต้นต้องรีบไปหาสาเหตุ ก่อนที่จะเจอตะกอนก้อนใหญ่มาตันแล้วความดันของเลือดไม่สามารถดันให้หลุดออก ได้หรือดันหลุดแต่นานเกิน 2 ชม. ก็จะทำให้ตามองไม่เห็นอย่างถาวร

                   ตะกอนที่ปนมากับเลือด มาได้ 2 จุดคือ 40% มาจากลิ้นหัวใจทำงานปิดปกติ อีก 60% มาจากตะกอนที่เกาะในเส้นเลือดใหญ่ตรงข้างลำคอ ที่น่าเป็นห่วงต่อไปจากนี้คือ ต้องหาสาเหตุที่มาของตะกอนให้เจอ เพราะวันดีคืนดีถ้ามันหลุดขึ้นไปดันเส้นเลือดในสมองก็จะทำให้เป็นอัมพาตได้ หรือถ้าไปที่ตาอีกข้างก็จะทำให้ตาบอดอีกขาด ถ้าหากหาสาเหตุไม่เจอก็คงต้องกินยายับยั้งการเกาะตัวของเลือด ( อะไรทำนองนี้แหละครับ ) ไปตลอดชีวิตเพื่อป้องกันไม่ให้มีตะกอนไปอุดตัน

                   นี่ก็พาไปตรวจตามหนังสือส่งตัวของโรงพยาบาล ตรวจคลื่นหัวใจไปแล้วปกติดี หมอก็นัดให้มาวิ่งสายพานและเจาะเลือดอีกเดือนหน้า ก็ได้ยามากินแต่พอกินยาได้ 2 วันก็มีอาการชาตามแขนและขาเล็กน้อยอีก พรุ่งนี้ก็ต้องพาไปหาหมออีก ไม่รู้จะเป็นเพราะแพ้ยาหรือว่าไง

                  ช่วงนี้ก็สงสารน้องวันเหมือนกันต้องเป็นธุรในวันที่ผมไปทำงาน และผมก็ต้องไปทำงานเกือบทุกวันเลย ( วันหยุดก็ต้องไปทำโอทีแต่ก็ดีไปอย่างเพราะช่วงนี้รายจ่ายเพิ่มขึ้นเยอะใช้ ได้เลย ) เนื่องจากมีคนหยุดงานเพราะต้องไปดูแลลูกเพราะป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลหลายคน เหมือนกัน จนตอนนี้ที่โรงพยาบาล ( เอกชน ) ห้องเต็มหมด แม้แต่ห้องประชุมก็เอามาเป็นที่พักของคนไข้ชั่วคราว ใครอาการไม่หนักมากหมอก็จะตรวจว่าลงปอดหรือยังและถ้ายังก็ให้ยาแล้วกลับไป พักฟื้นที่บ้านช่วงรอผลว่าเป็น 2009 หรือเปล่า

                  ดูแล้วตอนนี้ที่ระยองถือว่าโอกาสติดต่อจะค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อาจจะมาจากส่วนหนึ่งที่มีโรงงานเยอะด้วย ก็อดเป็นห่วงน้องวันไม่ได้ที่ต้องพาพี่ชายผมไปโรงพยาบาลบ่อยช่วงนี้  ก็ใช้อุปกรณ์ป้องกันเอา ไม่รู้มันกันได้แค่ไหน กลัวว่าจะเอามาติดลูกๆ

..............................         

ผมขอตัวไปนอนก่อนครับ .. พรุ่งก็ต้องทำงานต่ออีก

..............................      
ผู้แสดงความคิดเห็น loaw วันที่ตอบ 2009-07-27 21:35:28


ความเห็นที่ 37 (1454825)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับ .... คุณเทพ

                      ช่วงนี้คนหยุดงานบ่อยมากเลย  เพราะป่วยกันเยอะหรือไม่ก็ครอบครัวป่วยก็ต้องหยุดไปดูแล ตามนโยบายของบริษัทให้พนักงานหยุดไปดูแลคนในครอบครัวได้ ( โดยไม่ถือเป็นวันลา ) หากป่วยเป็น 2009  ... ผมต้องเข้ากะติดต่อกันมา 13 วันแล้วเหนื่อยมาก แต่ก็ต้องทำเพราะเป็นหน้าที.

                      เดือนหน้าก็จะ ย้ายร้านก๋วยเตี๋ยวไปอยู่ที่ใหม่ ค่าเช่าถูกลงมาหน่อยเหลือเดือนละห้าพัน ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง แต่ปัญหาอยู่ที่ตัวคนทำหากมีลูกค้าเยอะ จะสามารถทำได้เร็วเพื่อไม่ให้ลูกค้ารอนานได้หรือเปล่า เพราะหลังจากตามองไม่เห็นไปข้างแล้ว มันทำอะไรยังไม่คล่องเหมือนแต่ก่อน คงต้องใช้เวลาสักพักในการปรับสภาพ นี่ก็ยังหาสาเหตุไม่เยอะก็เลยต้องกินยาไปก่อน

                     กลับมาเรื่องพอร์ตการลงทุนบ้าง ( พอร์ตกองทุน ) ตอนนี้แทบไม่ได้ดูเลย ก็ใช้วิธีแบ่งขายขาขึ้นที่ละ 100 หุ้นทุก 3-4 ช่องบ้างไปเรื่อยๆ แล้วก็ตั้งซื้อกลับเมื่อได้ส่วนต่าง 7 ช่อง เพื่อเป็นการประคองพอร์ตไปก่อนเพราะหุ้นเหลือในมือน้อย ก็หวังไว้ว่าในตลาด ตกลงเยอะจะได้ซื้อหุ้นกลับคืนมา แล้วก็จะมาตั้งหลักกันใหม่ โดยจะยึดหลัก DSM แบบเด็ก 13 ขวบ ตามความใจของผม ( ไม่รู้ต้องรออีกนานหรือเปล่าเห็นตลาดเอาแต่ขึ้น )

                     ผมลองสรุป DSM แบบเด็ก 13 ขวบ ตามความเข้าใจของผม ( หลังจากอ่านมาไม่รู้กี่รอบแล้ว ) ให้คุณเทพช่วยแนะนำให้ด้วยครับ

                     1. DSM แบบเด็ก 13 ขวบ คงไม่จำเป็นต้องใชวิธีการแปลงร่างแล้ว เพราะต้องประคองหุ้นให้ขึ้นไปขายในที่สูงๆ และพอขายหุ้นหมดในที่สูงๆ ก็นำเอาการยืมหุ้นมาทำซ็อทเซลต่อ

                     2. DSM แบบเด็ก 13 ขวบ ไม่ต้องล็อคขาย 10%ของหุ้นคงเหลือเมื่อราคาขึ้นไปจากกองหลังทุกๆ 15 ช่อง แต่จะแบ่งขายตามการแบ่งโซน 3-0-2-8 ( การแบ่งโซนตรงนี้ยัง งง งง อยู่ครับ )

                     3.  DSM แบบเด็ก 13 ขวบ  ในช่วงรอราคาขึ้นไปสูงๆ จะประคองหุ้นด้วยการซื้อเพิ่ม 1%ทุกการขึ้นทุกช่อง ( แต่ไม่เกิน 10% ) และหากลงก็ขายออกทั้งหมดที่ซื้อเพิ่มมา อันไหนจับคู่ได้ก็จับคู่ไป อันไหนจับคู่ไม่ได้ก็ปล่อยรอไว้ซื้อคืนที่ราคาต่ำกว่า ( ตรงนี้ก็ยัง งง งง อยู่ว่าหากซื้อคืนที่ราคาต่ำมาแล้ว หุ้นส่วนนี้จะกำหนดจุดขายยังไงดี )

                     ตอนนี้ผมคิดออก ได้แค่นี้เองครับ ไงผมรบกวนคุรเทพช่วยแนะนำเพิ่มเติมให้ด้วยครับ เพื่อจะนำไปวางกรอบในการเทรดในครอบคลุมตามแบบ 3-0-2-8  แบบเด็ก 13 ขวบ.

.................................
ผู้แสดงความคิดเห็น พี่ทูครับ วันที่ตอบ 2009-08-08 22:30:01


ความเห็นที่ 38 (1455179)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับ ... คุณเทพ



                     และแล้วหวัด 2009 มันก็เข้ามาใกล้ตัวจนได้  เมื่อวานทางคุณครูของน้องทรีก็โทรตามผู้ปกครอง ให้ไปรับนักเรียนกลับบ้าน เพราะที่ห้องเรียนของน้องทรี มีเด็กติดเชื่อหวัด 2009  1 คน และให้หยุดเรียนเป็นเวลา 1 อาทิตย์ เพื่อเฝ้ารอดูอาการของเด็กๆว่าใครได้รับเชื่อจากเด็กคนที่เป็นบ้าง

                     3 วันต่อจากนี้ก็ต้องค่อยดูอาการน้องทรีเป็นพิเศษ และพยายามกันออกจากน้องโฟร์ เท่าที่ทำได้แต่ก็ดูยากเหมือนกัน เพราะน้องโฟร์จะชอบมาเล่นกันพี่ สงสัยถ้าน้องทรีติดเชื่อ คงจะติดกันทั้งครอบครัวแน่เลย ....



....................................
ผู้แสดงความคิดเห็น loaw วันที่ตอบ 2009-08-11 10:59:34


ความเห็นที่ 39 (1455653)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับพี่ทู



เป็นอย่างไรบ้างครับ    สำหรับเรื่องไข้หวัด     ลองพาไปตรวจเลือดด้วยหรือเปล่าครับพี่ทู



ส่วนของผมเอง    ตอนนี้ก็งดการออกไปเที่ยวนอกบ้านก่อนครับ   รอให้เรื่องไข้หวัดนี้   หายไปก่อน  



มี ข่าวมาเป็นระยะว่า   คนเป็นกันเยอะ   และ  ยังไม่ค่อยจางลงสักเท่าไหร่     ใจก็อยากกจะออกไปเดินเล่นตามห้างในวันเสาร์  อาทิตย์บ้าง   แต่ก็ไม่กล้าไป



ยัง ดีที่ว่า   เสาร์  อาทิตย์ที่จะถึงนี้     เริ่มเปิดฤดูกาลพรีเมี่ยร์ลีก   ไม่งั้นผมคงนอนแกร่ว   หรือไม่ก็  เล่นแต่เกมส์ออนไลน์   (  คาบาล  )   อีกแน่เลยครับ



อย่างไรก็รักษาสุขภาพด้วยนะครับพี่ทู    สุขภาพต้องมาก่อน    เพราะหากสุขภาพไม่ดี   ความพร้อมในการหาทรัยพย์สิน   ก็จะลดน้อยลงไปด้วย



ออกกำลังกายด้วยนะครับ     ยิ้มแย้มแจ่มใส  





อิอิ  (  ยิ้มแย้ม  ครับ  )    อิอิ
ผู้แสดงความคิดเห็น คุณเทพ ครับ วันที่ตอบ 2009-08-14 10:10:51


ความเห็นที่ 40 (1455884)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีอีกรอบครับพี่ทู



ผมขอโทษครับพี่   ไม่ได้อ่าน   ความเห็นก่อนหน้านี้  เรื่อง   สุขภาพตา ของพี่ชายของพี่ทู     คงทำได้แค่รับฟังและเห็นใจครับพี่ทู



เรื่อง ร้านของผม  ตอนนี้ก็ปรับเปลี่ยนไปเรื่อย  ๆ  ครับ           อันไหนมีปัญหา   ก็หาทางควบคุมไปทีละนิด   ถูกทางบ้าง  ผิดทางบ้าง   แต่ก็ส่วนใหญ่จะออกมาในทางที่ดีขึ้นเรื่อย  ๆ





ที่ ผ่านมา  ที่ร้านเกิดปัญหา   ....   ดูจากที่พยายามหากันมาแล้ว      ปัญหาคือ     ผมปล่อยให้  ผจก.  มากเกินไป    แทนที่จะเน้นควบคุมและสื่อสารให้ตรงกันว่า       ผมต้องการให้ร้านไปทางไหน     ผมก็คิดเอาเองว่า    เค้าเข้าใจ       มันเลยผิดทางไปกันหมด







และ ปัญหาที่สำคัญคือ    ผมกำหนดระบบเก็บเงินผิด     ตรงนี้    พลาดไปอย่างใหญ่หลวง    จนทำให้เช็คเด้งไม่พอจ่าย     เดือนชนเดือนมาตลอดช่วงปี   2551  





ผมเล่าให้พี่ทูอ่าน     เพื่อไว้สอนเตือนตัวผมเองด้วยนะครับ   เลยเล่าให้อ่าน   (  ยิ้ม )





ปัญหา ตอนนั้นคือ     ผมวางระบบเก็บเงินไว้ตายตัว   กล่าวคือ     ผมกำหนดให้เอาเงินเข้าบัญชีสำหรับตัดเช็ค     โดยที่ผมคำนวณรายรับรายจ่าย ไว้ล่วงหน้า    เช่น  วันละ    100  บาท  เพื่อตัดเช็คจากการซื้อยา    โดยคิดจากการซื้อยา   เฉลี่ยวันละ   90  บาท





ร้านยาจะไม่เกิดปัญหาเลย   ถ้า   ร้านยาขายได้เท่าเดิม 





แต่ปัญหาที่เกิดคือ    ผจก.  เค้าทำยอดได้สูงกว่าที่ผมคาด      นั่นคือ   เค้าขายได้วันละ    200  บาท





แต่  เพราะผมกำหนดให้เข้าบัญชีแค่วันละ    100     ในขณะที่เค้าขายได้วันละ   200   นั่นแสดงว่า      ก็ต้องซื้อยาเข้าร้าน   มากขึ้น  ( จากเดิมคำนวณไว้วันละ   90  บาท  )     ก็กลายเป็นยอดซื้อยา   วันละ    180   บาท





พี่ทูเห็นปัญหามั้ยครับ  ทำไมเช็คจึงเด้ง       อิอิ





ก็ เพราะ   ผมให้เอาเงินเข้าบัญชีเพื่อตัดเช็ค    วันละ   100    แต่   น้องเค้าทำยอดขายเพิ่ม   ยอดซื้อก็เลยเพิ่มด้วย    กลายเป็นยอดซื้อวันละ     180   บาท





เช็คจึงเด้ง      





ตรงนี้พลาดเพราะผมเต็ม  ๆ     เพราะผมดันไปกำหนดยอดเงินเข้าแบบตายตัว   





ตอนนี้   เรื่องนี้หมดปัญหาแล้วครับ    เพราะมากำหนดยอดเงินเข้าบัญชี    จากยอดซื้อจริงที่อัพเดรตรายวัน   





ตอน นี้ร้านยา    จึงเดินหน้าต่อได้อย่างสบายใจ        ผมต้องขอบคุณวิกฤตที่เกิดขึ้นรอบนี้อย่างมากเลย  เพราะกลายเป็นว่า    มันทำให้ร้าน   รักษาเงิน  และ   โตได้มั่นคงกว่าเดิมอีกมาก





ยอดขายก็เพิ่มขึ้นมาทีละนิดเรื่อย  ๆ     คาดว่า  อีกไม่นานก็จะน่าจะกลับมาเท่าเดิมได้และโตมากกว่าเดิมในที่สุด





ที่ คิดว่า   อีกไม่นาน  เพราะว่า       หลังจากจัดการเรื่องการเกิบเงินใหม่     ร้านก็มีเงินขยายตัวได้ตลอดเวลา      (  ซึ่งต่างจากเมื่อตอนที่ผิดพลาด   เพราะเงินในบัญชีไม่มีเหลิอสำหรับเพิ่มสต็อคเลย  )



ปัญหาทุกอย่าง      ไม่น่าเชื่อว่า  จะทำให้เราโตขึ้นเรื่อย  ๆ  ได้อย่างนี้เลยครับพี่ทู





( ยิ้มแย้มมมมมมมมมมมม   )







ส่วน เรื่องหุ้น  ผมจะไม่ตอบอะไรมากนะครับ     เพราะผมต้องรักษาวิธีการเทรดไว้ให้กับครอบครัว    สิ่งที่ผมบอกในเวป      เป็นการบอกคร่าว  ๆ  เพื่อให้ลกหลานผมมาคอยอ่านทวนความจำ      ส่วนรายละเอียด     ลูกหลานผมจะได้รับการสอน      แต่หากพี่ทูเข้ามาอ่าน   พี่ทูต้องนำไปคิดต่อเองนะครับ







ผมไม่ได้บอก  ไม่ได้สอนทั้งหมด   เพราะผมกลัว  



ผมเคยอ่าน    คำสอนของพระพุทธเจ้า  ( ตอนบวชที่วัด )      คำสอนหนึ่งที่เขียนไว้คือ  ...





หากเราเป็นพ่อแม่    จงอย่าให้เงินแก่ลูกทั้งหมด     เพราะหากให้เค้าหมด   เค้าจะทำร้ายเรา  หรือ ทอดทิ้งเรา



สิ่งที่คำสอนนั้นบอกคือ     เราต้องเก็บเงินส่วนหนึ่งไว้กับเราเอง     แล้วทุกคนจะเกรงใจเรา   และ ให้เกียรติเรา 





เรื่องหุ้นก็เช่นกัน   ผมทำตามคำสอนของท่าน    จึงเก็บส่วนสำคัญไว้    





ซึ่งตรงนี้  ผมจึงต้องให้พี่ทู    ค้นหาเองนะครับ  





(  ยิ้มแย้ม  )








ผู้แสดงความคิดเห็น คุณเทพ ครับ วันที่ตอบ 2009-08-16 12:13:18


ความเห็นที่ 41 (1455964)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัดดีครับ ลองกระทู้เล่นดู เรา คนเล่นเกม CABAL คุณเทพนี่ เพื่อนเรา ที่เล่น เกม หรือเปล่า ชื่อในเกมส์ สารธารแห่งขุนเขา อะ

อิอิ ถ้าไม่ใช่ก็ต้อง ขอโทดที นะ พอ ดีได้เวป จากเพื่อน มา...... แค่นี้ก่อนครับ
ผู้แสดงความคิดเห็น ToiKunG วันที่ตอบ 2009-08-17 06:46:31


ความเห็นที่ 42 (1455966)   
แจ้งลบความคิดเห็น



สวัสดีครับ  ต่อยคุง   



บันเองครับผม    บัน  ( สายธารแห่งขุนเขา  )    อิอิ



ต่อยขึ้นกระทู้ใหม่เลยก็ได้นะครับ     จะได้ไม่ปนกับกระทู้ของพี่ทู



( ยิ้ม  )




ผู้แสดงความคิดเห็น คุณเทพ ( บัน ) ครับผม วันที่ตอบ 2009-08-17 07:00:26


ความเห็นที่ 43 (1456231)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับ ... คุณเทพ



                    เรื่องหวัด 2009 ตอนนี้ก็สบายใจไปได้เปาะแล้วครับ เพราะผ่านมา 5 วันแล้วน้องทรีก็ยังปกติดี คิดว่าคงไม่ติดมาจากเพื่อนในห้องแล้วล่ะ แต่แก่ก็บ่นๆว่าเมื่อไรจะได้ไปว่ายน้ำสักที  เพราะผมให้แก่หยุดไปตั้งแต่มันเริ่มระบาดในระยอง



                    เรื่องออกกำลังกายถ้ามีเวลาตอนเย็นผมก็จะพาครอบครัวไปวิ่งหรือไหมก็ไปตีแบด และนี่ก็ใกล้วันที่จะต้องไปแข่งแบด ( เป็นกี่ฬาระหว่างบริษัทต่างๆครับ ) ปีนี้ก็สมัครลงแข่งรุ่นอาวุโส จะได้เบาหน่อย เพราะไม่ค่อยมีแรงเหมือนแต่ก่อน.



                    พึ่งรู้ว่าคุณเทพเขียนรายละเอียดไว้ในพอร์ตการลงทุน ไงคงต้องค่อยอ่านดูเพื่อจะได้เอาไปต่อยอดเอาเองตามความเข้าใจครับ.



.....................................

                  
ผู้แสดงความคิดเห็น loaw วันที่ตอบ 2009-08-18 22:39:25


ความเห็นที่ 44 (1456444)   
แจ้งลบความคิดเห็น

ขอ โทด ที มาแอบ ส่อง ข้อความถึง บันคุง ขอโทด พี่ ทู ด้วยนะครับ

เวะ มาอ่านอะไรดีดี ใน เวปดู แต่ ไม่รู้จะ ลง โพส ข้อ ความ ตรงไหน เลย

แอบใช่ อิอิ...
ผู้แสดงความคิดเห็น ToiKunG (toi_zaa-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2009-08-20 14:54:35


ความเห็นที่ 45 (1459582)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับ  คุณเทพ



                 ตอนนี้ก็ย้ายร้านไป ที่ใหม่แล้วครับ พึ่งเปิดขายมาได้ 4 วันเอง ไม่คิดว่าย้ายร้านทีจะเหนื่อยขนาดนี้ ยอดขายร้านใหม่ก็ยังไม่ได้ดั่งที่ตั้งเป้าไว้ แต่ก็ดูน่าจะดีกว่าร้านเก่า ( ที่เห็นแน่ๆเลยก็ค่าเช่าถูกลงกว่าเดิม )



                คงต้องเริ่มแจกใบปลิวกันใหม่อีก และก็กำลังคิดว่าจะทำก๋วยเตี๋ยวปลาเพิ่มอีกอย่าง เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับคนที่ไม่ชอบก๋วยเตี๋ยวหมู 



                 วันนี้ว่างก็เลยเข้าไปนั่งอ่านเรื่องคุณเทพสอนลูกดูอีกครั้ง แต่ก็ตีโจทย์ไม่แตกตามเดิม 555  สงสัยสมองมันจะไม่ไหวแล้วมั่ง คงต้องเก็บข้อความเอาไว้ให้น้องทรี หรือน้องโฟร์  ช่วยกันตีโจทย์อีกทีเผื่อจะยูเรก้าก็ได้ รุ่นพ่อคงได่เท่านี้แหละ



                 เข้าไปแอบอ่านกระทู้เกมส์ของคุณเทพ ( ไม่มีความรู้เรื่องเกมส์ออนรายหรอกครับ ) เห็นคุณเทพพูดถึงน้องที่ร้านลาออก เลยต้องไปเฝ้าร้านเอง ไม่รู้ใช่น้องผู้จัดการหรือเปล่า



                 สงสัยน้องเขาจะกดดันมั่งครับที่คุณเทพไปเฝ้าที่ร้าน ( ล้อเล่นนะครับ ) คุณเทพเปิดรับสมัครคนใหม่หรือเปล่า จะส่งน้องวันไปสมัครดูบ้าง แต่ไม่มีความรู้เรื่องยานะครับ มีแต่ความรู้การเลี้ยงเด็กพอไหวหรือเปล่าครับ



                เรื่องหวัด 2009 ที่ระยองก็ยังเยอะอยู่เลย ล่าสุดหลานก็ติดไปแล้วหนึ่งคน น้องทรีแก่ก็บ่นๆว่าอยากจะไปว่ายน้ำเมื่อไรจะได้ไปสักที ก็เลยบอกแก่ไปว่า เอาไว้ให้ปิดเทอมก่อนแล้วค่อยไปว่าย ช่วงนี้ใกล้จะสอบแล้ว เดี๋ยวถ้าป่วยแล้วจะเรียนตามเพื่อนไม่ทัน



...................................


ผู้แสดงความคิดเห็น loaw วันที่ตอบ 2009-09-12 09:59:31


ความเห็นที่ 46 (1459675)   
แจ้งลบความคิดเห็น



สวัสดีครับพี่ทู



ยินดีด้วยครับพี่  กับร้านใหม่   ( ของใหม่   ยังงัยก็ใหม่กว่าของเก่า  )   อิอิ



ที่ ร้านเอกเขนกที่ผมเคยทำ   ( ร้านหนังสือ )    มีร้านก๊วยเตี๊ยว   มาขอเช่าด้านหน้าร้านเพื่อเปิดขาย     เค้าไม่มีอะไรมากเลยครับ  นอกจากรถเข็น   กับ  ชุดโต๊ะนั่งทานก๊วยเตี๊ยว     แต่ลูกค้าเข้าตลอด    ผมก็ไม่รู้ว่าทำไม



ทีแรกก็คิดว่าเป็นเพราะอยู่หน้าโรงเรียน    แต่ว่า  วันเสาร์ - อาทิตย์  คนก็ยังไปนั่งทานกันต่อเนื่อง



เค้าเปิดร้านทุกวัน   ตั้งแต่สาย  ๆ  จนประมาณ   4   ทุ่ม





xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx





ส่วนเรื่องร้าน    ผมตั้งกติกาใหม่กับน้อง ผจก.      และหากมีการทำผิดพลาด  ผมจะให้ออกทันที   



ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นคือ     เค้าปิดบังข้อมูล      เพียงแค่กลัวว่า  ผมจะตำหนิ  



ปัญหาของร้านคือ     เค้าทำยอดตกมามาก     พอให้เค้าออก  แล้วกุ้งไปดูแลคนไข้เอง    ปรากฎว่า  ยอดรายได้    ตกลงมาถึง    70  %



จาก เดิมขายได้   100    ก็เหลือยอดขายแค่    30 %       แต่ด้วยความที่เค้าไม่กล้ายอมรับความจริงข้อนี้   เค้าจึงโกหกมาตลอดว่า   ยังคงขายได้สูง    (   โกหกว่า  ยอดขายได้ประมาณ   80 %   จากที่เคยเป็น  )



พอโกหก    เค้าก็ต้องหาเงินมาอุดยอดที่แจ้งให้ผม     



ดัง นั้น  จากข้อตกลง  หากส่งเงินไม่ครบตามกติกา   (  คิดจากยอดซื้อสินค้า )  ผมจะให้ออก         เมื่อน้องเค้าทำผิดกติกา   จึงจำเป็นต้องให้ออกครับ





ตอน นี้  กุ้งจึงมาดูแลคนไข้และลูกค้าเองครับ        ส่วนผมก็พาเฟ-รินด์  มานั่งเล่นนอนเล่นอยู่ที่ร้านด้วยเลย      ทีแรกก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ครับ   เพราะอยากให้กุ้งกับเฟ-รินด์อยู่สบาย  ๆ



แต่การจ้าง  ผจก.   มาทำร้านยา    จะค่อนข้างมีปัญหา   เพราะต้องส่งไปเรียนให้ได้ใบอนุญาตมา จึงจะมายืนหน้าร้านได้  



แต่หากจ้างเภสัชกรโดยตรง   เภสัชกรส่วนใหญ่    ก็ไม่ได้อยากเป็นมือปืนรับจ้าง     แต่อยากเป็นเจ้าของร้านเอง    



การจ้าง  ผจก.ร้านยา   เลยต้องใช้เวลาอีกระยะ



แต่หลังจากให้กุ้งมาดูแลคนไข้เองแล้ว   จึงได้คุยกับคนไข้และลูกค้าโดยตรง   เจอปัญหาหลายอย่างที่ ผจก.  ทำผิดพลาดไว้  



ทั้ง เรื่อง  โก่งราคายา      พยายามยัดยาให้ลูกค้าซื้อเพื่อทำยอด    และ  การโกหกข้อมูลแก่ลูกค้า   ( เหล่านี้  ลูกค้าที่เค้ารู้ว่ากุ้งกลับมาแล้ว   เค้าเลยมาหากุ้งและบอกเล่าให้ฟัง  )



ตอนนี้  จึงต้องมาเรียกศรัทธาคืนมา      ซึ่งการกลับมายืนหน้าร้านของกุ้ง    เท่าที่สัมผัสกับคนไข้   คนไข้ดีใจมาก



สังเกตุได้จาก   การไปบอกต่อกัน  และ  ลูกค้าและคนไข้เดิม  และ  คนเก่า  ๆ   เริ่มทะยอยกลับมา



แต่ จากที่ผมเคยตั้งใจไว้ว่า    อยากจะทำเป็นรูปแบบการให้  ผจก.  ดูแล    จึงต้องรอเวลาไปสักระยะ     แล้วมาเริ่มดัดแปลงร้านยาให้กลายเป็น    ออฟฟิศเทรดหุ้นแทน





รูป แบบการดำเนินขีวิตตอนนี้    ก็จะเป็นแบบ     มาเทรดหุ้นที่ร้านยา    ทำร้านยาให้เป็นที่เทรดหุ้น     และสามารถเปิดหน้าร้านให้บริการยาแก่คนไข้ได้ด้วยเลย       ส่วนช่วงนี้   ก็จะปิดร้านเฉพาะวันเสาร์ก่อน



พอทุกอย่างลงตัว    ก็จะเปิดบริการแค่วันเทรดหุ้น   คือ  จันทร์ - ศุกร์      



จากเดิมเสียค่าใช้จ่าย  2  ทาง  คือ  บ้าน และ ร้าน          ก็เลยกลายมาเป็นเสียแค่ทางเดียวคือ    ร้าน   



ส่วน เฟ-รินด์ก็   สะดวกขึ้น   เพราะหน้าร้านยา     เป็นตลาดร้านอาหาร     จึงมีของหม่ำได้สะดวกมาก    ( จากเดิมอยู่บ้าน   ต้องคอยจดรายการให้น้องซื้อไปให้  )



และ ที่ร้าน  มีพนักงาน  และ  ลูกค้าเข้ามาตลอด    เฟ-รินด์ก็เลยพูดเก่งขึ้นมาทันตาเห็นเลยครับ   (   เพิ่งให้ ผจก.  ออกเมื่อวันที่    3 กันยายน   2552   )     ตอนนี้เลยพูดเก่งขึ้นมากเลย    จากเดิมที่อยู่กับผมและกุ้งแค่   2  คน  แล้วไม่ยอมพูดอะไรเลย   



วงจรชิวิตเลยเปลี่ยนใหม่      จะลำบากผมก็ตรงที่ว่า   จากเดิมจะตื่นสาย    เลยต้องตื่นเช้าแทน   (   ฮือ ฮือ  )



xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx



ส่วนเรื่องพอร์ตหุ้น     ตอนนี้   ผมสร้างรูปแบบการเทรด   ขึ้นอีกแบบ       ผมตั้งชื่อไว้ว่า      ....   ร้านยาเสมือนจริง ..........



ผม คิดไว้ตั้งแต่ตอนเดือน    สิงหาคม    2552    เมื่อรู้สึกว่า    ผจก.  เริ่มมีปัญหา        จึงคิดระบบเทรดนี้ขึ้นมา   เผื่อว่า    วันหนึ่งที่ผมปิดร้านยา     จะได้เสมือนยังมีร้านยาให้ดำเนินงานอยู่





รูป แบบของร้านยาเสมือนจริง    จะจำลองมาจาก   การขายยาในร้าน    คือมีการคุมสต็อคสินค้า     โดยลงเงินเริ่มแรก  ประมาณเท่าสต็อคของร้านยา   



เท่า ที่ผมคำนวณคร่าว  ๆ     รายได้ของพอร์ตร้านยาเสมือนจริง  ( ด้วยเงินทุนเท่ากับสต็อตร้านยา )     ต้องใช้เวลาประมาณ   5 - 7  ปี   จึงจะเริ่มทำรายได้รายวันเท่าร้านยา





แต่หลังจากนั้น   จะสามารถทวีคุณและมากกว่าร้านยา   โดยที่ร้านยาไม่สามารถทำได้เลย



รูปแบบนี้    จึงมาทับซ้อนกับ    DSM   ได้พอดี



ในการเทรด    จึงมี   2  ระบบทำงานด้วยกัน    (  ทำงานแยกกัน   แต่ไปพร้อมกันตามจังหวะ  )    คือ    DSM   และ  ร้านยาเสมือนจริง



DSM    จะทำเงิน  และ สะสมหุ้น  รอบใหญ่   (  เซตต่ำสูด  ไป สูงสุด )



ร้านยาเสมือนจริง   จะทำเงินรายวัน  และ สะสมหุ้นเหมือนการขยายกิจการ  ขยายสต็อคสินค้า





พอร์ตตอนนี้   จึงทำเงินทั้งรายวันและทำเงินเป็นรอบ   ไปพร้อม  ๆ  กัน  ครับพี่ทู





หุ้นในพอร์ต  ร้านยาเสมือนจริง   ตอนนี้คือ       BANPU       PTT       PTTEP        KBANK       และ    CPF



ตอน นี้    จะทำ    5    ตัวนี้ก่อน    ดูว่า   อีก   7   ปีข้างหน้า    หากจะเพิ่มชนิดสต็อคในร้าน   ค่อยว่ากัน      (   กำลังรอ     หุ้น     การประปา       เบียร์ช้าง     และ   การไฟฟ้า  อยู่ครับ    แหะ  แหะ    เผื่อว่าวันหน้า   มีเข้ามาในตลาด    )





xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx



ส่วน กระทู้เกมส์ออนไลน์       เป็นเพื่อนที่สนิทกันครับ      เล่นคาบาลกันมาตั้งแต่เลเวลผมยังน้อย    จนตอนนี้    เลเวลสูงที่สุดเต็มกันแล้ว    รวมก็เกือบ    2   ปี  ละครับ   จึงสนิทและคุ้นเคยกัน





ก็เล่นไป  คุยกันไปเกือบทั้งวัน  และ  ทั้งคืน    เลยครับ       อิอิ



อย่างที่เคยบอกครับว่า    คาบาล  สอนเรื่องการเงินได้ด้วย



ผมกับต่อยคุง    จึงคุยกันเรื่องการเงินในคาบาลคั่นเวลาในบางช่วงด้วยครับ





(  ยิ้มแย้มมมมมมมมมมม  )




ผู้แสดงความคิดเห็น คุณเทพ ครับ วันที่ตอบ 2009-09-13 11:23:15


ความเห็นที่ 47 (1463655)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับ .... คุณเทพ

                     ช่วงนี้รู้สึกมีแต่เรื่องยุ่งๆเต็มไปหมด ....  สู้ต่อไป ... อย่าท้อ .... ดีที่ยังมีกำลังใจจากคุณเทพ อ่านที่คณเทพเขียนมาล่าสุดแล้ว ทำให้พอเริ่มมองเห็นรวมของพอร์ตการลงทุนแล้ว ส่วนจะมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหนนั้นอีกเรื่อง แต่ที่แน่ๆคิดว่าไม่น่าจะเจ๊งเหมือยคราวที่แล้วแน่ ( คิดเข้าข้างตัวเองไว้ก่อน )

                      อย่าง DSM ผมก็ปรับเปลี่ยนในแบบภาพรวมใหญ่ของตลาด ตามที่คุณเทพแนะนำ โดยกำหนดราคาไว้เลยว่าราคาช่วงไหนจะเป็นหน้าที่ของกองหลัง กองกลาง กองหน้า ( จาราคาต่ำไปหาราคาสูง ) โดยไม่สนใจว่าเงินแฝงจะมากน้อยแค่ไหน เพราะเป้สหมายของเราคือ การขายกองหน้าที่ราคาสูงๆตามที่เรากำหนดไว้ แล้วก็รอไปซื้อกลับที่ราคาต่ำๆอีกครั้ง ก็จะเป็นการเริ่มรอบใหม่  ส่วนการยืมหุ้นมาทำ short sell ยัง งง งง กับข้อกำหนดอยู่ ( ค่อยศึกษาไปก่อน )  ตรงนี้ผมมีคำถามจะรบกวนถามคุณเทพหน่อยครับว่า การทำ short sell นั้น จำเป็นไหมครับว่าเราต้องทำกับหุ้นตัวเดียวกันกับตัวที่เราทำ DSM อยู่ เช่น เราทำ DSM กับหุ้น A อยู่แล้วพอราคาขึ้นมาจนสูงสุด หุ้น A ถูกขายออกไปเกือบหมดมือ แล้วถ้าเราจะยืมหุ้นมาทำ short sell เราต้องเลือกยืมหุ้น A มาทำเท่านั้น หรือว่ายืม B C ตัวไหนมาทำก็ได้

                      ส่วนร้านยาเสมือนจริง ที่คุณเทพกำลังทำ ผมก็เข้าใจว่ามันน่าจะเป็นการสร้างฐานข้อมูลให้มีหุ้นไว้ขายที่ทุกช่องของ ราคา โดยจำนวนอาจจะยังไม่มาก เพราะต้องกระจายออกไปให้คลอบคุมช่วงราคาต่ำๆไปถึงราคาสูง แล้วค่อยๆเพิ่มจำนวนจากเงินแฝง เลยต้องใช้เวลานานอย่างที่คุณเทพว่าไว้ 5-7 ปี

                      ช่วงนี้ผมก็รอเวลาให้ตลาดปรับฐานใหญ่อีกรอบ ( คิดว่าน่าจะไม่นานแล่วมั่ง ... เดาอีกตามเคย )  แล้วจะเริ่มใหม่ทั้งสองแบบ ตามที่เข้าใจข้างบนนั้นแหละครับ อีกสัก 4 ปี คงรู้ผลว่ามันจะเจ๊งอีกหรือเปล่า.

                      ร้านก๋วยเตี๋ยว ก็ยังขายได้ไม่มาก คงต้องรอเวลาอีกสักระยะดูก่อน ผมเองก็มองเห็นเหมือนคุณเทพเลย ว่าร้านที่ขายตามข้างถนน ทำไมเขาขายได้เยอะจัง ลองไปกินแล้วก็ไม่ได้มีรสชาติพิเศษอะไรเลย

                      งานที่ทำงานช่วงนี้ก็ยุ่งๆอยู่กับการปรับปรุงระบบ เพื่อให้มีผลกระทบน้อยที่สุดกับสิ่งแวดล้อมตามกระแสที่ถูกศาลสั่ง แต่ก็นั้นแหละโรงงานแบบนี้ ไม่ว่าจะมีระบบดีแค่ไหน ยังไงเสียมันก็ต้องมีผลกับสิ่งแวดล้อมอยู่ดี แม้ไม่มากก็ตาม  จะให้ไม่มีผลเลยเป็นไปไม่ได้แนนอน

                      ปัญหาอีกอย่างก็คือ น้องโฟร์ครบ 2 ขวบแล้ว แต่ไม่ยอมพูด พูดได้แค่แม่กับหม่ำ บอกให้พูดคำอื่นๆแก่ก็จะพูดเป็นแม่อย่างเดียว คิดว่าจะลองพาไปปรึกษาจิตเวชดูว่าจะแก้ไขยังไงได้บ้าง คงต้องพาไปถึงพัทยาหรือไม่ก็ กทม. เลยเพราะที่ระยองคิวเต็มไปถึงเดือน ธ.ค. เลยสงสัยจะมีเด็กที่พูดช้าแบบน้องโฟร์เยอะ คราวน้องที่ก็ว่าพูดช้าแล้วนะตั้ง 16-17 เดือน

................................
ผู้แสดงความคิดเห็น loaw วันที่ตอบ 2009-10-08 12:38:14


ความเห็นที่ 48 (1464780)   
แจ้งลบความคิดเห็น



สวัสดีครับพี่ทู



เรื่อง   ซ็อทเซล    จริง ๆ  แล้วจะทำกับหุ้นตัวไหนก็ได้ครับ   ขึ้นอยู่กับว่า   ทางโบรกมีตัวไหนให้เรายืมบ้าง      แต่ส่วนตัวผมเอง   ผมจะทำกับหุ้นที่มีในพอร์ตครับ      เพียงแต่อาจจะเลือกมาทำแค่   1 - 3  ตัว  แค่นั้นครับ



ทำช็อทเซล  เพื่อหารายได้ขาลง    ระหว่างรอเก็บหุ้นคืนครับ   จะได้ไม่ต้องออกจากตลาดในช่วงขาลง     ซึ่งจะเป็นการเพิ่มรายได้ได้ทั้งตลาดลงและตลาดขึ้น





ส่วนเรื่องน้องโฟร์       ผมคิดว่าผมเข้าใจดีเลยครับ





เฟ-รินด์เอง   ก็ไม่ยอมพูดเลยครับ    2  ขวบกว่า    ก็ยังไม่ยอมพูด   (  หมายถึงพูดในภาษาที่เราตีความได้นะครับ    เพราะเค้าพูดแต่ภาษาต่างดาวของเค้า     )



ผมก็ปรึกษาหมอ       เพราะกังวลมาก   ถึงมากมาก       เพราะเด็กคนอื่น   ขวบกว่า  ๆ   เค้าก็พูดกันแล้ว 



สิ่งทีหมอตรวจคือ      เค้าอาการเป็นออทิสติคหรือไม่       ซึ่งเอาอาการง่าย  ๆ  คือ      ไม่ยอมสบตา





หากน้องโฟร์ สบตาเวลาเราคุยด้วย    ก็ตัดอาการนี้ออกไปก่อนเลย



จากนั้นหมอก็จะมาตรวจสอบการฟัง     คือ  ถ้าเรียกแล้วหัน     ส่งเสียงแล้วมีการตอบสนอง





อีกไม่นาน   ก็พูดครับ



ของเฟ-รินด์   ผมเปิดทีวี   ยูบีซีให้ดูด้วย     เป็นภาษาอังกฤษ 



ส่วนผมเอง  ศัพท์หลายคำก็บอกเป็นภาษาอังกฤษ



เฟ-รินด์  ก็เพิ่งมาพูดเมื่อเดือนที่แล้วครับ   ( อายุ   2  ขวบ  4  เดือน )    ทีแรกยังกังวลว่า   3  ขวบจะพูดหรือเปล่า





แต่เค้าพูด   และ  พูดเก่ง       และที่สำคัญคือ   เค้าเข้าใจภาษาอังกฤษ    พร้อมกันไปด้วยเลยครับ



บาง คำสั่ง  ต้องบอกด้วยภาษาอังกฤษแทน     (   หัวเราะ  )      จนน้องที่ร้านยา  ก็ต้องพูดอังกฤษ  ประโยคนั้นด้วย   ( หัวเราะอีก   อิอิ  )



ดูแค่ว่า  น้องโฟร์  สบตาหรือไม่      และ   หูได้ยินปกติหรือไม่     ครับพี่ทู



ถ้า  2  กรณีนั้นผ่าน    อีกไม่นานเค้าก็จะเริ่มโม้แล้วละครับ     (   ผมเล่าเหมือนผมมีลูกมาหลายคนเลยนะเนี่ยะ  )



ช่วง นี้  เลยเป็นช่วงที่อยากเร่งให้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ   (  แต่ผมเองก็ไม่ค่อยขยันเลยครับ  )   จนบางครั้ง      เฟ-รินด์เค้าเอาดิกชั่นเนอเรเตอร์  มาเปิด    แล้วออกเสียงตาม   (  ผมเห็นแล้ว อึ้ง  เลยครับ  )



( ยิ้มแย้ม )








ผู้แสดงความคิดเห็น คุณเทพครับ วันที่ตอบ 2009-10-13 18:00:54


ความเห็นที่ 49 (1465072)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับ .... คุณเทพ



                      เท่าที่สังเกตุดู อาการของน้องโฟร์ปกติดี ไม่มีอาการอย่างที่คุณเทพแนะนำมา แถมพูดบอกอะไรต่างๆแก่ก็รู้เรื่อง ใช้ไปหบิกของมาให้ก็ได้ และยังซนเหมือนลิงอีกต่างหาก ยิ่งตอนนี้น้องทรีก็โรงเรียนปิดด้วยอีกสนุกกันใหญ่เลย ข้าวของในบ้านแตกกระจายเลย



                      เพราะฉะนั้นคงยังไม่ต้องพาไปหาหมอแล้วล่ะ คงต้องค่อยๆสอนเขาไปเรื่อยๆดูก่อน  ไว้สัก 2 ขวบครึ่งแล้วยังไม่พูดค่อยว่ากันอีกที ว่าจะเอายังไง แต่คิดว่าน่าจะไม่มีอะไร คงจะเป็นแค่เด็กที่พูดช้าเท่านั้นนะ  กลัวจะเป็นเหมือนน้องทรีหรือเปล่า พอแก่พูดได้แก่ก็พูดมากไม่ยอมหยุดเลย



                      ส่วนเรื่องภาษาที่สองก็จะพยายามทำอย่างคุณเทพดู แต่คงไม่ค่อยได้ผลเท่าไรมั่ง ( เพราะทั้งพ่อและแม่ยัง งูๆปลาๆ อยู่เลย ) ก็คงได้เท่าไรก็เท่านั้นแหละครับ ไว้ค่อยให้แก่ไปเรียนเอากับคุณครูอีกที



...........................




ผู้แสดงความคิดเห็น loaw วันที่ตอบ 2009-10-15 08:25:00


ความเห็นที่ 50 (1471382)   
แจ้งลบความคิดเห็น

สวัสดีครับ ... คุณเทพ

                     พักนี้งานเยอะมากเลยครับ ก็จากปัญหามาบตาพุดนั้นแหละครับ ตอนนี้ต้องมานั่งกำหนดจุดที่จะต้องทำการวัดค่า VOC ทั้งโรงงานเลย เพื่อเก็บค่าที่ได้รวบรวมส่งให้ทาง กนอ. ซึ่งเท่าที่ดูๆแล้วจุดที่จะต้องวัด ( จุดที่มีความเสี่ยงที่จะมีการรั่วออกบรรกาศ ) น่าจะประมาณหมื่นจุดได้ หลังจากกำหนดจุดเสร็จก็ต้องมาดูว่าจะกำหนกเวลาวัดกันถี่แค่ไหน พอถึงขั้นตอนวัดแล้วก็ไม่ต้องพอถึงว่าจะต้องเหนื่อกันอีกเยอะเลย ( โชคดีหน่อยที่ผมไม่ต้องไปวัด คงเป็นพวกน้องๆเขา ) จากนั้นก็ต้องมาเหนื่อยกับการเก็บข้อมูลอีก  จากนี้ไปก็คงจะมีอะไรให้เข้ามาทำอีกเยอะแน่เลย .... ( ทำไงได้ ก็เราเป็นลูกจ้างเขานี่นะ )



                     ส่วนร้านก๋วยเตี๋ยวดูแววแล้ว น่าจะไปไม่รอด คงต้องมานั่งคิดแล้วว่าจะทำอะไรดีต่อไป  คิดแล้วก็เหนื่อยจริง แถมคนเราก็มีข้อจำกัดเยอะเสียด้วย  คุณเทพพอมีอะไรแนะนำบ้างไหมครับว่าน่าจะทำอะไรดี.



                    สำหรับน้องโฟร์ก็ เริ่มพูดได้หลายคำขึ้น ( โดยเฉพาะสามารถเรียก ป๊า ได้แล้ว ยิ้ม ... ) แต่ก็ยังถือว่าพูดได้น้อยไปแถมยังพูดได้แค่เป็น คำ คำ ช่วงนี้พอว่างผมก็จะพยายามให้แก่หัดพูดตามที่เล่นกับแก่



                     เข้าไปอ่านรายละเอียดร้านยาเสมือนจริงขิงคุณเทพแล้ว รู้สึกว่ามันจะมาช่วยหารายได้แบบรายวัน เข้ามาเสริมกับ DSM ในช่วงที่รอให้ราคาขึ้นไปสูงเพื่อปล่อยส่วนของ 8  ผมมีข้อสงสัยจะถามคุณเทพหน่อยครับที่ว่า

กติกา ง่าย  ๆ   คือ    ขึ้นซื้อ    ลงขาย     ยิ่งขึ้นสูงกว่าเดิมก็ซื้อให้ถี่เข้าไว้      ถ้าไม่สูงกว่าเดิมก็ซื้อห่างกันทุก    5   ช่อง

 หากลง   ถ้าลงต่ำกว่าเดิม      ก็ขายให้ถี่เข้าไว้  ( ขายทุกช่อง )    แต่ถ้าลงแล้วราคาไม่ต่ำกว่าเดิม   ก็ขายห่างกันทุก   5   ช่อง

................................................

ขึ้นซื้อ คือ ซื้อเฉพาะวันที่เขียว

ลงขาย คือ ขายเฉพาะวันที่แดง

ถ้าไม่สูงกว่าเดิม ตรงนี้กำหนดจากจุดไหนครับว่าสูงกว่าเดิมหรือยัง

ถ้าลงไม่ต่ำกว่าเดิม ตรงนี้กำหนดจากจุดไหนครับว่าลงต่ำกว่าเดิมแล้ว

สุดท้าย จำนวนในการซื้อ-ขาย ต้องเท่ากันทุกไม้ที่ซื้อ-ขายหรือเปล่าครับ

................................................................




ผู้แสดงความคิดเห็น loaw วันที่ตอบ 2009-11-19 15:56:24

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘