มาตรวัดตลาดหุ้น

เวลาพูดถึงความสำเร็จของตลาดหุ้น มักจะพูดถึงมาตรวัดอยู่ 4 ตัว คือ

• ปริมาณการซื้อขาย
• มูลค่าตลาด
• ดัชนีหุ้น
• P/E ตลาดหุ้น

คำถาม คือ มาตรวัดทั้ง 4 ตัวนี้ ได้แสดงถึงความสำเร็จที่เหมาะสมหรือยัง?
ใน ฐานะ นักลงทุนที่ต้องการหุ้นมาทำงานให้ ผมมองว่าเครื่องบ่งชี้ดังกล่าว ยังไม่สมบูรณ์ และอาจจะไม่ได้เน้นถึงการเติบโตอย่างยั่งยืน ของตลาดหุ้นอีกด้วย

ทำไมหรือครับ ?
เพราะดัชนีทั้งหมดนี้ ต้องพึ่งพาอาศัยราคาตลาด (Market Price) ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกที่ขึ้นกับอารมณ์ของชาวหุ้น ไม่ได้สท้อนถึงความสามารถในการบริหารของเหล่า CEO อันเป็นปัจจัยสำคัญในการวัดคุณภาพของหุ้นอย่างแท้จริง ขอพูดเป็นข้อๆนะครับ

1. ปริมาณซื้อขายหุ้นต่อวัน

ใน ฐานะตลาดซึ่งมีชื่ออังกฤษว่า Stock Exchange ก็ย่อมอยากจะเห็นมีการแลกเปลี่ยนมือกันมากๆ เพราะถ้าหุ้นมีปริมาณการซื้อขายเยอะ ก็หมายถึงว่าตลาดหุ้นในฐานะตลาดรอง มีสภาพคล่อง (Liquidity) สูง ใครใคร่ซื้อ ซื้อ ใครใคร่ขาย ขาย ได้แบบสบาย ไม่ต้องรอให้เสียเวลา คนก็จะนิยมมาให้ความสนใจสูง สำหรับโบรกเกอร์เอง ก็มีความสุข เพราะมีรายได้ค่าคอมเพียบ แต่สำหรับนักลงทุน ค่าคอมเป็นค่าใช้จ่าย ซึ่งไม่ว่ากัน ถ้าเห็นมีกำไรพอสมควร จะทยอยขายออกมาเพื่อลดต้นทุนก็เป็นเรื่องดี แต่ประเภทซื้อๆ ขายๆ มีกำไรนิดหน่อยก็เอาแล้ว แบบนี้ระยะยาว สงสัยจะเหนื่อยฟรี การเน้นถึงความสำคัญของปริมาณ (volume) การซื้อขาย เป็นการมองในด้านของโบรกเกอร์ ซึ่งความเป็นความตายต้องอาศัยการซื้อขายหมุนเวียนของหุ้น ไม่ได้เป็นการมองในแง่ของคุณค่า (value) ของหุ้น ซึ่งในแง่ของนักลงทุน(จริงๆ) ถือว่าสำคัญนัก

2. มูลค่าตลาด (Market Capitalization)

มัก จะเรียกสั้นๆว่า มาร์เก็ต แคป โดยมีการเอามาร์เก็ตแคป ซึ่งก็คือราคาปิดคูณกับจำนวนหุ้นทั้งหมด ไปคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของ GDP คือรายได้ประชาชาติ หรือรายได้รวมของทั้งประเทศ พอได้แล้วก็นำไปเปรียบเทียบกับตลาดหุ้น ของประเทศอื่นๆ การมองแบบนี้ถือได้ว่ามองในแง่ของผู้บริหารตลาดหุ้น ซึ่งคงต้องการเห็นมาร์เก็ตแคปสูงๆไว้ก่อน จึงกล่าวได้ว่าเป็นการมองทั้งในแง่ปริมาณและคุณภาพ แต่ต้องถือว่าเน้นในด้านปริมาณมากกว่า

3. ดัชนีหุ้น

คล้ายๆ กับข้อ 2 โดยเอามาร์เก็ต แคป ปัจจุบัน ไปเทียบกับปีฐาน เช่นเดียวกัน คือ มีความรู้สึกว่ายิ่งสูงยิ่งดี การมองดูดัชนีหุ้น แนวคิดก็คล้ายๆกับข้อ 2 ซึ่งก็ต้องขอพูดว่าเป็นการมองในแง่ของปริมาณมากกว่าคุณภาพอยู่ดี

4. P/E ตลาดหุ้น

การ มองแบบนี้ เหมือนกับว่า ตลาดหุ้นคือ หุ้นตัวหนึ่ง แต่ที่ดีคือ มีการหยิบยกเอากำไรสุทธิ คือ ตัว E (Earnings ไม่ใช่ Equity นะครับ) มาใช้ ซึ่งถือว่าในข้อนี้ มีการมองในแง่คุณภาพอยู่ตรงที่ เน้นความสำคัญของการทำกำไร ทีนี้ก็มาถึงข้อสังเกตที่ผมตั้งไว้แต่แรก ว่าการวัดมาทั้งหมดนี้ยังไม่สมบูรณ์ เพราะเป็นการวัดโดยดูจากสนามรบตลาดหุ้น ยังไม่ได้มองจากมุมของสนามรบการค้า ยังโยงกับเรื่องราคา (Price) เป็นหลัก ทำให้เหมือนหนึ่งว่า การที่จะดูตัวเราเองว่าดีแค่ไหน ต้องไปคอยให้คนดูมาโหวตคะแนน ไม่ใช่ดีเพราะเราทำได้ดีเอง เปรียบให้เห็นง่ายๆ เหมือนกับว่า เราจะหล่อไม่หล่อ สวยไม่สวย ขึ้นอยู่กับคำติคำชมของคนอื่น ไม่ได้อยู่ที่ว่าตัวเราจะหล่อจริงสวยจริงหรือไม่! หากถามต่อว่า เราควรทำอย่างไร ผมขอเรียนว่า มีมาตรวัดอีก 3 ตัว ที่ควรนำมาวัดความสำเร็จของตลาดหุ้นคือ

• กำไรสุทธิ (Earning) รวมของหุ้นทุกตัว
• ส่วนของทุน (Equity) ของหุ้นทุกตัว
• อัตราผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น ( Return on Equity หรือ ROE )

ที่ เสนออย่างนี้ เพราะเห็นว่าตัววัดทั้ง 3 นี้ ไม่ได้พึ่งพิงอิทธิพลจำภายนอก ไม่ได้มองในแง่มุมของสนามรบตลาดหุ้น แต่มองในแง่มุมของสนามรบการค้าเพียวๆ ซึ่งตลาดหุ้นอาจจะใช้วัดคุณภาพของหุ้นทั้งตลาดได้ ถ้าเปรียบอย่างที่ได้กล่าวไว้คือ เราต้องฟิตร่างกายเราให้หล่อให้สวยไว้ก่อน คนภายนอกจะว่าอย่างไรไม่เป็นไร โดยเราจะต้องมีเครื่องชั่งน้ำหนัก (weighting machine) ไว้คอยวัดตัวเอง เมื่อเราฟิตตัวเราให้แข็งแกร่งอยู่เสมอ คนนอกจะโหวตด้วย voting machineอย่างไร ก็ไม่ต้องไปสนใจให้มาก เพราะเมื่อเราดีจริง สุดท้ายเขาก็ต้องมาชอบเราอยู่ดี วิธีที่ฉลาดคือให้ดูว่า voting machine ทั้ง 4ตัว เป็นแค่เครื่องชั่งที่คนคาดว่า เราจะเป็นอย่างไร แล้วใช้ weighting machine 3 ตัวหลัง ทำให้ดีกว่า แบบนี้จะทำให้เกิดความสุขแบบแปลกใจ (happy surprise) จะถือว่าดีที่สุด การมองในมิตินี้ จะช่วยทำให้คนในวงการตลาดหุ้น หันมาให้ความสนใจกับการสร้างมูลค่าหุ้น (Value Creation) กันมากขึ้น สิ่งที่ต้องช่วยกันจริงๆ คือการคิดว่า ทำอย่างไรให้ Earnings ของหุ้นทุกตัวสูงขึ้น อย่างมีคุณภาพ เพื่อทำให้ ROE ในตลาดหุ้นไทยไต่ระดับขึ้นไปให้ได้ ทำได้อย่างนี้ Market cap เอย SET Index เอย\ P/E ตลาด เอย จะพากันสูงขึ้นไปเองอย่างต่อเนื่อง ยั่งยืน ถามต่อว่า จะทำอย่างนี้ได้อย่างไร คำตอบ คือ ต้องทำให้ CEO ของทุกบริษัทจดทะเบียน เป็นแม่ทัพชั้นอ๋อง ส่วนจะทำให้ CEO ทั้งดีทั้งเก่งมากได้อย่างไร ต้องช่วยกันคิดครับ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘