การยื่นงบการเงิน
การยื่นงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัด มีหลักเกณฑ์ ดังนี้
1. แบบที่ใช้ในการยื่น งบการเงิน ให้ใช้แบบ ส.บช.3
2. ผู้มีอำนาจทำการแทนกิจการ ของ ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี ต้อง
2.1 ลงลายมือชื่อรับรอง และประทับตรา ในแบบนำส่งงบการเงิน (ส.บช.3) และ
2.2 ลงลายมือชื่อรับรองว่า “เป็นรายการที่ถูกต้อง และเป็นจริง” และประทับตรา ไว้ในงบดุล และงบกำไรขาดทุน ทุกหน้า
2.3 ลงลายมือชื่อรับรอง ในส่วนเอกสารงบการเงินอื่น (ถ้ามี)
3. ผู้ทำบัญชี ต้องลงลายมือชื่อรับรองความถูกต้อง ในแบบนำส่งงบการเงิน( ส.บช.3 )
4. ถ้าเป็น งบการเงิน ของ บริษัทจำกัด (ห้างหุ้นส่วนจำกัดไม่ต้อง) ให้ระบุข้อความไว้ในงบการเงิน ในหน้า งบดุล ด้วยว่า งบการเงินได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นครั้งใด เมื่อวันที่ เดือน ปี ไว้ด้วย (ถ้าไม่ได้ระบุข้อความดังกล่าว ต้องจัดส่งสำเนารายงานการประชุมผู้ถือหุ้น ที่อนุมัติงบการเงินนั้นไปพร้อมกับงบการเงินที่จัดส่ง โดยกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทจำกัด ต้องลงชื่อรับรองว่าถูกต้องและประทับตราไว้ด้วย)
5. สถานที่สำหรับยื่นงบการเงิน
5.1 ถ้าผู้มี หน้าที่จัดทำบัญชีมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ใน กรุงเทพฯ ให้ยื่นงบการเงิน ต่อ สำนักบริการข้อมูลธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
5.2 ถ้าผู้มี หน้าที่จัดทำบัญชีมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ใน ส่วนภูมิภาคให้ยื่นงบการเงิน ต่อ สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัด หรือจะยื่นต่อ สำนักงานบริการข้อมูลธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ก็ได้ (ยื่นได้ 2 แห่ง)
6. วิธีการยื่น งบการเงิน
6.1 ยื่นโดยตรงต่อ เจ้าหน้าที่ตามสถานที่ดังกล่าวไว้ ข้อ 5 (แนะนำให้ใช้วิธีนี้ เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดและควรยื่นก่อนวันสุดท้ายของวันหมดเขตการยื่นงบการ เงินตามกฎหมาย เพราะจะได้รับความสะดวกสบายมากกว่า)
6.2 ส่งทางไปรษณีย์ ลงทะเบียนตอบรับไปยังสถานที่ดังกล่าว ข้อ 5 พร้อมแนบซองที่จ่าหน้า กลับคืนถึงตัวผู้รับ โดยติดแสตมป์ไว้ด้วย ซึ่งหากปรากฏหว่าเอกสารที่จัดส่งมานั้นถูกต้องครบถ้วนโดยสมบูรณ์ จะถือเอาวันที่ประทับตราไปรษณีย์ต้นทางเป็นวันยื่นงบการเงิน
7. เอกสารที่ต้องจัดเตรียม
7.1 กรณีผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพฯ เอกสารที่ต้องยื่น คือ
ก. งบการเงิน และรายงานการสอบบัญชีของผู้สอบบัญชีรับอนุญาต จำนวน 1 ชุด
ข. แบบนำส่งงบการเงิน (แบบ ส.บช.3) จำนวน 2 ฉบับ
ค. สำหรับบริษัทจำกัด ต้องมี สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นในวันประชุมใหญ่ด้วย (แบบ บอจ.5) และหนังสือนำส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น
7.2 กรณีผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาค เอกสารที่ต้องยื่น คือ
ก. งบการเงิน และรายงานการสอบบัญชีของผู้สอบบัญชีรับอนุญาต จำนวน 2 ชุด
ข. แบบนำส่งงบการเงิน (แบบ ส.บช.3) จำนวน 3 ฉบับ
ค. สำหรับบริษัท จำกัด ต้องมี สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นในวันประชุมใหญ่ด้วย (แบบ บอจ.5)และหนังสือนำส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น
8. การยื่นงบการเงินของผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีดังนี้ ต้องยื่นแบบนำส่งงบการเงิน ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนระหว่างประเทศ (แบบ ส.บช.3/1) ด้วยจำนวน 1 ชุด
8.1 บริษัทจำกัด และบริษัทมหาชนจำกัด ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ที่มีบุคคลธรรมดาซึ่งไม่มีสัญชาติไทย และไม่มีภูมิลำเนาอยู่ในราชอาณาจักร หรือนิติบุคลซึ่งไม่ได้จดทะเบียนในประเทศไทย ถือหุ้นตั้งแต่ 1% ของมูลค่าหุ้นที่มีสิทธิออกเสียง
8.2 ห้างหุ้นส่วนจด ทะเบียนที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย และกิจการร่วมค้า ตามประมวลรัษฎากร ที่มีผู้ร่วมลงทุนเป็นบุคคลธรรมดาซึ่งไม่มีสัญชาติไทย และไม่มีภูมิลำเนาอยู่ในราชอาณาจักร หรือนิติบุคคลซึ่งไม่ได้จดทะเบียนในประเทศไทย
8.3 นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ ที่ประกอบธุรกิจในไทย
8.4 ห้างหุ้นส่วนจด ทะเบียน บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย และกิจการร่วมค้า ตามประมวลรัษฎากร ที่มีการลงทุนในกิจการที่ต่างประเทศ ซึ่งได้แก่การจัดตั้งกิจการ สำนักงานสาขา หรือตัวแทนในต่างประเทศ หรือการเข้าร่วมลงทุนกับบุคคล หรือนิติบุคคลในต่างประเทศ โดยมีสัดส่วนการลงทุน หรือการถือหุ้นตั้งแต่ 1% ของทุนทั้งหมดของกิจการ หรือของมูลค่าหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงแล้วแต่กรณี
9. กำหนดเวลาในการยื่นงบการเงิน ตามสถานที่ในข้อ 5
9.1 ห้างหุ้นส่วนจด ทะเบียน หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศที่ประกอบธุรกิจในไทย และกิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร ต้องยื่นงบการเงิน ภายใน 5 เดือน นับแต่วันปิดบัญชี (นับเป็นเดือน ไม่นับเป็นวัน)
9.2 บริษัทจำกัด และบริษัทมหาชนจำกัด ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ต้องนำเสนองบการเงินเพื่ออนุมัติในที่ประชุมใหญ่ ภายใน 4 เดือนนับแต่วันปิดบัญชี และต้องยื่นงบการเงินภายใน 1 เดือน นับแต่วันที่งบการเงินนั้นได้รับอนุมัติในที่ประชุมใหญ่
9.3 หากวันสุดท้าย ของการยื่นงบการเงิน ตาม ข้อ 9.1 และ 9.2 เป็นวันหยุดทำการของราชการ ให้เลื่อนวันสุดท้ายของกำหนดเวลายื่นงบการเงินไปเป็นวันทำการแรกต่อจากวัน หยุดทำการ
1. แบบที่ใช้ในการยื่น งบการเงิน ให้ใช้แบบ ส.บช.3
2. ผู้มีอำนาจทำการแทนกิจการ ของ ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี ต้อง
2.1 ลงลายมือชื่อรับรอง และประทับตรา ในแบบนำส่งงบการเงิน (ส.บช.3) และ
2.2 ลงลายมือชื่อรับรองว่า “เป็นรายการที่ถูกต้อง และเป็นจริง” และประทับตรา ไว้ในงบดุล และงบกำไรขาดทุน ทุกหน้า
2.3 ลงลายมือชื่อรับรอง ในส่วนเอกสารงบการเงินอื่น (ถ้ามี)
3. ผู้ทำบัญชี ต้องลงลายมือชื่อรับรองความถูกต้อง ในแบบนำส่งงบการเงิน( ส.บช.3 )
4. ถ้าเป็น งบการเงิน ของ บริษัทจำกัด (ห้างหุ้นส่วนจำกัดไม่ต้อง) ให้ระบุข้อความไว้ในงบการเงิน ในหน้า งบดุล ด้วยว่า งบการเงินได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นครั้งใด เมื่อวันที่ เดือน ปี ไว้ด้วย (ถ้าไม่ได้ระบุข้อความดังกล่าว ต้องจัดส่งสำเนารายงานการประชุมผู้ถือหุ้น ที่อนุมัติงบการเงินนั้นไปพร้อมกับงบการเงินที่จัดส่ง โดยกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทจำกัด ต้องลงชื่อรับรองว่าถูกต้องและประทับตราไว้ด้วย)
5. สถานที่สำหรับยื่นงบการเงิน
5.1 ถ้าผู้มี หน้าที่จัดทำบัญชีมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ใน กรุงเทพฯ ให้ยื่นงบการเงิน ต่อ สำนักบริการข้อมูลธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
5.2 ถ้าผู้มี หน้าที่จัดทำบัญชีมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ใน ส่วนภูมิภาคให้ยื่นงบการเงิน ต่อ สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัด หรือจะยื่นต่อ สำนักงานบริการข้อมูลธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ก็ได้ (ยื่นได้ 2 แห่ง)
6. วิธีการยื่น งบการเงิน
6.1 ยื่นโดยตรงต่อ เจ้าหน้าที่ตามสถานที่ดังกล่าวไว้ ข้อ 5 (แนะนำให้ใช้วิธีนี้ เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดและควรยื่นก่อนวันสุดท้ายของวันหมดเขตการยื่นงบการ เงินตามกฎหมาย เพราะจะได้รับความสะดวกสบายมากกว่า)
6.2 ส่งทางไปรษณีย์ ลงทะเบียนตอบรับไปยังสถานที่ดังกล่าว ข้อ 5 พร้อมแนบซองที่จ่าหน้า กลับคืนถึงตัวผู้รับ โดยติดแสตมป์ไว้ด้วย ซึ่งหากปรากฏหว่าเอกสารที่จัดส่งมานั้นถูกต้องครบถ้วนโดยสมบูรณ์ จะถือเอาวันที่ประทับตราไปรษณีย์ต้นทางเป็นวันยื่นงบการเงิน
7. เอกสารที่ต้องจัดเตรียม
7.1 กรณีผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพฯ เอกสารที่ต้องยื่น คือ
ก. งบการเงิน และรายงานการสอบบัญชีของผู้สอบบัญชีรับอนุญาต จำนวน 1 ชุด
ข. แบบนำส่งงบการเงิน (แบบ ส.บช.3) จำนวน 2 ฉบับ
ค. สำหรับบริษัทจำกัด ต้องมี สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นในวันประชุมใหญ่ด้วย (แบบ บอจ.5) และหนังสือนำส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น
7.2 กรณีผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาค เอกสารที่ต้องยื่น คือ
ก. งบการเงิน และรายงานการสอบบัญชีของผู้สอบบัญชีรับอนุญาต จำนวน 2 ชุด
ข. แบบนำส่งงบการเงิน (แบบ ส.บช.3) จำนวน 3 ฉบับ
ค. สำหรับบริษัท จำกัด ต้องมี สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นในวันประชุมใหญ่ด้วย (แบบ บอจ.5)และหนังสือนำส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น
8. การยื่นงบการเงินของผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีดังนี้ ต้องยื่นแบบนำส่งงบการเงิน ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนระหว่างประเทศ (แบบ ส.บช.3/1) ด้วยจำนวน 1 ชุด
8.1 บริษัทจำกัด และบริษัทมหาชนจำกัด ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ที่มีบุคคลธรรมดาซึ่งไม่มีสัญชาติไทย และไม่มีภูมิลำเนาอยู่ในราชอาณาจักร หรือนิติบุคลซึ่งไม่ได้จดทะเบียนในประเทศไทย ถือหุ้นตั้งแต่ 1% ของมูลค่าหุ้นที่มีสิทธิออกเสียง
8.2 ห้างหุ้นส่วนจด ทะเบียนที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย และกิจการร่วมค้า ตามประมวลรัษฎากร ที่มีผู้ร่วมลงทุนเป็นบุคคลธรรมดาซึ่งไม่มีสัญชาติไทย และไม่มีภูมิลำเนาอยู่ในราชอาณาจักร หรือนิติบุคคลซึ่งไม่ได้จดทะเบียนในประเทศไทย
8.3 นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ ที่ประกอบธุรกิจในไทย
8.4 ห้างหุ้นส่วนจด ทะเบียน บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย และกิจการร่วมค้า ตามประมวลรัษฎากร ที่มีการลงทุนในกิจการที่ต่างประเทศ ซึ่งได้แก่การจัดตั้งกิจการ สำนักงานสาขา หรือตัวแทนในต่างประเทศ หรือการเข้าร่วมลงทุนกับบุคคล หรือนิติบุคคลในต่างประเทศ โดยมีสัดส่วนการลงทุน หรือการถือหุ้นตั้งแต่ 1% ของทุนทั้งหมดของกิจการ หรือของมูลค่าหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงแล้วแต่กรณี
9. กำหนดเวลาในการยื่นงบการเงิน ตามสถานที่ในข้อ 5
9.1 ห้างหุ้นส่วนจด ทะเบียน หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศที่ประกอบธุรกิจในไทย และกิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร ต้องยื่นงบการเงิน ภายใน 5 เดือน นับแต่วันปิดบัญชี (นับเป็นเดือน ไม่นับเป็นวัน)
9.2 บริษัทจำกัด และบริษัทมหาชนจำกัด ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ต้องนำเสนองบการเงินเพื่ออนุมัติในที่ประชุมใหญ่ ภายใน 4 เดือนนับแต่วันปิดบัญชี และต้องยื่นงบการเงินภายใน 1 เดือน นับแต่วันที่งบการเงินนั้นได้รับอนุมัติในที่ประชุมใหญ่
9.3 หากวันสุดท้าย ของการยื่นงบการเงิน ตาม ข้อ 9.1 และ 9.2 เป็นวันหยุดทำการของราชการ ให้เลื่อนวันสุดท้ายของกำหนดเวลายื่นงบการเงินไปเป็นวันทำการแรกต่อจากวัน หยุดทำการ