อย่าตื่นเต้น

คุณสมบัติที่ สำคัญที่สุดข้อหนึ่งของ Value Investor  ในความคิดผมก็คือ  ต้องเป็นคนที่ไม่ตื่นเต้นกับข่าวหรือข้อมูลที่ได้รับมาง่าย    พูดในอีกแบบหนึ่งก็คือ  ต้องเป็นคนที่มีจิตใจสงบนิ่งและวิเคราะห์ข่าวสารข้อมูลด้วยเหตุผล   เป็นกลาง   และไม่ใช้อารมณ์    เพราะในฐานะที่เป็นนักลงทุนนั้น   เรามักจะเปิดรับและเสาะแสวงหาข่าวสารเพื่อหาหุ้นและตัดสินใจลงทุน   แต่ข่าวสารจำนวนมากในตลาดหุ้นโดยเฉพาะข่าวสารหรือข้อมูลที่สำคัญนั้น   เรากลับมักจะได้รับจากแหล่งข่าวที่มี   Conflict Of Interest  หรือมีผลประโยชน์ที่ขัดกันหรือมีผลประโยชน์แอบแฝง   ดังนั้น  ข้อมูลที่เราได้รับจึงอาจจะไม่เที่ยงตรงและถ้าเราตัดสินใจลงทุนหรือขายหุ้น ไปเพราะได้รับข้อมูลนั้นเราก็อาจจะพลาดได้    ข้อแนะนำของผมก็คือ   เมื่อได้รับข่าวสารข้อมูลอะไรก็ตาม   “อย่าตื่นเต้น”    ค่อย ๆ  คิดพิจารณาโดยเฉพาะถ้าแหล่งของข้อมูลนั้นมีผลประโยชน์ขัดแย้งอย่างชัดเจน
ข้อมูล กลุ่มแรกที่ผมคิดว่าเราต้องฟังอย่างระมัดระวังมากที่สุดก็คือ   ข้อมูลจากผู้บริหารบริษัท    เฉพาะอย่างยิ่ง  การที่ผู้บริหารออกมาให้ข่าวว่าบริษัทกำลังจะมีข่าวดีและเป็นข่าวใหญ่ที่จะ ทำให้บริษัทมีกำไรและเติบโตแบบก้าวกระโดด   เพราะนี่จะเป็นข่าวที่ทำให้เราตื่นเต้นได้มาก    แต่ประเด็นก็คือ   ผู้บริหาร  โดยเฉพาะที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทขนาดเล็กนั้น   มักจะมีแรงจูงใจที่จะแจ้งข่าวดีและปิดข่าวร้าย    เขาต้องการให้หุ้นของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น  ยิ่งสูงยิ่งดี   ดังนั้น  ถึงแม้ว่าเขาจะไม่พูดให้ขาวเป็นดำหรือพูดผิดจากความเป็นจริง    แต่เขาก็มักจะพูดสิ่งที่ดีให้ดีเป็นพิเศษ   และไม่พูดหรือพูดข่าวร้ายให้น้อยที่สุด   และถ้าจำเป็นต้องพูดก็พูดให้ดูเหมือนว่ามันก็ไม่ร้ายจนเกินไป    ด้วยเหตุดังกล่าว   เวลาฟังผู้บริหารพูดว่าดีมาก    เราอย่าตื่นเต้น   เพราะมันอาจจะเป็นกับดักที่ทำให้เราเข้าไปติดกับได้    พูดถึงเรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงความคิดของ  เบน เกรแฮม  บิดาของการลงทุนแบบ  Value Investment  ที่บอกว่าเราไม่ควรไปฟังผู้บริหารบริษัท  เพราะมันจะทำให้เราสับสนและอาจถูกหลอก   เราควรจะดูจากข้อมูลตัวเลขและการวิเคราะห์ของเราเป็นหลัก
ข้อมูล กลุ่มที่สองที่เราต้องเอามา  “หาร”  หรือลดระดับความน่าสนใจหรือความโดดเด่นลงและเมื่อฟังแล้วอย่าตื่นเต้นเกินไป ก็คือข้อมูลที่มาจาก   “ขาใหญ่”  หรือ  “เซียนหุ้น” ทั้งที่เป็นนักเก็งกำไรหรือ  Value Investor   เหตุผลก็คือ   ส่วนใหญ่แล้ว   ก่อนที่เขาจะบอกข้อมูลว่าหุ้นตัวนั้นเป็นหุ้นที่ดีเยี่ยมน่าลงทุน   เขาก็มักจะซื้อหุ้นตัวนั้นไปก่อนแล้วและบ่อยครั้งซื้อในราคาที่ต่ำกว่าตอน ที่บอก    บางที   การที่เขาบอกนั้นก็เพื่อที่จะได้  “ปล่อยของ”  หรือขายหุ้นที่เขาซื้อมาได้ในราคาที่สูงกว่าที่ซื้อมา    และนี่คือผลประโยชน์ของคนบอกที่อาจจะไม่ใช่ผลประโยชน์ของคนที่รับข้อมูล   ดังนั้น   เมื่อฟังข้อมูลเหล่านี้  เราจะต้องเข้าใจแรงจูงใจว่าเขาอาจจะพูดให้ดูดีเกินกว่าปกติ   เราต้องอย่า  “ตื่นเต้น”  ฟังแล้วก็ต้องกลับไปคิดพิจารณาอย่างรอบคอบ
ข้อมูล อีกกลุ่มหนึ่งที่อาจจะไม่ใคร่เกิดขึ้นบ่อยนักแต่ผมคิดว่าน่าจะสร้างความ   “ตื่นเต้น”   ได้สูงสุดก็คือ   “ข้อมูลภายใน”   หรือที่เรียกว่า  ข้อมูล  Insider    นี่คือข้อมูลที่ไม่เปิดเผยหรือยังไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณชนแต่มีความสำคัญ เพราะมันอาจจะทำให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นมหาศาลและทำให้หุ้นวิ่งขึ้นไปได้ มากในเวลาอันสั้น     บ่อยครั้ง  “ข้อมูลภายใน”  ที่ว่านี้   เรามักจะไม่ได้รับฟังมาจากผู้บริหารของบริษัทเอง   แต่ได้รับฟังมาจากเพื่อนนักลงทุนที่สนิทอีกต่อหนึ่ง    บางทีเราฟังครั้งแรกแล้วก็อาจจะไม่ใคร่เชื่อเนื่องจากคนพูดอาจจะไม่ใช่คนภาย ในโดยตรง    แต่เราก็มักจะสนใจและเฝ้าตามดูราคาหุ้นตัวนั้น    และแล้ว   หลังจากระยะเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่วัน    ปริมาณการซื้อขายและราคาหุ้นของบริษัทเล็ก ๆ  ตัวนั้นก็เริ่มขยับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ   เราเริ่มสนใจมากขึ้น   แต่ก็ยังไม่ได้ทำอะไร   ไม่กี่วันต่อมา   ปริมาณและราคาปรับขึ้นไปอีก   ข่าว  Insider  เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น   ถึงจุดนี้เราค่อนข้างมั่นใจว่าราคาจะต้องขึ้นต่อไปเมื่อ  “ข่าวจริง”  ออกมา   เราเข้าไปซื้อหุ้นอย่างมั่นใจแต่ก็ค้นพบอย่างรวดเร็วว่าราคาหุ้นกลับไม่วิ่ง ต่อและบางครั้งกลับลดลงทั้งที่ข่าวจริงออกมาตรงกับข่าวลือที่เป็น   “ข้อมูลภายใน”  ที่น่าจะรู้กันเพียงไม่กี่คน     เพราะฉะนั้น   อย่าตื่นเต้นเมื่อได้รับฟัง  “ข้อมูลภายใน”  แม้จะดูว่ามัน    “น่าเชื่อถือมาก”  อย่าลืมว่า   คนภายในใจจริง ๆ   นั้นเขาอาจจะต้องการบอก  “ข้อมูลภายใน”  เพื่อผลประโยชน์ของเขามากกว่าที่จะต้องการให้เรารวยจากการซื้อหุ้นตัวนั้น
ข้อมูล กลุ่มสุดท้ายที่มักทำให้เราตื่นเต้น   แต่อาจจะเป็นความตื่นเต้นทางด้านร้ายมากกว่าดีก็คือ   ข้อมูลเศรษฐกิจการเมืองที่ปรากฏในสื่อต่าง ๆ  โดยเฉพาะในหน้าหนังสือพิมพ์และการรับรู้จากคำบอกเล่าของ   “นัก กิจกรรมการเมือง”   เพราะเหล่านี้คือผู้ที่ชอบบอกข่าวร้ายมากกว่าข่าวดีมากเนื่องจาก    “ข่าวร้ายขายได้  ข่าวดีขายไม่ได้”   ดังนั้น    เมื่อเราฟังจากแหล่งข่าวเหล่านี้มาก ๆ  และไม่ได้พิจารณาอย่างใจเป็นกลาง   เราก็จะรู้สึก   “ตื่นเต้น”   หรือในบางครั้ง  “ตื่นตูม”  ขายหุ้นดี ๆ  ทิ้ง   ทั้งที่พื้นฐานของบริษัทไม่ได้ถูกกระทบอะไรเลย   บางครั้งดีขึ้นด้วยซ้ำ  และราคาหุ้นก็ไม่ได้ตกลงไปทั้งที่ราคาหุ้นโดยทั่วไปหรือดัชนีตลาดหุ้นอาจจะ ลดลงไปจริง  ๆ     เพราะฉะนั้น   เวลาอ่านหนังสือพิมพ์หรือฟังข่าวเรื่องการเมืองที่ดูเลวร้ายไม่มีทางออก   “อย่าตื่นเต้น”  เพราะประเทศไทยก็เป็นแบบนี้มาแทบจะตลอดเวลา   แต่เศรษฐกิจและการเมืองก็ยังไปได้เรื่อย ๆ   ถ้าเรามีหุ้นที่ดีแล้ว  มันก็มักจะดูแลตัวมันเองได้
ทั้ง หมดนั้นก็เป็นเพียงตัวอย่างของข่าวสารข้อมูลที่เราต้องระวังว่าอย่าให้มัน มาสร้างความตื่นเต้นให้กับเรา    ความตื่นเต้นที่จะทำให้เราตัดสินใจแสดงออกอย่างรวดเร็วทั้งการซื้อและขาย หุ้นนั้น    ผลดีที่จะได้รับในเรื่องของการลงทุนมีเพียงเล็กน้อย   แต่ผลเสียที่เกิดขึ้นจะมีมาก  โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มันจะทำให้เราละเลยเหตุผลและการพิจารณาอย่างรอบคอบ   ดังนั้น   การฝึกหัดที่สำคัญสำหรับการเป็น  Value Investor ที่ดีก็คือ  ฝึกความใจเย็นและไม่ตื่นเต้นโดยเฉพาะกับข่าวที่ออกมาจากแหล่งข้อมูลที่อาจจะ มี  Conflict Of Interest ทั้งหลาย

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘