ซื้อหุ้นถูกตัว

คุณคิดว่าในการลงทุนนั้น การซื้อหุ้นให้ได้ถูกตัว มีความสำคัญมากแค่ไหน?
เมื่อ ก่อน ตอนเริ่มต้นลงทุนใหม่ๆ ผมเชื่อว่า มันเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด ตอนนั้นผมคิดว่า หุ้นก็คล้ายๆ กับหวย คือ ถ้าคุณซื้อหวยถูกเบอร์ ยังไงคุณก็ได้ ถ้าผิด ยังไงคุณก็เสีย ดิ้นไม่ได้ พอคิดแบบนี้ การลงทุนของเราจะมุ่งไปที่การหาหุ้นเด็ด แล้วทุ่มกับมัน สมัยนั้นผมเชื่อว่า วิธีเดียวที่จะได้ผลตอบแทนสูงๆ คือ จะต้องทุ่มสุดตัวกับหุ้นเด็ดแค่ไม่กี่ตัว พอหุ้นเหล่านั้นวิ่งได้ตามที่เราคาดไว้ ก็ขายออกมา เอาเงินทั้งหมดไปทุ่มสุดตัวกับหุ้นเด็ดตัวใหม่ แล้วทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ให้ได้หลายๆ รอบต่อปี  
แต่เมื่อได้อยู่ในตลาด นานขึ้น ผมกลับเห็นว่าตลาดหุ้นนั้นมีแต่ความไม่แน่นอน ต่อให้เรามองได้เก่งแค่ไหน ก็ยังมีปัจจัยหลายอย่างที่คาดการณ์ล่วงหน้าไม่ได้แต่ส่งผลกระทบได้ รุนแรง การที่จะต้องเลือกหุ้นให้ได้ถูกตัวเกือบทุกครั้งนั้นจึงกลับเป็นเป้า หมายที่ปฏิบัติจริงได้ยาก ดังนั้น วิธีลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงอย่างที่เคยคิดไว้นั้น กลับเป็นวิธีการที่มี หายนะซ่อนอยู่ การที่เราอยู่ในตลาดต่อไปเรื่อยๆ ก็เหมือนการเต้นรำกลางห่ากระสุน ต่อให้เก่งขนาดไหน สักวันหนึ่ง เราก็ต้องเคยซวยโดนกระสุนแน่ๆ ถ้าหากต้องทุ่มสุดตัวกับหุ้นเด็ดทุกตัวไป เรื่อยๆ ย่อมต้องมีวันที่เสียหายหนักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้แต่บัฟเฟตเอง ก็ยังเลือกลงทุนในหุ้นอย่าง AIG  มาแล้ว วิธีการที่ให้ผลตอบแทนสูง แต่ไร้ซึ่งความยั่งยืน ไม่ใช่วิธีที่ดีอย่างที่เราคิด
เรา มักรู้สึกว่า มีบางคนที่สามารถเลือกหุ้นได้ถูกต้องเกือบตลอดเวลา แต่จริงๆ แล้ว อาจจะไม่ใช่อย่างที่เราคิดก็ได้ บ่อยครั้งเป็นเพราะ เราศรัทธาในใครมากๆ เรามักเลือกจำแต่ความสำเร็จของคนนั้น เพราะสอดคล้องกับความเชื่อที่มีอยู่เดิมของเรา หรือบางครั้งก็เกิดจากการเห็นภาพไม่ครบทั้งหมด บางคนเขาเลือกพูดถึงแต่หุ้นที่เขาเลือกถูกเท่านั้น ทั้งที่จริงๆ แล้ว เขาก็เลือกหุ้นผิดมากไม่ต่างจากเรา แต่เวลาเขาเลือกหุ้นผิด เขาไม่ได้นำมาเล่าให้เราฟังด้วยเท่านั้น 
เมื่อ เราต้องอยู่กับสิ่งที่ไม่แน่นอนมากๆ อย่างเช่น ตลาดหุ้น แทนที่เราจะพยายามเดาให้ถูกให้ได้ตลอดเวลา เราน่าจะเปลี่ยนเป้าหมายใหม่เป็น ทำอย่างไรเราจะได้กำไรมากขึ้น เมื่อเราคิดถูก และเสียหายให้น้อย เมื่อเราคิดผิด วิธีนี้ทำให้เราต้องพึ่งพาการเลือกหุ้นให้ถูกตัวลดน้อยลง (ก็ยังต้องพึ่งอยู่ แต่ว่าลดลง)  และเป็นทักษะที่สามารถฝึกฝนกันได้
ปี เตอร์ ลินซ์ บอกว่า ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่นักลงทุนส่วนใหญ่ชอบเป็นกัน และทำให้ลงทุนไม่ประสบความสำเร็จคือ เรามักติดนิสัย Selling the Flowers, Watering the Weeds หรือ หุ้นขึ้นขายทิ้งหมด หุ้นลงชอบเก็บเอาไว้ นิสัยอันนี้สามารถถ่วงผลตอบแทนเราได้มากอย่างไม่น่าเชื่อ
คน ที่ติดนิสัย เห็นหุ้นในพอร์ตขึ้นนิดหน่อยก็ทนไม่ไหว ต้องรีบขายทิ้ง เช่น ขึ้นวันเดียว 5% ขายทิ้งตลอด คนแบบนี้จะต้องเลือกหุ้นถูกตัวมากถึง  20 ครั้ง กว่าจะได้กำไร 100% ในขณะที่ คนที่ไม่ได้ติดนิสัยอันนี้ แม้มีความสามารถในการเลือกหุ้นเท่าๆ กัน แต่เขาอาจทำกำไรรวมได้ถึง 100% ตั้งแต่หุ้น 2-3 ตัวแรกที่เลือกถูกไปแล้ว เพราะได้กำไรจากหุ้นแต่ละตัวอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากกว่า จะเห็นได้ว่า นักลงทุนสองคนก็สามารถมีผลตอบแทนสุดท้ายที่ต่างกันอย่างมากได้ โดยไม่เกี่ยว อะไรกับความสามารถในการเลือกหุ้นถูกตัวของทั้งคู่เลย แค่ไม่มีนิสัยการลงทุน ที่เสียๆ อันนี้เท่านั้นเอง
บางคนมีนิสัยหุ้น ตกลงมา 5% แล้วจะไม่ยอมขาย เพราะรู้สึกว่าการขายขาดทุนออกมาเป็นการ realized loss พฤติกรรมนี้อาจจะถูกหรือผิดก็ได้ ขึ้นอยู่กับสไตล์การลงทุนด้วย แต่ที่มักเป็นปัญหาคือ คนๆ เดียวกันนี้ พอเห็นหุ้นตัวนั้นร่วงต่อไปจนขาดทุน 80% คราวนี้ค่อยเกิดความรู้สึกอยากคัตลอสให้ได้ (อาการสิ้นหวัง) ส่วนใหญ่แล้ว พฤติกรรมเช่นนี้เป็นพฤติกรรมที่แย่ เพราะการปล่อยให้ขาดทุนถึง 80% แล้ว ค่อยคิดจะขาย ที่จริงแล้วมันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น เมื่อเทียบกับการทนถือต่อ แปลกแต่ที่จริงที่คนเรามักกล้าในเวลาที่ควรจะกลัว แต่กลัวในเวลาที่ควรจะกล้าอยู่เสมอ ทำให้ผลตอบแทนเราแย่ โดยไม่เกี่ยวกับความสามารถในการเลือกหุ้นเลย   
ลอง เปลี่ยนปรัชญาการลงทุนใหม่ แทนที่จะหวังพึ่งแต่การเลือกหุ้นให้ถูกตัวตลอด เวลาซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ลองเปลี่ยนเป้าหมายให้ง่ายลง ด้วยการลดการพึ่งพาแต่การเลือกหุ้นให้ถูกตัวลง แล้วหันมาเพิ่มผลตอบแทนให้มากขึ้นด้วยการฝึกฝนพฤติกรรมการซื้อและขายหุ้นให้ ดีขึ้นแทน บางทีคุณค้นพบวิธีที่ทำให้ผลตอบแทนคุณดีขึ้นแบบง่ายๆ อย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อนก็ได้ครับ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘