0077: Are you solvent?

ใน ความคิดของนักลงทุนตอนนี้คงมีอยู่สองแบบ คนที่ไม่มีเงินสด แต่มีหุ้นเต็มพอร์ตไปหมด เพราะซื้อเฉลี่ยมาตลอดทาง (แต่หุ้นก็ยังคงลงต่อไปเรื่อยๆ) กำลังรู้สึกเสียดายอย่างมากว่าเวลานี้ไม่เหลือเงินสดแล้ว มิฉะนั้นจะไล่ซื้อหุ้นให้หมดเลย "หุ้นดีๆ ราคาถูกๆ ทั้งน้าน" ก็ว่ากันไป ส่วนคนที่ตอนนี้ยังมีเงินสดเหลืออยู่ก็กำลังง่วนอยู่กับการคิด ว่าจะซื้อหุ้นตัวไหนดี โอกาสทองเยอะแยะเต็มไปหมดจนเลือกไม่ถูกเลย ก็ว่ากันไปอีกแนวหนึ่ง สรุปว่า ทุกคนกำลังคิดเรื่องซื้อหุ้น
สถานการณ์ ในโลกเวลานี้เรียกได้ว่าเป็นวิกฤตการเงินที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ไป แล้ว เพราะธนาคารทั่วสหรัฐและยุโรปเจ๊งระเนระนาด ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเศรษฐกิจโลกในช่วงต่อไป มีโอกาสที่เราจะได้เห็นสภาพที่เลวร้ายขนาดที่เราไม่สามารถจินตนาการล่วงหน้า ไปได้ เพราะมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในสถานการณ์แบบนี้ ก่อนที่นักลงทุนจะตัดสินใจ นำเงินทั้งหมดที่ตนมีอยู่ ซื้อหุ้นให้หมด เพราะมองว่าเป็นโอกาสทองแล้วนั้น นักลงทุนน่าจะตั้งคำถามกับตัวเองก่อนว่า ถ้าหากในช่วง 5 ปีข้างหน้า สถานการณ์เลวร้ายกว่าที่คิด คิดว่าไม่น่าถึงขั้นตกงานแต่ดันตกงาน หรือไม่คิดว่าจะต้องซื้อบ้านแต่ดันต้องซื้อขึ้นมา แล้วเราจะเอาตัวรอดได้หรือไม่ ถ้าสมบัติส่วนใหญ่ของเราอยู่ในตลาดหุ้น ซึ่ง ถ้าขายออกมาจะขาดทุนมาก เพราะ "ซวย" ตลาดหุ้นดันตกเป็นรูปตัว L หรือหุ้นที่เราถืออยู่ไม่มีสภาพคล่อง เพราะคนเบื่อตลาดหุ้นกันหมดแล้ว
โดย ธรรมชาติแล้ว ตลาดหุ้นมักจะเปลี่ยนระดับที่มักเคลื่อนไหวไปแบบถาวรทุก 5-6 ปี คงไม่แปลกถ้าอีก 5-6 ปีข้างหน้า ตลาดหุ้นไทยเปลี่ยนไปเคลื่อนไหวอยู่ในระดับใหม่ที่ต่างจากในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา หุ้นคอยมองหาระดับใหม่ที่เหมาะสมของมันอยู่เสมอไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจว่ามันเคยอยู่ที่ใดในอดีต แต่นักลงทุนเองต่างหากที่เป็นฝ่ายคิดไปเองว่า หุ้นที่ตกมากๆ แล้ว ในที่สุดจะต้องกลับมาที่เดิมได้ จุดอ่อนของนักลงทุนคือการยึดติดอยู่กับราคา ในอดีต โดยคิดว่าถ้าราคาปัจจุบันต่ำกว่าราคาในอดีตมากๆ แสดงว่าหุ้นถูก ซึ่งที่จริงมันจะเป็นเช่นนั้นแค่เฉพาะในช่วง 5-6 ปีเดียวกันเท่านั้น เวลาที่ตลาดหุ้นข้ามไปสู่ช่วงต่อไป กลยุทธ์ยิ่งตกยิ่งซื้อจะใช้ไม่ได้ผลและจะทำให้นักลงทุนเสียหายอย่างหนักใน ที่สุด
เรื่องที่แปลกอีกอย่างหนึ่งของตลาดหุ้น ก็คือ ตลาดหุ้นมักเคลื่อนไหวไปก่อนเศรษฐกิจ บางครั้งเรารู้สึกว่าเศรษฐกิจไม่เห็นเป็นอะไรเลย ทำไมตลาดหุ้นถึงได้ตกเยอะจัง แต่หลังจากนั้น 6-12 เดือน เราก็พบกับความประหลาดใจว่า ตลาดหุ้นรู้ล่วงหน้าได้อย่างไรว่าสภาพเศรษฐกิจกำลังจะเปลี่ยนไปมากขนาด นี้ Financial Market นั้นเคลื่อนไหวได้เร็วกว่า Real Market มาก เพราะแค่กดปุ่มทีเดียวก็ขายของมูลค่าเป็นพันล้านได้แล้ว ในขณะที่เศรษฐกิจจริงๆนั้น กว่าจะตกลงราคากันได้ต้องใช้เวลานาน ดังนั้นกว่าที่มันจะเผยโฉมหน้าใหม่ที่แท้จริงออกมา ก็มักต้องใช้เวลานานพอสมควร
ถ้าคุณคิดว่ามีแผน สำหรับกรณีที่เลวร้ายที่สุดในอนาคตไว้แล้ว และแน่ใจว่า คุณกำลังมองมูลค่าหุ้นไปตามภาพในอีกห้าปีข้างหน้าของมัน ไม่ใช่ตัดสินจากภาพในอดีต จะซื้อหุ้นตอนนี้ก็ไม่ว่ากันครับ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘