0071: ยุคทอง

ธุรกิจจะมีช่วงเวลาหนึ่งที่บริษัทสามารถรักษาอัตราการเติบโตของกำไรให้สูงเป็นระยะเวลานานๆ ได้ ผมเรียกว่า ยุคทอง ของธุรกิจนั้นครับ
ตัวอย่าง เช่น ยุคทองของธุรกิจผู้ให้บริการมือถือในบ้านเราคือช่วงที่ราคาเครื่อง Drop ลงกระทันหันจาก 30,000-40,000 บาท เหลือเพียง 7000-15000 บาท ประกอบกับมีการนำกลยุทธ์ pre-paid มาใช้ ทำให้กลุ่มรากหญ้าสามารถเข้าถึงโทรศัพท์มือถือได้เป็นแรก ตอนนั้น (ถ้าจำไม่ผิด) จำนวน subscriber ของ ADVANC จากที่เริ่มอืดๆ เพราะตลาดชนชั้นกลางเริ่มอิ่มตัวก็ทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 2 ล้านราย กลายเป็น 12 ล้านราย ภายในเวลาไม่กี่ปี แต่พอหลังจากกลุ่มรากหญ้าเริ่มอิ่ม จำนวน subscriber ก็เริ่มกลับไปเพิ่มขึ้นแบบอืดๆ อีกครั้งเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
สมัยผมเรียน อยู่ชั้นม.ต้น เป็นยุคทองของร้าน S&P สมัยนั้นร้าน S&P มีภาพลักษณ์ที่ดูดีในสายตาของผู้บริโภคส่วนใหญ่ S&P ขยายสาขาอย่างรวดเร็ว ขยายไปที่ไหนก็ขายดีหมด ช่วงนั้นกำไรเติบโตได้ดีมาก แต่หลังจากที่ขยายสาขาจนแทบไม่มีห้างไหนที่ไม่มี S&P แล้ว การเติบโตก็เริ่มช้าลง เดี๋ยวนี้มีร้านอาหารแปลกๆ ใหม่ๆ ผุดขึ้นมาจนเต็มห้างไปหมดทำให้จุดเด่นของ S&P หายไป ทุกวันนี้แม้ S&P จะยังอยู่ได้เพราะมีแฟนพันธ์แท้กลุ่มหนึ่งที่ยังอุดหนุน S&P อย่างเหนียวแน่น แต่การจะเพิ่มกำไรด้วยการเข้าถึงลูกค้ารุ่นใหม่ๆ นั้นเป็นเรื่องที่ยากทีเดียว
เป้าหมายการลงทุน แบบหุ้นเติบโตของผมก็อยู่ตรงคำว่ายุคทองนี่แหละ การลงทุนนั้นไม่ใช่หมายความว่าจะถือยาวแล้วจะดี แต่เราอยากถือหุ้นในช่วงที่ธุรกิจนั้นเป็นยุคทองและถือไว้ตลอดตราบเท่าที่ ยังเป็นยุคทองอยู่ เมื่อเห็นว่าหมดยุคทองของมันแล้วก็ขายทิ้งไปเลยก็ได้ ไม่จำเป็นต้องถือไว้ตลอดไปโดยไม่รู้เหตุผลว่าถือไปเพื่ออะไรหรือเป็นความ เชื่อฝังใจว่าจะต้องถือให้ยาว
ในช่วงที่ บริษัทอยู่ในยุคทองนั้นกำไรของบริษัทไม่ได้จำเป็นต้องเพิ่มขึ้นทุกๆ ไตรมาส ราคาหุ้นก็เช่นกันสามารถขึ้นแล้วลงลงแล้วขึ้นไปตามการคาดการณ์อนาคตของผู้คน ในตลาด ถ้าเราเชื่อว่าบริษัทยังไม่พ้นจากยุคทอง แม้ราคาจะผันผวนมากก็อย่าเพิ่งไปขายมัน ความผันผวนของราคาเป็นเรื่องปกติของ หุ้นไม่ใช่สัญญาณอันตรายแต่อย่างใด การขายหนีเพื่อดักว่ามันกำลังจะลง แล้วหวังจะไปช้อนกลับขึ้นมาใหม่ในราคาที่ถูกกว่าเดิม อาจทำให้เราพลาดโอกาสที่จะถือหุ้นนั้นไปเลยก็ได้ถ้าหากราคาหุ้นมันวิ่งสวน ทางกับที่เราคิดไว้โดยสิ้นเชิง take profit อาจได้กำไรมา 30% แต่พลาดโอกาสที่จะได้กลับมาถือหุ้นตัวนั้นต่อไปแล้วไปขายเอาตอนที่หมด ยุคทองในอีก 3 ปีข้างหน้าในราคาที่สูงกว่านี้อีก200% ก็เป็นได้  
การ เล่นหุ้นแบบคอยดักข่าวดีหนีข่าวร้ายหรือเก็ง EPS เป็นรายไตรมาสก็ไม่ใช่วิถีทางของ Growth Investing ยุคทองไม่ได้เกิดขึ้นแค่ช่วงเวลาที่ข่าวดีหนึ่งข่าวเกิดขึ้นแล้วจบลงเมื่อ ข่าวต่อไปที่เข้ามากระทบตัวหุ้นเป็นข่าวร้าย แต่ยุคทองเกิดจากการที่ปัจจัยแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกของบริษัทเอื้อต่อ การทำธุรกิจของบริษัทเป็นอย่างมากจึงทำให้บริษัทสามารถสร้างการเติบโตของ กำไรในอัตราที่สูงได้โดยไม่ต้องยากลำบากมากนัก ปัจจัยแวดล้อมที่เกิดขึ้นมาแล้วมักดำรงคงอยู่ได้เป็นระยะเวลาหนึ่งก็ที่มัน จะสลายตัวไป ซึ่งบอกล่วงหน้าแน่นอนไม่ได้ว่านานแค่ไหนอาจเป็นหนึ่งปี สามปี หรือสิบปีก็ได้ แต่จะไม่ใช่แค่สองอาทิตย์หรือหนึ่งเดือนอย่างแน่นอน 
อายุ ของบริษัทไม่ใช่สิ่งที่บอกว่ายุคทองของบริษัทผ่านไปแล้วหรือยัง ปตท.อายุตั้ง 30 ปีแล้วแต่ยุคทองของมันก็เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้นี่เอง และแต่ละบริษัทก็ไม่จำเป็นต้องมียุคทองเพียงแค่ครั้งเดียวตลอดอายุขัยของมัน ด้วย ยุคทองสามารถเกิดแล้วเกิดอีกได้ ที่จริงแล้วบริษัทที่ดีควรเป็นบริษัทที่มียุคทองสลับกับช่วงที่กำไรไม่โตไป เรื่อยๆ บริษัทที่ไม่ดีมักมียุคทองแค่เพียงครั้งเดียวและเมื่อจบยุคทองแล้ว บริษัทก็ทรุดหนักลงทันทีถึงขั้นปิดกิจการไปเลย หรือมิฉะนั้นบริษัทที่ไม่ดีอีกประเภทหนึ่งก็คือบริษัทที่กี่ปีกี่ชาติก็ไม่ เคยมียุคทองกับเขาได้สักทีแม้จะไม่ถึงกับเจ๊งก็ตาม

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘