0025: ความผันผวนของราคา

คุณ คิดว่าในตลาดหุ้นที่เต็มไปด้วยนักเก็งกำไร "ขาใหญ่" ที่คอยทุบคอยลากหุ้นอยู่ตลอดเวลาเพื่อเอากำไรระยะสั้นจะเป็นอุปสรรคต่อการ เป็นนักลงทุนของเราหรือไม่? บางคนบอกว่าหุ้นไทยถือยาวไม่ได้เพราะตลาดหุ้นไทยผันผวนมาก ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเจอทั้งโรคซาร์ส ไข้หวัดนก ซึนามิ ไฟใต้ มาตรการ 30% รัฐประหาร ระเบิดกทม. ขืนถือหุ้นไว้เฉยๆ ป่านนี้มีหวังเจ๊งแน่

ถ้า ความผันผวนและข่าวร้ายทั้งหลายเหล่านี้เป็นสาเหตุที่ทำให้หุ้นไทยถือไว้นานๆ ไม่ได้จริง แล้ววันนี้หุ้นไทยมาถึง 800 กว่าจุดได้อย่างไร? ความผันผวนเหล่านี้เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนจริงหรือ?

ตอน ที่มีข่าวไข้หวัดนก ตลาดหุ้นไทยตกอย่างหนัก ที่น่าสังเกตก็คือไม่ได้ตกเฉพาะหุ้นไก่เท่านั้นแต่ตกทั่วทั้งตลาด ขนาดหุ้นแบงก์ หุ้นน้ำมันไม่เกี่ยวยังตกเลย และก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่มีข่าวร้ายใหญ่ๆ มากระทบตลาด ไม่ว่าเรื่องอะไรหุ้นจะตกทั่วทั้งกระดาน ทำให้เรายิ่งสงสัยว่าจริงๆ แล้วหุ้นนี่มันเกี่ยวอะไรกับพื้นฐานจริงหรือ ทำไมเวลาหุ้นตกทีไร เกี่ยวไม่เกี่ยวก็เห็นลงกันหมด นี่ทำให้เราคิดว่าทุกครั้งที่ตลาดหุ้นลงเราจะต้องรีบขายหุ้นของเราออกให้ทัน ก่อนที่กำไรของเราจะหายไป

ในวันที่มีข่าว มาตรการ 30% หุ้นไทยก็ตกอย่างรุนแรงมาก คุณคิดว่ามันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายแค่ไหนถ้าวันนั้นคุณบังเอิญขายหุ้นออกไป ไม่ทัน ถ้าลองกลับมาย้อนดูดีๆ ที่จริงแล้ว คนที่ขายหุ้นไม่ทันในวันนั้นถ้าเก็บมาจนถึงตอนนี้จะได้กำไรสูงมากเพราะช่วง ก่อนวันนั้นดัชนีอยู่แค่ 600 กว่าจุดเท่านั้นเอง แต่ตอนนี้ 800 กว่าจุดเข้าไปแล้ว ในทางตรงกันข้าม คนที่ขายหุ้นได้ทันในวันนั้นกลับกลายเป็นคนที่ต้องขาดทุน พวกเขาขาดทุนทั้งการ cut loss ในวันนั้นและยังขาดทุนจากกำไรที่หายไปเพราะในช่วงที่ผ่านมาถือเงินสดไว้เฉยๆ อีกด้วย ดูๆ ไปบางทีการขายหุ้นไม่ทันกลับไม่ได้เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย แถมยังกลับกลาย เป็นเรื่องดีไปซะงั้น

เวลาที่มีข่าวร้ายๆ เข้ามากระทบตลาด พวก Smart Money จะรีบขายหุ้นออกไปก่อน ไม่ใช่เพราะข่าวร้ายเหล่านั้นทำให้กำไรของบริษัทจดทะเบียนลดลง แต่เพราะข่าวร้ายเหล่านั้นสร้างความไม่แน่นอนให้เกิดขึ้นในตลาด เมื่อไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ก็ขายออกไปถือเงินสดไว้ก่อน แต่ถ้าลองมองย้อนกลับไป ข่าวร้ายๆ ทั้งหลายเหล่านั้นมีผลกระทบต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียนจริงๆ น้อยมากๆ

ใน ช่วงห้าปีที่ผ่านมา ผมว่าคนที่น่าอิจฉามากที่สุดในตลาดหุ้นไทยคือคนที่นั่งทับหุ้นปตท.เอาไว้ เฉยๆ ตลอดทั้งห้าปี เพราะห้าปีที่ผ่านมาหุ้นปตท.มีราคาเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่าตัว คงยากที่เทรดเดอร์คนไหนจะสามารถทำผลตอบแทนได้มากขนาดนี้ในช่วงห้าปีที่ผ่าน มา ที่สำคัญ ระหว่างทางหุ้นตัวนี้มีราคาที่ผันผวนอย่างรุนแรงมาก บางช่วงมันร่วงลงมากกว่า 50% เสียอีก คนที่เล่นรอบหุ้นปตท.ส่วนใหญ่จะทำผลตอบแทนได้น้อยกว่า 10 เท่าเพราะปล่อยของส่วนใหญ่ให้หลุดมือไปนานแล้วจากการเล่นรอบ

ที่ หุ้นปตท.มีราคาเพิ่มขึ้นมากในช่วงห้าปีที่ผ่านมาเป็นเพราะธุรกิจของบริษัทมี กำไรเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับห้าปีที่แล้ว (อย่างน้อย 4 เท่าตัว) แม้กำไรของบริษัทจะเพิ่มขึ้นมากแต่หุ้นของบริษัทก็ยังคงเป็นหุ้นที่ผันผวน มากเหมือนเช่นเดิม เพียงแต่ว่าสมัยก่อนนี้มันผันผวนอยู่แถวๆ 29-33 บาทแต่เดี๋ยวนี้มันผันผวนอยู่แถวๆ 290-330 บาท ความผันผวนของราคาหุ้นจึงไม่ใช่สิ่งที่บ่งบอกว่าหุ้นนั้นเป็นหุ้นที่น่าลง ทุนหรือไม่  

ในระยะสั้น หุ้นทุกตัวล้วนแล้วแต่ต้องผันผวนไปตามภาวะตลาดทั้งสิ้นไม่มีข้อยกเว้นไม่ว่า หุ้นนั้นจะมีพื้นฐานที่ดีหรือไม่ก็ตาม แต่ในระยะที่ยาวๆ แล้ว ราคาของหุ้นที่เปลี่ยนแปลงไปขึ้นอยู่กับความสามารถในการทำกำไรที่ เปลี่ยนไปของบริษัทเป็นสำคัญ ไม่เกี่ยวกับภาวะตลาดหุ้นเลย

เห็น อย่างนี้แล้ว ครั้งหน้าที่ตลาดหุ้นไทยเป็นขาลงอีก แทนที่จะรีบขายหนีให้ทัน เอาเวลามานั่งคิดดีกว่าครับว่าหุ้นที่เราถืออยู่นั้นมีความสามารถในการทำ กำไรให้เติบโตในอนาคตได้หรือไม่ หุ้นที่ร่วงลงไปวันนี้ 5% อาจมีราคาเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวในอีกสองสามปีข้างหน้าก็ได้ครับ ผลตอบแทนในช่วงสั้นๆ กับในระยะยาวนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย

หมายเหตุ : การเขียนถึงหุ้นปตท.ก็เพื่อต้องการยกตัวอย่างเท่านั้น ไม่ใช่การแนะนำหุ้น ผู้เขียนไม่เคยศึกษาหุ้นปตท.จึงไม่สามารถให้ความเห็นใดๆ ทั้งสิ้นเกี่ยวกับอนาคตของหุ้นตัวนี้

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘