0010: Blue Ocean Investing

ว่ากันว่าคนที่เล่นหุ้นเป็นคือคนที่รู้จักการ "มองไปข้างหน้า" คุณคิดว่าในการเล่นหุ้นให้ประสบความสำเร็จควรมองไปข้างหน้ามากแค่ไหน?
อนาคต ยิ่งใกล้เท่าไรก็ยิ่งทายง่ายเท่านั้นเพราะจะมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจ มากกว่า การคาดการณ์ผลประกอบไตรมาสหน้าย่อมง่ายกว่าการคาดการณ์ผลประกอบการของปีหน้า ทั้งปีดังนั้น นักลงทุนคงอยากมองไปข้างหน้าให้สั้นที่สุดเท่าที่จะสั้นได้ ยิ่งสั้นเท่าไรยิ่งดีเพราะยิ่งทายง่าย
ด้วย เหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทุกวันนี้ นักลงทุนมากกว่า 95% ในตลาดมองไปข้างหน้าแค่ไม่เกินหนึ่งปีเท่านั้น นักลงทุนแบบเดย์เทรดมองกันแค่ภาคเช้าภาคบ่าย นักลงทุนแนวเล่น "ข่าว" มองกันแค่ไตรมาสเดียว นักลงทุนแนวเทคนิคส่วนใหญ่มองกันสามถึงหกเดือน นักลงทุนสถาบันชอบมองไปข้างหน้าสิบสองเดือน จะเห็นได้ว่า แทบไม่มีใครมองอะไรที่ไกลกว่าหนึ่งปี 
แต่ ปัญหาก็คือว่าเมื่อคนสี่แสนคนคิดอย่างเดียวกันและแข่งกันมองไปข้างหน้าไม่ เกินหนึ่งปี การลงทุนแบบมองไปข้างหน้าไม่เกินหนึ่งปีจึงกลายเป็นเกมที่มีการแข่งขันกัน อย่างรุนแรงดั่ง "ทะเลสีเลือด"...
แต่ถ้าคุณ เปลี่ยนมาใช้วิธีมองออกไปข้างหน้าให้ไกลกว่าหนึ่งปี คุณจะพบว่า บริเวณนี้เป็นเขตปลอดมนุษย์ (no man land) เลยทีเดียว มีนักลงทุนน้อยมากที่แข่งขันกันในบริเวณนี้ ผมขอยืมคำศัพท์ ทางการตลาดที่กำลังฮิตที่สุดในตอนนี้มาใช้หน่อยคือคำว่า Blue Ocean บริเวณที่มีการแข่งขันน้อยเรียกว่า Blue Ocean และการลงทุนโดยมองไปข้างหน้ามากกว่าหนึ่งปีคือ Blue Ocean Investing
การ ลงทุนโดยมองไปข้างหน้าเกินหนึ่งปีนี้แม้จะมีข้อเสียคือคาดการณ์ยากขึ้นเพราะ มีข้อมูลน้อยลง แต่เนื่องจากการแข่งขันที่เบาบางมากในบริเวณนี้ คุณจึงมีโอกาสที่จะเอาชนะตลาดได้ง่ายๆ โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องเก่งกว่าคน อื่นในตลาดมากนัก โดยส่วนตัวผมคิดว่า การมองไปข้างหน้า 2-5 ปี เป็นช่วงที่กำลังดีที่สุด เพราะมองไม่ยากขึ้นเท่าไร แต่การแข่งขันลดลงมาก ส่วนอะไรที่ไกลกว่า 5 ปีนั้น ผมว่ายากเกินไป คงต้องมั่วเอาอย่างเดียว
ถ้า คุณจะใช้วิธีสร้างข้อได้เปรียบให้กับตัวเองด้วยการมองไปข้างหน้า 2-5 ปีต้องเลือกอาวุธให้เหมาะสมด้วย เครื่องมือที่ดีที่สุดของวิธีนี้คือการมองแนวโน้มอุตสาหกรรมและวิเคราะห์ ความสามารถในการแข่งขันของบริษัท ส่วนพวกงบรายไตรมาสหรือข่าวเหตุการณ์ทั้งหลายก็ดูประกอบได้แต่ไม่สำคัญมาก เท่าเพราะข้อมูลพวกนั้นจะเหมาะกับการมองไปข้างหน้าไม่เกินหนึ่งปีมากกว่า นอกจากนี้คุณควรละเว้นการลงทุนในธุรกิจบางอย่างที่ไม่สามารถมองไปข้างหน้า เกินหนึ่งปีได้ เช่น พวกหุ้นรับเหมา ขนาดเจ้าของเองยังไม่รู้เลยว่าอนาคตของบริษัทตัวเองที่เกินหนึ่งปีขึ้นไปจะเป็นอย่างไร
โอกาส ทองมักเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ กับวิธีการลงทุนแบบนี้เพราะบ่อยครั้งที่หุ้นบางตัวที่มีภาพในช่วง 2-5 ปีที่ดีมากแต่เพราะมันมีข่าวร้ายระยะสั้นอะไรบางอย่างรออยู่ ทำให้ตลาดเลือกที่จะทิ้งหุ้นเหล่านั้นไปก่อน เพราะตลาดจะหมกมุ่นอยู่กับข่าวในระยะสั้นเท่านั้น ตลาดคิดว่าขอเอาเงินไปเล่นตัวอื่นที่มีข่าวดีรออยู่ใกล้ๆ ก่อนแล้วค่อยกลับมาเก็บตัวนี้ใหม่ทีหลังก็ได้จึงมักเปิดช่องโหว่ให้นักลงทุน แบบ Blue Ocean เข้าไปเก็บหุ้นเหล่านี้ได้เสมอแบบไม่ต้องรีบร้อน

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘