บริหารความสุขในชีวิตแบบ VI

หลังจากการใช้ชีวิตแบบ Value Investor ที่มุ่งมั่นมานาน และได้สังเกตเห็นชีวิตของคนอื่นๆ รวมทั้งทบทวนความหลังของตนเอง ผมก็พบว่า ความสุขของคนเรานั้น บางทีอาจจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจครั้งสำคัญๆ ในชีวิตไม่กี่เรื่อง นั่นก็คือ ถ้าตัดสินใจถูกต้อง ชีวิตเราอาจจะง่ายขึ้น สะดวกขึ้น มีความสุขมากขึ้น ถ้าตัดสินใจผิด เราอาจจะลำบากขึ้น มีความสุขน้อยลง และก็ไม่รู้จะแก้อย่างไร ว่าที่จริงเราอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าเราตัดสินใจผิด และทำให้ความสุขของเราน้อยกว่าที่ควรจะเป็น และต่อไปนี้คือการตัดสินใจครั้งสำคัญๆ ในชีวิตที่เราควรจะคำนึงถึง แน่นอน มันเป็นแนวความคิดแบบ VI ของผมเอง ซึ่งอาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคน แต่ถ้าคุณนำไปคิดก่อนตัดสินใจ มันก็คงจะช่วยให้ความสุขของคุณมากขึ้น โดยเฉพาะในระยะยาว
เรื่องแรกก็คือ การเรียน โดยเฉพาะในระดับมหาวิทยาลัย สิ่งที่ผมคิดว่าเป็นปัญหาสำหรับเด็กจำนวนมาก ก็คือ หลายคนเรียนในสิ่งที่ตนเองไม่ชอบหรือไม่มีความถนัด แต่เรียนในคณะที่ตนเองสามารถ "ทำคะแนนถึง"
ดังนั้น สำหรับหลายๆ คนแล้ว เขาต้องเข้าไปเรียนในวิชาที่ตนเองไม่ชอบ และบางคนก็เป็นคนที่เรียนด้อยกว่าเพื่อนในชั้น เพราะคะแนนของตนเองนั้นอยู่ในลำดับท้ายๆ ของคณะที่ตนเองเข้าเรียน การที่ต้องเรียนในวิชาที่ตนเองไม่ชอบหรือไม่ถนัด หรือเรียนแล้วได้คะแนนต่ำต้องดิ้นรน เพื่อความอยู่รอดเป็นสิ่งที่ทำให้ความสุขของการเรียน และชีวิตการทำงานในอนาคตสูญเสียไปอย่างมาก
ข้อแนะนำ ของผมก็คือ พยายามเลือกเรียนในวิชาที่ตนเองชอบ เรียนแล้วมีความสุขหรือไม่ทุกข์ นอกจากนั้นเรียนแล้วรู้สึกว่าง่าย ถ้ายังนึกไม่ออก ก็อาจจะดูจากคะแนนแอดมิชชั่นว่า คะแนนของเราควรจะอยู่ในระดับสูงของคณะที่รับ ทำได้แบบนี้ชีวิตเราจะเริ่มต้นด้วยความสุข
เรื่องต่อมาคือ การทำงาน ถ้าจะให้มีความสุข ผมคิดว่าเรา ต้องหลีกเลี่ยงการทำงานที่มีความเครียดสูง การทำงานที่มีการกำหนดเป้าหมายสูง แต่บริษัทหรือกิจการ มีปัจจัยสนับสนุนน้อย หรือเป็นบริษัทระดับรองนั้น มักจะทำให้เราต้องออกแรงมากกว่าปกติและเกิดความเครียด พยายามหางานที่เราทำแล้วรู้สึกว่าง่าย และมีความสุข แต่ไม่ใช่งานที่ทำแล้วรู้สึกเบื่อไม่ท้าทาย บางคนบอกว่างานแบบที่ว่านั้น ไม่มีหรือมีก็ไม่ทำเงิน ถูกครับ แต่ถ้าเราพยายามหา เราก็อาจจะเจองานที่เหมาะกับเราจริงๆ เราชอบ และเมื่อทำแล้วเราก็จะทำได้ดี ในที่สุดเงินก็จะตามมา
นี่ก็คงจะเหมือนกับการหาหุ้นลงทุนที่คนมักจะบอกว่า หุ้นดีราคาถูก นั้น ไม่มี แต่ถ้าเราตั้งใจหาจริงๆ เราก็อาจจะเจอ และเมื่อเจอแล้ว เราก็มีความสุข ว่าที่จริง ถ้าเราทำงานแล้วรู้สึกว่าเครียด บางทีนั่นก็เพียงพอที่จะบอกแล้วว่า มันไม่ใช่งานที่ดี และจะทำให้เรามีความสุขได้ในระยะยาว
เรื่องที่สามคือ การตัดสินใจในการซื้อทรัพย์สินรายการใหญ่ ที่คนจำนวนมาก อาจจะไม่ได้คิดอย่างถี่ถ้วน ในผลกระทบระยะยาวของมัน นั่นก็คือ รถยนต์กับบ้าน ในกรณีของบ้านนั้น ผมคิดว่าทำเลของบ้านเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด การที่บ้านอยู่ไกลจากที่ทำงานมาก และไม่มีรถไฟฟ้าผ่านจะทำให้เราต้องเสียเวลา และเงินทองมากทุกวันในการเดินทาง นี่เป็นการทำลายความสุขมหาศาล เมื่อเทียบกับบ้านที่อยู่ใกล้หรือติดกับสถานีรถไฟฟ้า
บางคนบอกว่าบ้านที่อยู่ไกลนั้น เป็นบ้านเดี่ยวมีบริเวณ และมีสภาพแวดล้อมที่ดีกว่าคอนโดหรือทาวน์เฮ้าส์ แต่ผมคิดว่าไม่คุ้มกับเวลาที่เสียไป แนวทาง การเลือกบ้านที่จะให้ความสุขในระยะยาวได้ ก็คือ หนึ่ง ซื้อบ้านที่มีห้องพอดีกับสมาชิกครอบครัวของเราในอนาคต อย่าซื้อบ้านที่ใหญ่เกินไป สอง ซื้อบ้านในทำเลที่ติด หรือใกล้กับระบบขนส่งมวลชนที่เป็นรถไฟฟ้า อย่าให้ระยะทางเกิน 500 เมตรซึ่งเป็นระยะทางที่เราจะเดินได้อย่างสบาย สาม บ้านควรอยู่ใกล้กับสวนสาธารณะ ระยะห่างไม่ควรเกิน 1 กิโลเมตร ถ้าได้บ้านแบบนี้ ผมคิดว่า ชีวิตประจำวันของเรา จะมีความสุข
รถยนต์นั้น ถ้าเรามีบ้านที่อยู่ใกล้ระบบรถไฟฟ้า เราก็อาจจะไม่จำเป็นต้องมีมากนัก แต่ถ้าจะมี ผมคิดว่าเราไม่ควรจะลงทุนกับมันมากเกินไป ถ้ารายได้เราไม่มาก เราก็อาจจะซื้อรถเก่า และในทุกกรณี ผมคิดว่ารถญี่ปุ่นที่เป็นรถที่คนนิยมกันเป็นรถที่ให้คุณค่าสูงที่สุด เมื่อเทียบกับเงินที่เราใช้ การใช้รถยนต์ นั้น อย่าไปดูแลมันมาก ถ้ามันจะมีรอยขีดข่วนบ้าง หรือสะอาดน้อยลงมาหน่อย ก็ไม่ควรจะใส่ใจมากนัก เพราะในชีวิตประจำวัน เรามีเรื่องที่จะต้องทำมากมายอยู่แล้ว
คู่ครองเป็นเรื่องสำคัญที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง ที่จะทำให้ชีวิตเรามีความสุขมากหรือน้อย ดังนั้น สำหรับคนที่ยังไม่มีคู่ การมองหาคู่ครองที่ดี เป็นเรื่องที่สำคัญมากที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิตของเรา เรื่องของฐานะทางการเงินเป็นองค์ประกอบหนึ่ง แต่ผมคิดว่ามันไม่ได้สำคัญมากเท่ากับที่คนทั่วไปคิด ความมั่งคั่งของคนนั้น สำหรับผมแล้วมักจะไม่ใช่เงินที่พ่อแม่มี แต่เป็นเรื่องของทรัพยากรมนุษย์ นั่นก็คือ ตัวของเขาเอง ผมคิดว่าถ้าคนมีความรู้ความสามารถสูง และมีทัศนคติที่ดีในไม่ช้าเขาก็มักจะมีเงินหรือร่ำรวยขึ้น และอาจจะร่ำรวยกว่าคนที่อาจจะมีฐานะทางบ้านที่ดี แต่ความสามารถด้อยกว่า นี่ก็คงเหมือนหุ้นที่ดีและโตเร็วที่มักให้ผลตอบแทนสูงกว่าหุ้นที่มีทรัพย์สมบัติมาก แต่กิจการไม่มีจุดเด่นหรือเก่งเท่า
นี่ก็พูดถึงเรื่องทางการเงิน แต่คู่ครองที่จะทำให้ชีวิตมีความสุขอีกข้อหนึ่งก็คือ คู่ครองควรมีคุณสมบัติที่เสริมซึ่งกันและกัน หรือเป็นที่พึ่งของกันและกันได้
สุดท้ายก็คือ เรื่องของ การลงทุน ผมคิดว่าคนที่จะมีความสุขในระยะยาวได้มากกว่านั้น จำเป็นที่จะต้องลงทุน และเข้าใจการลงทุนอย่างน้อยก็ในระดับหนึ่ง เพราะว่าในระยะยาวแล้ว คนที่ลงทุนเป็นและสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่า แม้จะเพียงปีละ 2-3% ก็จะสามารถสะสมความมั่งคั่งได้มากกว่า คนที่ไม่สนใจการลงทุนได้มหาศาล เมื่อเวลาผ่านไปเป็นสิบๆ ปี หรือหลายสิบปี ความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่องนั้น ผมคิดว่าเป็นแหล่งของความสุขที่สำคัญ มันทำให้เรารู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าอายุเราจะมากขึ้นซึ่งตรงกันข้ามกับคนที่แก่ตัวลง โดยที่ยังไม่รู้ว่าจะอยู่อย่างไรกับเม็ดเงินที่มีอยู่น้อยนิด
บางคนอาจจะบอกว่าไม่กล้าลงทุน โดยเฉพาะในตลาดหุ้น เพราะกลัวความเสี่ยง แต่ข้อเท็จจริง ก็คือ เขาอาจจะไม่เคยลอง หรืออาจจะลองมาไม่ยาวพอหรือที่ร้ายกว่าก็คือ ใช้วิธีการลงทุนที่ผิด การลงทุนที่ถูกต้องนั้น ถึงแม้จะมีความเสี่ยงบ้าง แต่ก็เป็นความเสี่ยงที่รับได้ ว่าที่จริงในชีวิตคนเรานั้น เราต้องรับความเสี่ยงอื่นมากมายอยู่แล้ว ความเสี่ยงเหล่านั้น มีมากกว่าการลงทุนในตลาดหุ้นมาก ดังนั้น เราจึงควรรับความเสี่ยงจากการลงทุนในตลาดหุ้น เพราะผลตอบแทนของมันนั้น "คุ้มค่า"

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘