Value Investor Practice Makes Permanent

ข้อแรกก็คือ กอล์ฟนั้นเป็นกีฬาที่สามารถเล่นไปได้จนแก่ เพราะกอล์ฟไม่ใช่กีฬาหนัก แต่เป็นกีฬาที่เล่นไปเรื่อยๆ ใช้เวลานาน และเล่นตามกำลังของคนเล่น นี่ก็เช่นเดียวกับหุ้นที่เราสามารถเล่นหรือลงทุนไปได้เรื่อยๆ จนแก่ ความเสียเปรียบ และข้อจำกัดเนื่องจากคนเล่นอายุมากนั้นมีน้อย ว่าที่จริงกอล์ฟนั้นมักจะเป็นกีฬาชนิดสุดท้ายของคนจำนวนมาก ที่พยายามออกกำลัง เพื่อให้ร่างกายของตนเองแอ็คทีฟไปให้นานที่สุด ซึ่งก็คงไม่ต่างไปจากหุ้น ที่น่าจะช่วยให้สมองของเราแอ็คทีฟไปจนเกือบหมดอายุขัย ผมเองคิดว่าคนลงทุนที่มีอิสรภาพทางการเงิน และเกษียณจากการทำงานประจำแล้ว น่าจะพิจารณาเล่นกอล์ฟเป็นงานอดิเรกด้วย
ข้อสองที่ทำให้กอล์ฟคล้ายกับหุ้นก็คือ เกมกอล์ฟนั้นว่ากันว่า เป็นเกมที่เราแข่งกับตัวเอง คือ เป็นเกมที่คนเก่ง และคนที่ไม่เก่งมาเล่นในก๊วนเดียวกันได้ การวัดผลงานนั้น มักจะวัดเปรียบเทียบกับสถิติเดิมของตนเองเป็นหลักเช่นเดียวกัน การลงทุนในหุ้นนั้นสิ่งสำคัญก็คือ เราจะต้องสู้กับตนเอง เราไม่ได้ไปแข่งกับคนอื่น เราเพียงแต่พยายามสร้างผลตอบแทนการลงทุนที่ดี และน่าพอใจสำหรับตัวเราเองเท่านั้น
เกมกอล์ฟนั้น เขาบอกว่าเราไม่ควรตีลูกตามความถนัดหรือความรู้สึกของตนเอง แต่ควรตีลูกตามตำรา ตามวงสวิงที่ถูกต้อง พูดง่ายๆ อย่าไปคิดเอาเอง แต่ควรทำตามที่โปรกอล์ฟสอน ในเรื่องของการลงทุนในหุ้นก็เช่นกัน การเล่นหุ้นโดยอาศัยความรู้สึก หรือเล่นตามความคิดของตนเองนั้น ยากที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้ หลักการ และเทคนิคการลงทุนต่างๆ ที่ปรมาจารย์หลายๆ ท่านได้เคยบอกไว้นั้นถูกต้อง และดีอยู่แล้ว อย่าพยายามคิดอะไรใหม่ ๆ ที่ยังไม่มีข้อพิสูจน์ว่าดีจริง ประเด็นสำคัญที่ต้องระวังก็คือ ในเรื่องของหุ้นนั้น มีปรมาจารย์เทียมอยู่มากมาย การปฏิบัติตามวิธีที่อาจจะไม่ถูกต้องของปรมาจารย์เทียมจะไม่ทำให้ประสบความสำเร็จได้
ข้อสี่ เรื่องของกอล์ฟนั้น สมาธิในการตีลูกมีผลมากต่อความสำเร็จของเกม การตีกอล์ฟที่ดีนั้น อย่ารีบร้อนหรือตีแรงเพื่อหวังให้ลูกไปไกล เพราะการทำแบบนั้นจะทำให้ลูกมีโอกาสเข้าป่ามากขึ้น กลยุทธ์ที่ถูกต้องสำหรับนักเล่นมือสมัครเล่นก็คือ ควรตีเบา และให้ลูกวิ่งไปตรงๆ จะดีกว่า นี่ก็ไม่ต่างไปจากหุ้นที่เราไม่ควรเล่นเร็วหรือเล่น "แรง" นั่นคือ การลงทุนในหุ้นไม่ควรรีบร้อนซื้อหุ้นที่กำลังฮอตหรือทุ่มซื้อหุ้นแบบได้เสียเพียงตัวเดียว แต่ควรลงทุนแบบระมัดระวัง ใจเย็น และเน้นความปลอดภัยจะดีกว่า นักกอล์ฟที่ตีลูกไม่ไกลแต่ตีได้ตรงมักจะเอาชนะนักกอล์ฟที่ตีไปไกลแต่ทิศทางไม่แน่นอน ฉันใด นักลงทุนที่ใจเย็น ลงทุนแบบค่อยเป็นค่อยไป ย่อมสามารถเอาชนะนักลงทุนที่ใจร้อน หวังผลเลิศ ฉันนั้น
สุดท้ายที่ผมคิดว่าการเล่นกอล์ฟกับการเล่นหุ้นนั้นมีความคล้ายคลึงกันมากก็คือ คำพูดจากโปรกอล์ฟชื่อดังคนหนึ่งซึ่งพูดว่า Practice does not make perfect, practice makes permanent. ซึ่งแปลว่า การซ้อมตีกอล์ฟมากมายนั้น ไม่ได้ทำให้การตีกอล์ฟดีสุดยอดไม่มีที่ติอย่างที่เข้าใจ แต่การซ้อมมากมายนั้นจะทำให้วิธีตีของเรานั้นติดตัวเราตลอดไป และถ้าวิธีที่เราซ้อมนั้นเป็นวิธีที่ผิด เราจะไม่สามารถแก้วงสวิงให้ถูกต้องได้
การลงทุนซื้อขายหุ้นนั้น ถ้าเราทำโดยเทคนิคหรือหลักการที่ไม่ถูกต้องตั้งแต่เริ่ม และเราก็ปฏิบัติมานาน ประสบการณ์การซื้อขายด้วยวิธีการดังกล่าวจะไม่ทำให้การลงทุนของเราดีขึ้น แต่มันกลับทำให้เราติดนิสัย และชินกับวิธีการนั้นจนแก้ไม่ได้ ดังนั้น การมีประสบการณ์การลงทุนมานานจึงอาจไม่ทำให้เราเก่งขึ้นเลย ตรงกันข้าม ยิ่งมีประสบการณ์มากก็ยิ่งทำให้การปรับวิธีการลงทุนให้ถูกต้องทำได้ยากขึ้น
ด้วยเหตุดังกล่าว นักกอล์ฟที่ดีจะต้องเริ่มจากวิธีการที่ถูกต้อง แล้วจึงปฏิบัติและฝึกซ้อมไปตามนั้น ผลที่ได้ออกมาจึงจะดีอย่างไม่มีที่ติ เช่นเดียวกัน การลงทุนซื้อขายหุ้นนั้น หลักและวิธีการที่ถูกต้องต้องมาก่อน การปฏิบัติหรือประสบการณ์ที่ตามมาถึงจะเป็นประโยชน์ และผลงานที่ตามมาจะน่าประทับใจ ประสบการณ์ที่ผิดๆ ทั้งในเรื่องของกอล์ฟ และการลงทุนในหุ้นนั้นไม่มีประโยชน์ แต่มันกลับเป็นโทษที่ทำให้การแก้ไขทำได้ยาก
เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ แต่ผมพบว่า Value Investor หนุ่มๆ ที่เริ่มจากหลักการ และวิธีที่ถูกต้องหลายคน สามารถสร้างผลงานที่โดดเด่นมากทั้ง ๆ ที่มีประสบการณ์การลงทุนมาเพียงไม่กี่ปี ในขณะคนที่ "คร่ำหวอด" ในวงการหุ้นหลายคนกลับไม่สามารถสร้างผลงานที่เปรียบเทียบกันได้ ผมเองเชื่อว่า ในเรื่องของหุ้นนั้นก็เช่นเดียวกับเรื่องของกอล์ฟ นั่นคือ Practice นั้นไม่ได้ Make Perfect แต่ Practice นั้น Make Permanent

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘