Tuesday, June 27, 2006 เริ่มก่อนได้เปรียบ

มีคนอยู่ 2 คน ชื่อ พล กับ บอย ทั้งคู่เล่นหุ้นมามาเป็นเวลา 2 ปีเท่าๆกัน ที่ผ่านมาก็มีทั้งกำไรและขาดทุนสลับกันไป แต่จะหนักไปทางขาดทุนซะมากกว่า มีคนแนะนำให้ทั้งคู่หันมาศึกษาการลงทุนแบบ VI เพราะทำผลตอบแทนได้ดี ทั้งคู่รู้มาว่าการจะเป็น VI ที่เก่งได้ จำเป็นที่จะต้องใช้เวลาเรียนรู้มากพอสมควร

นาย พลมีเงินอยู่ประมาณ 1 แสนบาท และคิดว่าตัวเองมีเงินไม่มาก จึงคิดว่าการเรียนรู้การเป็น VI นั้นไม่คุ้มค่ากับเวลาที่เค้าจะต้องเสียไป เพราะต่อให้เป็น VI ที่เก่งมากอย่างไร ได้ผลตอบแทนซัก 30% เค้าก็จะกำไรเพียง 3 หมื่นบาทเท่านั้น พลตัดสินใจว่าถ้าเค้ามีเงินถึง 5 แสนเมื่อไหร่ เค้าจึงจะหันมาศึกษาการลงทุนแบบเน้นคุณค่าอย่างจริงจัง

นาย บอยมีเงินเท่ากับพล 1 แสนบาท และคิดว่าตัวเองมีเงินไม่มากเช่นกัน แต่บอยมองระยะยาวกว่า เค้ามองว่าถ้าเค้าไม่เริ่มต้นเรียนรู้ตั้งแต่วันนี้ โอกาสที่เค้าจะมีเงินมากพอที่จะคุ้มค่ากับการศึกษา VI คงเป็นไปได้ยาก และถ้าเค้าทำผลตอบแทนได้ซัก 30% ต่อปี เค้าจะมีเงิน 5 แสนภายใน 6 ปี

เวลา ผ่านไป 6 ปี นายพลยังคงเป็นนักเก็งกำไรรายวัน เล่นหุ้นไปตามข่าว ตามโวลุ่ม port ของพลมีมูลค่าประมาณ 1 แสนบาทเหมือนเดิม ใขขณะที่นายบอยใช้เวลาศึกษา VI มานานถึง 6 ปี เค้ากลายเป็นนักลงทุนเน้นคุณค่าฝีมือดีคนหนึ่ง และมีพอร์ทประมาณ 5 แสนบาท และถ้าเค้ายังรักษาระดับผลตอบแทนใกล้เคียงกับ 6 ปีที่ผ่านมาของเค้าได้ อีก 6 ปีข้างหน้าเค้าจะมีพอร์ทใหญ่ถึง 2.3 ล้าน

ในมุมมองของผม ความสำเร็จของ VI วัดกันที่ 2 ปัจจัยหลักๆคือ
  1. ฝีมือ (ผลตอบแทนที่ทำได้)
  2. ระยะเวลาในการลงทุน
นัก ลงทุนมือใหม่ที่อาจจะมีผลตอบแทนต่อปีไม่มาก ก็สามารถแซงนักลงทุนที่ทำผลตอบแทนดีได้ ถ้ามีระยะเวลาลงทุนที่นานกว่า เพราะฉะนั้นถ้ารู้แล้วว่าตัวเองยังฝีมือไม่ดี อย่างน้อยเริ่มก่อนก็ได้เปรียบนะครับ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘