Season Change

เรื่องของการลงทุนนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ในช่วงเวลาหนึ่งสิ่งหนึ่งอาจจะดีเป็นที่นิยม สามารถสร้างผลตอบแทน ให้แก่ผู้ลงทุนอย่างมหาศาล แต่แล้วสิ่งนั้นก็เริ่มเปลี่ยนไป สิ่งที่ดีๆ กลายเป็น "นางฟ้าตกสวรรค์" คนที่ลงทุนขาดทุนป่นปี้ สิ่งที่ไม่เคยมีใครสนใจไม่ให้ผลตอบแทนที่ดี กลับกลายเป็นพระเอกที่ผู้คนตื่นเต้น และต่างเห็นว่ามันคือสุดยอดของการลงทุน "ฤดูกาล" ที่เปลี่ยนแปลงไปในตลาดหุ้นนั้นไม่มีที่สิ้นสุด คนที่สามารถคาดการณ์ หรือมองเห็น "ฤดูกาล" ที่กำลังเปลี่ยนไปก่อนคนอื่นจะสามารถทำกำไรในตลาดหลักทรัพย์มหาศาล อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมองได้ถูกต้องตลอดไป สิ่งที่เป็นไปได้มากกว่าก็คือ คนบางคนมองฤดูกาลบางอย่างได้ดีกว่าคนอื่น และนั่นคือหนทางสร้างความร่ำรวยของเขา ลองมาดูกันว่ามีฤดูกาลอะไรบ้างที่เปลี่ยนไปเรื่อยตามเวลาที่เปลี่ยนไป
ฤดูกาลแรกที่คนสนใจกันมากที่สุดนั้น แน่นอน คือฤดูกาลของตลาดหมีหรือตลาดกระทิง ในภาวะตลาดกระทิงนั้น คนส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดในตลาดหุ้นมักจะได้กำไรกันทั่วหน้า ถ้าเดาถูกว่าตลาดกระทิงกำลังมา สิ่งที่ควรจะทำก็คือ การทุ่มซื้อหุ้นให้มากที่สุด และถ้าจะให้ดีขึ้นไปอีกก็คือ การซื้อหุ้นที่มีลักษณะเก็งกำไรสูงราคาหุ้นขึ้นลงแรง อย่างเช่นหุ้นของบริษัทหลักทรัพย์ หรือบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหุ้นไทย วิธีนี้คุณจะได้กำไรดีที่สุด โดยที่แทบไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องพื้นฐานของกิจการมากนัก ตรงกันข้าม ถ้ามันกำลังกลายเป็นตลาดหมี สิ่งที่ควรทำมากที่สุดก็คือการขายหุ้นทิ้งให้หมด และเก็บเป็นเงินสด หรือลงทุนในพันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนค่อนข้างแน่นอน รอจนฤดูกาลเปลี่ยนแล้วจึงเข้าตลาดหุ้นใหม่
ฤดูกาลแบบที่สอง ก็คือ ฤดูกาลของกลุ่มอุตสาหกรรมหรือธุรกิจ นี่คือช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมบางอย่าง กำลังเติบโตมากผิดปกติด้วยเหตุผลบางอย่าง ตัวอย่างที่เด่นชัดที่สุดที่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้นั้นเห็นจะไม่ต้องพูดถึงว่า มันคือกิจการผลิตพลังงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือน้ำมันและโลหะหายากบางอย่างเช่นทอง ในส่วนของภาคบริการ ก็เป็นเรื่องของธุรกิจขนส่งทางเรือ และสำหรับบางคนก็คือธุรกิจโรงพยาบาลและค้าปลีก คงไม่ต้องพูดว่า คนที่คาดการณ์และลงทุนในฤดูกาลของอุตสาหกรรมที่ถูกต้องนั้น ได้กำไรไปมากแค่ไหน เพราะหุ้นหลายตัวในกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวได้ปรับตัวขึ้นไปหลายเท่าภายในเวลาไม่กี่ปี ประเด็นที่ต้องระวังก็คือ เมื่อไรจะถึงเวลาสิ้นสุดของฤดูกาล เพราะการถือหุ้นข้ามฤดูกาลนั้น ผลลัพธ์อาจจะเสียหายรุนแรงกว่าที่คาด
ฤดูกาลอีกแบบหนึ่งที่น่าสนใจก็คือสิ่งที่น่าจะเรียกว่าสไตล์ของการลงทุน นี่คือช่วงเวลาที่สไตล์ของการลงทุนแบบหนึ่ง จะให้ผลตอบแทนดีกว่าสไตล์อีกแบบหนึ่ง พูดให้เข้าใจง่ายก็คือ มันเป็นฤดูกาลของการลงทุนแบบ Growth Investment หรือเป็น Value Investment หรือเป็นสไตล์แบบเก็งกำไรล้วนๆ การมองฤดูกาลแบบนี้ในเมืองไทยอาจจะดูเป็นเรื่องใหม่ เพราะนักลงทุนที่เล่นหุ้นหรือลงทุนอย่างมีสไตล์ในบ้านเรายังมีน้อย อย่างไรก็ตาม คนที่เล่นหุ้นตามสไตล์ก็เริ่มมีมากขึ้น และเมื่อถึงจุดหนึ่ง เราก็พอจะบอกได้ว่า ฤดูกาลในตลาดนั้น กำลังเป็นฤดูกาลของหุ้นแบบไหน ในขั้นนี้ ถ้าจะให้ผมพูดจากประสบการณ์สั้นๆ ในช่วงปีสองปีนี้ ผมรู้สึกว่า Value Investor ที่เน้นหุ้นที่โตเร็วน่าจะทำผลงานได้ดีเยี่ยม มองจากราคาหุ้นเน้นคุณค่าที่โตเร็วหลายๆ ตัว ส่วนการเก็งกำไรนั้น ดูเหมือนจะยังไม่ถึงฤดูของมัน
ฤดูกาลที่ต่อเนื่องจากเรื่องของสไตล์ก็คือเรื่องของขนาดของบริษัท เมื่อ 2-3 ปีก่อนนั้น เราต้องบอกว่าเป็นฤดูกาลของหุ้นใหญ่ ที่เป็นบลูชิพ มาถึงปีนี้ ดูเหมือนว่าหุ้นใหญ่จะเริ่มชะลอตัวมันอาจจะหมายถึงการเปลี่ยนฤดูกาลไปสู่หุ้นเล็ก เพราะหุ้นเล็กจำนวนมากมีการปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นซึ่งทำให้คนที่เล่นหุ้นเล็กหลายๆ คนทำกำไรในตลาดหุ้นได้อย่างงดงามในขณะที่ดัชนีตลาดแทบไม่ขยับจากระดับเมื่อสิ้นปีที่แล้ว
ฤดูกาลที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งแต่มีการพูดถึงน้อยก็คือฤดูกาลของบริษัทเอง ผมกำลังพูดถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในบริษัท และการเปลี่ยนนั้น มีผลระยะยาวพอสมควรซึ่งมักจะเกิดจากเหตุผล 2 อย่าง อย่างแรกก็คือ วัฏจักรธุรกิจของบริษัท ที่กำลังเปลี่ยนไปจากเลวร้ายเป็นดี และกลับไปเลวร้ายใหม่ ไม่ว่าจะเป็นวงจรที่ตามภาวะอุตสาหกรรม หรือเป็นของบริษัทเอง ฤดูกาลอย่างที่สองก็คือ การเปลี่ยนแปลงในพื้นฐานของกิจการ นี่คือการเปลี่ยนแปลงสำคัญเนื่องจากสาเหตุบางอย่าง ที่ทำให้บริษัทเปลี่ยนแปลงไปอย่างถาวร จากร้ายเป็นดีหรือจากดีเป็นร้าย เมื่อเปลี่ยนไปแล้วมันจะคงอยู่ นานกว่าการเปลี่ยนฤดูกาลแบบอื่นๆ และผลของการเปลี่ยนแปลงนี้ จะมีผลกระทบต่อราคาหุ้นมหาศาล และเราแทบไม่ต้องรอฤดูกาลใหม่เลย
การลงทุนโดยปรับเข้ากับฤดูกาลนั้นเป็นศิลปะที่ต้องการความชำนาญสูงมาก คนส่วนใหญ่มักจะลงทุนผิดฤดูกาล นั่นคือ มักจะเข้ามาลงทุนหนักมากตอนปลายฤดูโดยไม่ได้ตระหนักว่าฤดูนั้นใกล้สิ้นสุดแล้ว การถือหุ้นข้ามผ่านฤดู บางทีก็ไม่ได้ทำให้เสียหายอะไรนัก แม้ว่าผลตอบแทนจะไม่โดดเด่น แต่ในหลายกรณีก็ทำให้เสียหายหนักได้เหมือนกัน โดยเฉพาะถ้ามันเป็นฤดูที่อากาศรุนแรง วิธีที่ดีกว่าก็คือ การพยายามหาหุ้นที่อยู่ได้ในทุกฤดูกาลที่อาจจะเรียกว่าเป็น Stock for All Season นั่นคือ หุ้นที่มีความสามารถในการทำกำไรสูงอย่างยั่งยืนที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล เพราะหุ้นแบบนี้มักจะไม่ตกฤดู

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘