Monday, July 03, 2006 หุ้นตัวแรกในชีวิต

หุ้นตัวแรกในชีวิตที่ผมซื้อคือเป็นหุ้น GFPT ทำธุรกิจชำแหละไก่ขาย คล้ายๆ CP แต่ว่าขนาดเล็กว่ากันเยอะ หุ้นตัวแรกผมซื้อหลังจากที่รู้จักเรื่องการลงทุนมาได้ประมาณครึ่งปี ก่อนที่จะมาเป็นหุ้นตัวนี้ได้ ผมเริ่มจากการที่อ่านหนังสือตีแตก ในหนังสือมีบอกถึงวิธีการเลือกหุ้นหลายแบบ แต่ในช่วงแรกผมยังไม่เข้าใจมาก เลยได้แต่หยิบยกเฉพาะเรื่องง่ายๆในหนังสือมาใช้ ก็คือการเลือกซื้อหุ้นราคาถูก โดยวัดเอาจาก P/E P/BV และ Dividend Yield เป็นหลัก ผมเปิดหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจเล่มที่เป็นการเงินการลงทุน เปิดหน้ากลางออกมาไล่หาหุ้นที่มี PE ต่ำกว่า 6 มี PBV ไม่เกิน 1 และ Yield เกิน 5% ตัวเลขเหล่าผมลองสมมติขึ้นมาเองโดยประมาณเพื่อทำให้หุ้นที่ผมจะเลือกนั้น น้อยลง เหมือนเป็นการใช้ตะแกรงร่อนหุ้นให้น้อยลงจะได้เลือกได้ง่ายขึ้น

หุ้น ที่ผ่านตะแกรงร่อนหุ้นมามีอยู่ประมาณ 10 ตัวได้ ผมก็เลือกต่อโดยดู PE PBV และ Yield เหมือนเดิม ก็เห็นว่าหุ้นที่ดูแล้วน่าจะมีราคาถูกที่สุดก็คือ GFPT หุ้นไก่นั้นเอง .. ก็ตาม step ครับก่อนจะลงทุนต้องเข้าใจธุรกิจนั้นๆให้ได้ก่อน ผมไป Download file 56-1 จากเวป กลต. มานั่งอ่านจนเข้าใจธุรกิจของหุ้นได้ระดับนึง ส่วนงบการเงิน ในตอนนั้นผมอ่านไม่ค่อยเป็นครับ ก็เอามานั่งๆดู ลองคิดพวก ratio หลายๆตัวตามหนังสือตีแตก แต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจในความหมายเท่าไหร่ ... แต่ก็หลอกตัวเองว่าหุ้นตัวนี้น่าจะเป็นหุ้นที่ดี ธุรกิจขายไก่เป็นธุรกิจอาหาร เลยคิดเข้าข้างตัวเองต่อว่าอาหารเป็นปัจจัย 4 ยังไงคนก็ต้องกินอยู่เรื่อยๆ เพราะฉะนั้นธุรกิจน่าจะดี ว่าแล้วก็ตัดสินใจซื้อหุ้นเป็นสัดส่วนประมาณ 50% ของเงินสดที่ผมมีอยู่

ซื้อ หุ้นมาหุ้นละ 40 บาท ในช่วงแรกๆผมก็ดีใจใหญ่เลยครับ หุ้นค่อยๆขยับขึ้นไปอย่างช้าๆจาก 40 ไปสูงสุดถึง 48 บาท ผมเองก็ไม่ขายเพราะคิดว่าเราเป็นนักลงทุนระยะยาว ต้องถือไว้นานๆ .... ผมถือจนถึงเวลาที่งบการเงินประกาศออกมา (ซึ่งตอนนั้นผมยังไม่รู้เลยว่างบการเงินเค้าประกาศกันตอนไหน) หุ้น GFPT ราคาไหนลงจาก 48 มาอยู่ที่ประมาณ 40 บาท ผมเองก็ยังไม่รู้สาเหตุว่าทำไมหุ้นลงแรงจัง แต่ยังคิดต่อว่าไม่มีอะไรหรอก จะเป็น VI ต้องจิตใจมั่นคง ผมยังคงหลอกตัวเองต่อไป .. เวลาผ่านไปไม่นานหุ้นก็ไหลลงมาเรื่อยๆ จาก 40 39 38 36 ผมเข้าไปอ่านเวปบอร์ด Taladhoon (ตอนนี้กลายเป็นเวปล้างไปแล้ว) เริ่มมีคนพูดถึง GFPT กันมากขึ้น เค้าบอกว่ากิจการกำไรหดลงอย่างมากจากการกีดกันการค้า และแนวโน้มธุรกิจกำลังแย่จากรายได้ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องติดกันถึง 4 ไตรมาส รู้ถึงขนาดนี้แล้ว ผมก็ยังไม่ได้ขายหุ้นเพราะยังหวังว่ายังก็น่าจะได้ปันผล ซึ่งปกติจ่ายกันประมาณ 50% ของกำไร ซึ่งก็คิดเป็น % ที่สูงพอใช้ได้ ราคาหุ้นยังคงลงต่อไป 36 35 34 33 32 ... ในเวปบอร์ดยังคงพูดกันต่อว่า GFPT ไม่น่าจะมีเงินพอที่จะจ่ายเงินปันผล เพราะว่าแทบจะไม่มีเงินสดเหลืออยู่ในบริษัท หนี้สินระยะก็ยังมีที่จะต้องจ่าย .. ถึงตอนนั้นผมเห็นท่าจะไม่ได้แล้ว ธุรกิจที่คิดว่าจะดีก็ไม่ดี เงินปันผลที่น่าจะได้ ก็มีแนวโน้มที่จะไม่ได้ ผมขายหุ้นไปที่ราคาประมาณ 28 บาท จนหมด ขาดทุนไปประมาณ 30% ได้ ... เป็นบทเรียนการลงทุนที่เจ็บปวดพอสมควร

หลัง จากที่ผมขายหุ้นไป บริษัทก็ประกาศเพิ่มทุนอีก 1 เท่าตัว เพราะไม่มีเงินสดเพียงพอในการทำธุรกิจ ทำให้หุ้นมีตัวหารเพิ่มขึ้นมาก ราคาก็ดิ่งลงอย่างหนัก ยังดีที่ผมตัดใจขายไปได้ ไม่งั้นคงเจ็บหนักกว่านี้ จนปัจจุบันหุ้น GPFT ก็ยังไม่ฟืนขึ้นมาจากหลุมเลยครับ

ข้อคิดที่ผมได้จากเจ้าหุ้นไก่มีหลายอย่างเลยครับ ทั้งดีและไม่ดี
- การจะซื้อหุ้นซักตัวอย่าดูเพียงแค่ตัวเลข เห็นว่าหุ้น PE PBV ต่ำ Yield สูงก็รีบเข้าไปซื้อ จริงๆแล้วตัวเลขเหล่านี้เป็นตัวเลขในอดีต การซื้อหุ้นตามตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่การลงทุนที่ฉลาดเลย จะให้ดีผมควรที่จะคาดการณ์ตัวเลขเหล่านี้ในอนาคตมากกว่าค่าในอดีต เลขที่เห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์นั่นเพียงแต่ช่วยให้เราเห็นภาพคร่าวของหุ้น เท่านั้น ไม่ใช่สิ่งที่จะใช้ตัดสินใจในการซื้อหุ้นซักตัว
- ต้องเข้าใจธุรกิจเพียงพอที่จะคาดการณ์ได้ว่าธุรกิจมีแนวโน้มอย่างไร อย่าหลอกตัวเอง อย่างคิดเอาเองคนเดียวอย่างที่ผมทำ โดยคิดเพียงแค่ว่าธุรกิจอาหารยังไงคนก็ต้องกิน รู้แค่นี้ยังไม่พอ
- เวลาดูผลการดำเนินงานควรจะดูย้อนหลังไป ในกรณีนี้ถ้าผมเข้าไปดูผลประมาณการณ์ Q1 Q2 Q3 ผมจะเห็นเลยว่ารายได้และกำไรมีแนวโน้มลดลงอย่างชัดเจน
- ถ้าคิดจะลงทุนจริงๆควรอ่านงบการเงินให้เป็นด้วย ถ้าตอนนั้นผมอ่านงบการเงินเป็น ผมคงรู้ล่วงหน้าแล้วว่าบริษัทจะไม่มีเงินพอมาจ่ายเงินปันผล รวมทั้งยังมีเงินไม่พอในการดำเนินธุรกิจจนต้องเพิ่มทุนด้วย
- หุ้นตัวแรกในชีวิตผมก็ลงทุนมากถึง 50% ของ port ซึ่งนับว่าเสี่ยงมาก การที่เราจะลงทุนหุ้นในสัดส่วนที่มากขนาดนี้ได้ เราควรมีความมั่นใจสูงมากๆในหุ้นตัวนั้นๆว่ามีคุณภาพดี มีราคาถูก ไม่ใช่รู้แบบคลุมเครือแบบผม แต่เล่นซัดซะเต็มเหนี่ยว ผลลัพธ์ก็คือขาดทุนหนัก
- ในเวปบอร์ดมีคนเตือนผมหลายหน แต่ผมกลับไม่สนใจเพราะเห็นว่าตอนนั้นหุ้นกำลังขึ้น คนที่ post คงไม่รู้จริง ....

บทเรียนวันนั้นมีค่ามากๆสำหรับผม หลังจากขาดทุนจากหุ้นตัวแรก ก็ทำให้วิธีการลงทุนของผมเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ...

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘