Monday, February 12, 2007 สวนสยาม (Siam)

เริ่มต้นมาแบบนี้ไม่ได้กะจะพูดถึง สวนสยามทะเลกรุงเทพแต่อย่างใด แต่จะพูดถึงหุ้น siam ที่ผมเคยถืออยู่เมื่อประมาณกลางปีที่แล้ว หุ้นตัวนี้ต้องออกตัวไว้ก่อนว่าไม่ใช่ว่ากิจการดีมากมายอะไร จัดเป็นหุ้นเกรด C+ เท่านั้น แต่ ณ วันนั้นที่ผมซื้อเพราะเชื่อว่าราคาหุ้นที่เห็นอยู่ในกระดานนั้นมีราคาถูก เกินไป .. ถ้าเรียกตามอ. มนตรีแห่ง tvi และ bizweek ก็ต้องเรียกว่าเป็นหุ้นก้นบุหรี่ตัวหนึ่ง .. คือไม่ได้เป็นของมีคุณภาพอะไรมาก แต่เนื่องจากมันเป็นก้นบุหรี่ที่มีคนทิ้งเอาไว้ อย่างน้อยมันก็เป็นของฟรี จะหยิบมาสูบนิดหน่อยแล้วโยนทิ้งก็ไม่ได้เสียหายอะไร (แต่ถ้าเป็นของจริง ใครจะกล้าหยิบมาสูบนะ) หุ้นก้นบุหรี่นี่มีลักษณะอย่างหนึ่งคือถือนานมากไม่ได้ เพราะธุรกิจเค้าไม่ได้แข็งแรงอะไร เหมือนกับบุหรี่ที่ใกล้หมดมวน .. สูบเสร็จก็ต้องรีบทิ้งเดี๋ยวมันจะลวกมือเอา

ที่มาของชื่อหัวข้อสวน สยามก็คือ siam เป็นหุ้นที่ผมเข้าซื้อในช่วงที่บทวิเคราะห์เกือบทุกโบรกพูดเหมือนกันหมดคือ ให้ขาย .. ผมเข้าซื้อราคาประมาณ 3.96-4 บาท หลังจากซื้อไปไม่นานราคาก็ไหลลงเป็นน้ำตก .. ยิ่งลงผมก็ยิ่งซื้อ.. สวนทางชาวบ้านเค้าหมด จนหุ้นไหลลงมาเหลือ 3.3 ในเวลาประมาณอาทิตย์เดียว แต่ที่มาของการซื้อหุ้นสวนทางคนอื่นนั้นก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผลซะทีเดียว .. เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง

หุ้น siam ธุรกิจหลักของบริษัททำพวก furniture เหล็กยี่ห้อ Lucky หลายๆท่านน่าจะเคยเห็นผ่านตามาบ้าง เพราะยี่ห้อนี้อยู่คู่ไทยมานานพอดูเหมือนกัน แต่ในหลังจากออกงบ Q3 (ของบริษัทนี้ตรงกับ Q1 ของคนอื่นเค้า คือ มค-มีนา) ผมประกอบการออกมา surprise มากๆ กำไรโดดขึ้นสูงสุด .. ฐานะทางการเงินก็แข็งแกร่ง คือมีเงินสดเหลือ 800 ล้าน มีหนี้ระยะยาว 300 ล้าน เอาเงินสดไปจ่ายหนี้แล้วก็ยังเหลือคิดเป็นประมาณ 0.85 ต่อหุ้น ...

สาเหตุ การเติบโตของกำไรอย่างก้าวกระโดดนั้นมาจากการที่บริษัทได้ไปได้ทำบ้าน Knockdown จากประเทศอินโดเพื่อเอาไปเป็นที่อยู่ชั่วคราวของคนที่ประสบกับปัญหา Tsunami จำนวน 17000 หลัง โดยมีการส่งมอบไปแล้วประมาณ 10000 หลังใน Q3 .... ผมก็เลยมาคิดคำนวณเอาเล่นๆว่าถ้า Q4 รับรู้รายได้ทั้งหมด 10000 หลัง กำไรของ Q4 ก็สูงไม่ใช่เล่น ... ด้วยความบังเอิญที่ธุรกิจของที่บ้านผมส่งสินค้าให้กับบริษัทสยามพอดี แม่ผมเองเล่นหุ้นตัวนี้มาพักใหญ่แล้วกำไรไปก็ไม่น้อย เพราะที่ผ่านมา siam สั่งซื้อของจากบ้านผมเยอะมากๆ พนักงานที่ร้านทำงานกันไม่ทันต้องทำ OT กันตลอด .. ผมเองก็โง่ไปที่ไม่ทันได้สังเกตว่าเป็นหุ้นในตลาดเลยไม่ได้สนใจ (ไม่งั้นคงกำไรกว่านี้เยอะ) ..

ผมลองเช็คข้อมูลดูก็ได้ความว่าบ้าน 10000 หลังส่งไปเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นรายได้คงรับรู้ในไตรมาส 4 ได้หมด ... eps 9 เดือนประมาณ 1 บาท และไตรมาส 4 น่าจะได้อีก 0.50 บาท รวมแล้วประมาณ 1.50 ราคาหุ้นที่ผมซื้อ 4 บาท คิดเป็น pe เพียง 2.67 เท่านั้น ... เรียกว่าราคาถูกเอามากๆ .. แต่ช้าก่อนท่านทั้งหลาย .. ถ้าใครได้อ่านหนังสือของ อ.มนและเสี่ยวิบูลย์ชื่อ Valueway จะพบว่า pe ที่จัดได้ว่าเป็นกับดัก vi ตัวใหญตัวหนึ่งเลยก็ว่าได้ .. เรื่องของกำไรพิเศษนี้ ในหนังสือของดร.นิเวศน์ก็เคยพูดถึง .. ผมเองก็เคยเขียนไปตอนที่พูดถึง pe ว่าควรจะระวังการ pe กับหุ้นที่มีกำไรพิเศษ

ตอนแรกผมเองก็เกือบติดกับดักอันนี้เข้าเหมือน กัน .. (ปกติไม่เคยเล่นหุ้นที่มีกำไรพิเศษมาก่อน) เห็น pe ต่ำแทบจะอยากกระโดดเข้าใส่ .. แต่พอลองมาคิดดูดีถ้าบริษัทนี้ไม่ได้งานบ้านแบบนี้มาอย่างต่อเนื่อง .. อนาคตหลัง Q4 รายได้และกำไรก็จะลดลงสู่ที่เดิม .. หุ้นที่ซื้อไว้ตอนคิดว่าราคาถูกก็อาจจะกลับมาแพงได้เหมือนกัน ..

เลย ย้อนกลับมาคิดใหม่ให้รอบคอบมากขึ้น ... ผมเลยประเมินมูลค่าหุ้นออกมาใหม่เพื่อไม่ให้หลงกลไปกับ pe ที่ต่ำติดดินซึ่งคอยหลอกนักลงทุนให้มาติดกับอยู่ ...

ผมเริ่มจากการ แยกกำไรจากงานปกติของบริษัทและกำไรจากงานบ้าน Knockdown ออกจากกัน .. ได้ประมาณว่า eps งานปกตินั้นประมาณ 0.50 ส่วน eps ของงานพิเศษนั้นประมาณ 1 บาท ..
ผมคิด pe คร่าวให้กับบริษัทนี้ประมาณ 7-8 เท่าเพราะที่ผ่านมาก็พอจะมีอัตราการเติบโตที่ดี ฐานะทางการเงินก็แข็งแกร่งใช้ได้ แต่แทนที่จะเอา pe 7-8 เท่าไปคูณกับ eps ทั้งปีที่ 1.5 ผมแยกออกมาว่า 1 บาทนั้นไม่ใช้รายได้ที่มั่นคง
เลยเอา pe ไปคูณเฉพาะงานปกติของบริษัที่ 0.50 บาทต่อหุ้น จะได้ราคาเป้าหมายประมาณ 3.5-4 บาท ส่วนกำไรพิเศษ 1 บาทนั้นถือว่าเป็นโบนัสพิเศษที่ทำให้บริษัทมีเงินสดเพิ่มขึ้นดังนั้นมูลค่า ของ siam แทนที่จะเป็น 3.5-4 บาท ผมก็เพิ่มเงินสดจากกำไรพิเศษให้อีก 1 บาทจะได้เป็นเป้าหมายประมาณ 4.5-5 บาท .. ว่าแล้วผมก็ซื้อหุ้นตัวนี้เพิ่มเรื่อยๆเมื่อมันยิ่งไหลลงมาๆ ...

จริงๆ แล้วราคาที่ผมซื้อก็ไม่ได้ถูกอะไรมากเมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายและคุณภาพ บริษัท .. แต่สิ่งหนึ่งที่ผมยังหวังอยู่ก็คือบริษัทนั้นได้มการประมูลงานบ้าน Knockdown เพิ่มขึ้นอีก .. เพราะ Demand ของบ้านประเภทนี้มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากเหตุการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั่ว โลกไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม แผนดินไหว พายุ ฯลฯ ... ผมถือหุ้นอยู่พักใหญ่ ... จนซักพักก็มีคนเริ่มมาสนใจหุ้น siam โบรกเริ่มออกบทวิเคราะเชียร์ซื้อ บางคนก็ออกบอกวิเคราะห์ประเมินว่างานที่ประมูลเพิ่มมีโอกาสได้เท่าไหร่จะ สร้างรายได้ให้บริษัทแค่ไหน .. รายได้พิเศษนี้อาจจะกลายเป็นรายได้ประจำของบริษัทก็ได้ และจะทำให้ eps สูงๆ ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นของจริง pe ของบริษัทก็จะลดลงอย่างฮวบฮาบ ...

สิ้น เสียงเชียร์ของบทวิเคราะห์จากหลายสำนัก .. ราคาหุ้นก็วิ่งจาก 3 บาทกว่าๆ ไปถึง 3.5 3.6 3.7 4 เพียงไม่นาน .. ยิ่งขึ้นก็ยิ่งเชียร์ ยิ่งเชียร์ก็ยิ่งขึ้น .. จาก 4 บาทก็วิ่งไป 5 บาท.. จากที่ผมทำประมาณการณ์เป้าหมายไว้ 4.5-5 บาท .. พอผมเห็นหุ้นมันวิ่งไป 5 บาทผมไม่รอช้ารีบขายออกไปหมด port เพราะมันเกินเป้าหมายที่คิดเอาไว้ .. หุ้นยังคงวิ่งเกินราคาที่ผมซื้อ แต่ผมพอใจแล้วเพราะมันเกินจุดที่ผมยอมรับได้ ขายหมูไปบ้างก็ไม่เสียดายอะไร จนเวลาล่วงเลยมาถึงเดือน 2 ปี 50 .. siam ยังไม่ได้งานพิเศษเหล่านั้นเพิ่ม ผมไม่ได้กลับไปศึกษาหุ้น siam เพิ่มเติมอะไร คงจะรอจนกว่าได้ข่าวว่าบริษัทมีงานพิเศษอะไรเข้ามาอีก ถึงตอนนั้นจะกลับไปดูอีกทีก็คงไม่สาย ...

ดังนั้นฝากระวังไว้ด้วยนะ ครับ สำหรับหุ้นที่มีกำไรจากรายการพิเศษ การเอากำไรพิเศษนั้นมาคิดเป็น pe จะทำให้เป็นการมองโลกในแง่ดีเกินไป .. ผมใช้วิธีเอา pe ที่เหมาะสมคูณกำไรปกติ .. แล้วค่อนเอาเงินสดส่วนเพิ่มจากกำไรพิเศษไปบวกกับราคาที่คิดจากกำไรปกติเป็น ราคาเป้าหมาย .. หรือได้สูตรง่ายๆดังนี้

ราคาเป้าหมาย = (eps ปกติ x pe ที่เหมาะสม) + เงินสดส่วนที่เพิ่มขึ้นจากกำไรพิเศษ
แต่ ยอมรับตรงๆครับ .. การเล่นหุ้นประเภทนี้ความมั่นใจไม่สูงมาก เพราะธุรกิจเค้าไม่ได้เด่นอะไร ยอมรับตรงๆครับว่าตอนที่ถือหุ้น siam นี่นอนหลับไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่ ใครจะเล่นหุ้นพวกนี้ก็ต้องระวังตัวและใจไว้บ้างนะครับ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘