Monday, April 21, 2008 Q&A 1

เนื่องจากช่วงนี้ผมเองก็หมดมุขจริงๆ ไม่รู้จะเขียนอะไรลง Blog แล้ว เลยขอถือโอกาสเอาคำถามที่มีคนส่งมาทั้งจาก Blog และทาง Website Thaivi.com มาตอบไปเรื่อยๆก่อนล่ะกันนะครับ ถ้าใครมีคำถามอะไรอยากรู้ก็เขียนส่งมาทาง comment ได้เรื่อยๆนะครับ แต่อย่าถามนะว่าผมซื้อหุ้นขายหุ้นตัวไหนจ้างให้ก็ไม่บอก :b


Q. รบกวนคุณ yoyo ช่วยแนะนำ Web.หรือวิธีการหาหุ้นดีๆด้วยคะ
A. เวปหุ้นที่ผมใช้อยู่บ่อยๆก็มีอยู่เพียงไม่กี่เวปครับ คือ www.thaivi.com/webboard ซึ่งจะแยกเป็นหลายๆห้อง ห้องที่ผมชอบที่สุดคือห้องร้อยคนร้อยหุ้น เวลาผมสนใจหุ้นซักตัวก็จะไปย้อนอ่านข้อมูลในกระทู้ของหุ้นนั้นๆตั้งแต่ต้นจน จบ ทำให้ได้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับหุ้นหลายๆตัวที่ไม่สามารถหาอ่านได้จากบท วิเคราะห์ เพราะหลายๆครั้งคนที่มา post นั้นเจาะลึกข้อมูลหุ้นได้อย่างเต็มที่ บางคนก็อาจจะเป็นคนที่ทำงานในธุรกิจนั้นเองจึงมักจะเป็นแหล่งความรู้ที่ดี มากๆที่ไม่ควรพลาดครับ

อีกเวปที่ชอบคือ http://capital.sec.or.th/webapp/corp_fin2/cgi-bin/cfis_docall.php#top เป็น link เอาไว้ค้นหาข้อมูลของหุ้นที่เป็น formal information ทั้งหมด ซึ่งรวมไว้ครบทั้ง annual report (อาจจะมีไม่ครบทุกบริษัท), 56-1 (สำคัญมากๆต้องอ่านก่อนซื้อหุ้นเสมอ) และ งบการเงินย้อนหลังหลายๆปี

สุดท้ายแล้วคือ http://www.settrade.com/ อันนี้เอาไว้อ่านบทวิเคราะห์อย่างเดียวเลยครับ

ส่วน วิธีการหาหุ้นส่วนใหญ่แล้วก็มาจากในร้อยคนร้อยหุ้นนี่แหละครับ ว่างๆก็นั่งอ่านกระทู้ที่มัน update ใหม่ไปเรื่อยๆ หุ้นที่ตัวเองไม่ได้ถือหรือไม่ได้สนใจ ถ้าไม่ขี้เกียจจริงๆก็อ่านไปเรื่อยๆ บางทีหุ้นเดิมๆพื้นฐานมันเปลี่ยนแปลงไปในร้อยคนร้อยหุ้นก็พอจะชี้ให้เห็นได้ ครับ

Q. หุ้นที่คุณ yoyo เล่นส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีบทวิเคราะห์ แล้วหาข้อมูลจากไหนหรือคะ แล้วถ้าเป็นหุ้นที่น่าสนใจทำไมไม่มีใครวิเคราะห์
A. หุ้นที่ผมเล่นมักจะไม่ค่อยมีบทวิเคราะห์นี่ก็จริงครับ ซึ่งมันเป็นทั้งข้อดีและข้อเสียเหมือนกัน ข้อดีก็คือแสดงว่าหุ้นตัวนี้ยังไม่มีใครมาสนใจเท่าไหร่ เพราะงั้นถ้ามันดีและไม่มีคนสนใจ โอกาสที่เราจะซื้อได้ในราคาถูกก็สูง แต่ข้อเสียก็คือหาข้อมูลยาก เพราะฉะนั้นหุ้นที่ไม่มีบทวิเคราะห์ผมก็หาข้อมูลเอาจากแหล่งอื่นๆเช่น ร้อยคนร้อยหุ้น (ซ้ำกับข้อที่แล้วเลย แต่มันดีจริงๆนะ ผมว่าเด็ดกว่าบทวิเคราะห์อีก), พูดคุยกับผู้บริหารหรือ IR ของบริษัท (จากงาน oppday, company visit ประชุมผู้ถือหุ้น หรือไม่ก็โทรไปคุยเองเลย)

ส่วน ที่ถามว่าถ้าเป็นหุ้นที่น่าสนใจแล้วทำไมไม่มีใครวิเคราะห์ มีหลายเหตุผลมากครับ เช่น หุ้นมันเล็กเกินไปพวกโบรกเกอร์ก็เลยไม่สนใจวิเคราะห์เท่าไหร่ เพราะรายได้เค้าคือรายได้จากการซื้อขายหุ้น หุ้นเล็กๆมี volume น้อยๆเค้าก็ไม่ค่อยวิเคราะห์กัน ทั้งๆที่หุ้นเล็กๆดีๆนี่ทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำนี่มีเยอะมากเหมือนกัน หุ้นดีราคาถูกที่ไม่มีคนวิเคราะห์ถ้าเราซื้อไปเมื่อเวลาผ่านไปจนกำไรมันดี ขึ้น ราคาหุ้นเริ่มขึ้น หลายๆครั้งโบรกก็จะเริ่มมาวิเคราะห์กันมากขึ้น และจังหวะนี้และครับที่ pe ของหุ้นจะเพิ่มสูงขึ้นจากที่เคยเป็น (เพราะพอมีบทวิเคราะห์ คนสนใจหุ้นก็จะเยอะขึ้น) ซึ่งกรณีนี้ผมจะชอบมากๆ เพราะจะทำกำไรได้สูง หลายๆกรณีทำกำไรได้เกิน 100% ก็มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ ปีที่แล้ว snc uec ums ช่วงแรกๆนี่ไม่ค่อยมีใครวิเคราะห์กันหรอกครับ ตอนนั้นเวลาซื้อหุ้นพวกนี้ก็ pe ประมาณ 4-5 เท่า แล้วคาดหวังว่า pe จะเพิ่มเป็น 8 เท่า .. แต่หลังจากเริ่มมีบทวิเคราะห์ออกมาเรื่อยๆ คนก็เห็นความสามารถของบริษัทเหล่านี้จนสุดท้าย pe ก็เพิ่มมาอยู่ในหลัก 12 เท่า คนที่ซื้อตั้งแต่ pe 4 เท่าถือมาจน pe 12 เท่านี่กำไรจะกระจายครับ (ปีที่แล้วผลตอบแทนของผมเลยเป็นปีที่สูงมากปีหนึ่ง)

Q. อยากให้คุณ yoyo วิเคราะห์หุ้นในอดีต(ปัจจุบันด้วยก็ดี)ที่ทำให้คุณประสบความสำเร็จ/ไม่ประสบ ความสำเร็จว่าเกิดจากสาเหตุอะไร และมีวิธีแก้ไขอย่างไรบ้างคะ
A. อันนี้ขอติดไว้ก่อนนะครับ ตอบไปท่าจะยาว

Q. เมื่อเจอหุ้นที่น่าสนใจและทำการวิเคราะห์รายได้และกำไรในอนาคตแล้ว ตัดสินใจซื้อเลยหรือเปล่าคะ(อยากให้อธิบายขั้นตอนการซื้อและการตัดสินใจ)
A. เมื่อเจอหุ้นน่าสนใจ วิเคราะห์รายได้และกำไร"คร่าวๆ" ถ้าราคามันอยู่ในเกณฑ์ที่น่าสนใจผมก็จะซื้อหุ้นจำนวนนึงก่อนซักประมาณ10% ของที่ตั้งใจจะซื้อทั้งหมด สาเหตุที่ต้องซื้อแบ่งส่วนนี่เหตุผลหลักคือพอผมไม่ได้ถือหุ้นผมจะไม่ค่อยมี แรงจูงใจในการศึกษาหุ้นตัวนั้นลึกๆเท่าไหร่ ก็อาศัยว่าถ้าอ่านแล้วหุ้นมันพอใช้ได้ก็จะซื้อไปก่อนส่วนนึง แล้วพอมีหุ้นอยู่ผมจะเริ่มขยันขึ้นก็จะศึกษาในเชิงลึกต่อ เช่นเข้าไปอ่านร้อยคนร้อยหุ้นให้ละเอียดขึ้น อ่าน 56-1 ในละเอียด อ่านบทวิเคราะห์เท่าที่มี จนมั่นใจว่าหุ้นนั้นดีจริงๆ สามารถคาดการณ์กำไรล่วงหน้าได้แม่นพอประมาณแล้วหลังจากนั้นก็จะซื้อให้ครบ ทันทีเลยครับ style การซื้อหุ้นของผมมักจะไม่ค่อยทยอยซื้อเท่าไหร่ จะเป็นพวกแบบว่าถ้าถูกใจมากๆ แล้วก็ซัดเลย คือไม่รอนานครับ ยิ่งถ้า upside ของหุ้นนั้นสูงๆแล้ว ผมไม่ค่อยเกี่ยงราคาเท่าไหร่ ลองย้อนไปอ่านบทความเรื่อง "เคาะ" ดูนะครับ ว่าทำไม่ผมถึงมองว่าการเกี่ยงราคานั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเลยสำหรับหุ้น vi ที่ดีๆและมีโอกาสขึ้นไปได้สูงๆ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘