Mega Trend

การลงทุนในหุ้นนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งก็คือ เรารู้ว่าอนาคตบริษัทจะไปทางไหน เฉพาะอย่างยิ่งก็คือ บริษัทจะเติบโตขึ้นมากหรือบริษัทจะอยู่อย่างเดิมหรือบริษัทจะเล็กลงเรื่อยๆ ตามเวลาที่ผ่านไป แน่นอน เราอยากลงทุนในบริษัทที่โตขึ้นเรื่อยๆ อย่างยาวนาน เพราะนั่นคือ หุ้นที่จะทำเงินให้เรามหาศาล
การที่บริษัทจะโตขึ้นเรื่อยๆ อย่างยาวนานได้นั้น อุตสาหกรรมหรือธุรกิจที่บริษัททำอยู่จะต้องเติบโตขึ้นเรื่อยๆ อย่างยาวนานด้วย และนี่คือ สิ่งที่เราเรียกว่า Mega Trend หรือแนวโน้มใหญ่ที่จะเกิดขึ้นอย่างน้อยใน 10-20 ปีขึ้นไป
การมองหา Mega Trend นั้น ส่วนใหญ่แล้วมักจะดูจากเรื่องของโครงสร้างประชากรซึ่งจะเป็นตัวกำหนดพฤติกรรม และการใช้จ่ายของคนในสังคมในอนาคต การดูโครงสร้างประชากรเป็นการวิเคราะห์ที่มีความแม่นยำสูงมาก เพราะอายุของคนนั้นเดินตามเวลาที่แน่นอน นั่นคือ เวลาผ่านไป 10 ปี คนเราก็แก่ขึ้น 10 ปี และเรารู้ว่าคนที่มีอายุมากขึ้นนั้น เขามักจะต้องใช้จ่ายในด้านใดมากขึ้น นอกจากเรื่องของประชากรแล้ว เทคโนโลยีก็เป็นสิ่งที่มีผลทำให้แนวโน้มต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปมาก แต่การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีนั้นมักจะเกิดขึ้นเป็นยุคๆ และกินเวลายาวพอสมควร พูดให้ชัดขึ้นก็คือ โลกเราผ่านมาหลายยุคตั้งแต่ยุคของการเฟื่องฟูของเกษตรกรรม ยุคอุตสาหกรรม ยุคบริการ และสุดท้ายก็คือ ยุคของข้อมูลข่าวสารและความรู้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านของสังคมอย่างใหญ่หลวง เฉพาะอย่างยิ่งก็คือ Globalization หรือการที่โลกกลายเป็นสังคมที่คนทำอะไรหรือคิดอะไรเหมือนกันไปหมด
ประเทศไทย ผมคิดว่า Mega Trend ที่จะเกิดขึ้นนั้น ก็ไม่แตกต่างจากประเทศหลักอื่นๆ ในโลกซึ่งผมจะพูดแบบย่อๆ เนื่องจากข้อจำกัดของพื้นที่ดังต่อไปนี้
แนวโน้มแรกที่ค่อนข้างชัดเจนมากก็คือ คนไทยจะมีอายุมากขึ้น ในขณะที่คนเกิดใหม่จะน้อยลงซึ่งทำให้อายุเฉลี่ยของคนจะสูงขึ้น นี่จะก่อให้เกิดความต้องการในด้านของสุขภาพและการรักษาพยาบาลที่มากขึ้น ดังนั้น ธุรกิจโรงพยาบาลและฟิตเนสน่าจะขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ
การที่คนไทยมีอายุมากขึ้นก็จะต้องมีรายได้มากขึ้น มีการใช้จ่ายและเก็บเงินมากขึ้นเพื่อเอาไว้ใช้ในยามเกษียณ ดังนั้น ธุรกิจการเงินเช่นการให้บริการการลงทุนก็จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับธุรกิจการให้กู้เงิน และบริการทางการเงินส่วนบุคคลทั้งหลาย
การที่คนไทยมีลูกน้อยลง และครอบครัวเล็กลงทำให้ธุรกิจทั้งหลายที่ให้บริการแบบด่วน และสะดวกประเภท "สำเร็จรูป" เช่น อาหารสำเร็จรูปและภัตตาคารประเภทจานด่วนขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะการที่มีสมาชิกน้อยทำให้การทำอาหารกินเองมีความคุ้มค่าน้อยลง นอกจากนั้น บ้านที่อยู่อาศัยก็น่าจะมีแนวโน้มที่มีขนาดเล็กลงด้วย
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์เฉพาะอย่างยิ่งก็คือ ราคาที่ถูกลงมาก ทำให้แนวโน้มในการใช้ไอที จะสูงขึ้นเรื่อยๆ ในประเทศไทย และเหตุผลที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ การใช้ชีวิตในสมัยใหม่นั้นจะขาดคอมพิวเตอร์ได้ยากขึ้นทุกที ทำให้การเติบโตของธุรกิจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์รวมถึงอินเทอร์เน็ตจะเติบโตไปอีกนานมาก
การที่เศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ในโลกมีการขยายตัวต่อเนื่องยาวนาน ประกอบกับการลดลงของค่าใช้จ่าย ในการเดินทางทำให้เกิดการขยายตัวของการท่องเที่ยวอย่างใหญ่หลวงและเป็น Mega Trend ที่ชัดเจนอีกอย่างหนึ่ง เมืองไทยในฐานะที่เป็นประเทศเก่าแก่มีวัฒนธรรมที่น่าสนใจจะได้รับอานิสงส์มาก ดังนั้น ธุรกิจการท่องเที่ยว เฉพาะอย่างยิ่ง โรงแรม จะได้รับผลดีและจะเติบโตต่อไปได้อีกนาน
เช่นเดียวกัน คนไทยเองก็มีรายได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเศรษฐกิจก็จะยังคงเติบโตต่อไป ดังนั้น ธุรกิจที่เกี่ยวกับความบันเทิงต่างๆ ซึ่งรวมถึง ภาพยนตร์ เพลง หนังสือ สินค้าอุปโภคบริโภคที่มีราคาสูงจะได้รับสัดส่วนในการใช้จ่ายมากขึ้น แม้ว่าการเติบโตจะไม่เร็วนัก เพราะไม่มีการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมของคนแบบหน้ามือเป็นหลังมือ
สุดท้ายที่เป็นแนวโน้มที่เห็นได้ชัดมากก็คือ พฤติกรรมของการจับจ่ายสินค้า แนวโน้มก็คือ ผู้บริโภคต้องการช้อปหรือเลือกซื้อสินค้าจากร้านที่รวมสินค้าจำนวนมากไว้ในที่เดียวกันหรือเรียกว่า One Stop Service นี่คือ พฤติกรรมที่คนต้องการความสะดวก และลดเวลาในการเดินทาง ซึ่งธุรกิจที่จะได้ประโยชน์ก็คือ ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ทั้งหลาย
ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพียงบางส่วนของ Mega Trend ที่ผมพอจะนึกและเขียนได้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต้องไม่เข้าใจผิดว่าหุ้นทุกตัวที่อยู่ในธุรกิจที่จะเป็น Mega Trend จะต้องดี บริษัทที่อยู่ในธุรกิจที่เป็น Mega Trend ที่จะได้ประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมจะต้องเป็นบริษัทที่มีความสามารถสูง หรือมีกำแพงที่จะป้องกันคู่แข่งที่จะเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดของตนอย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น ดังนั้น ในการวิเคราะห์หุ้นเพื่อที่จะหา Super Stock หรือหุ้นสุดยอดที่จะทำกำไรได้ต่อเนื่องยาวนาน ผมจึงอยากแนะนำว่า เราควรมองหาอุตสาหกรรมหรือธุรกิจที่จะเป็น Mega Trend เมื่อพบแล้วเรายังต้องหาผู้ชนะ โดยเฉพาะที่มีความสามารถเหนือคู่แข่งมาก เมื่อได้แล้ว เรายังต้องดูด้วยว่าราคาหุ้นยังไม่สูงเกินไป ถ้าทุกองค์ประกอบครบ เราก็ซื้อแล้วเก็บไว้นานมากโดยที่เราแทบไม่ต้องทำอะไร ผลตอบแทนที่ได้นั้นจะสูงจนแทบไม่น่าเชื่อ Super Stock ที่โดดเด่นนั้น น่าจะให้ผลตอบแทนทบต้นได้ถึง 15-20% ต่อปี ติดต่อกันเป็นเวลานานนับ 10 ปี

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘