มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น (Intrinsic Value)

ในการลงทุนหุ้นแบบเน้นคุณค่านั้น สิ่งหนึ่งที่นักลงทุนสามารถนำมาช่วยในการเลือกซื้อหุ้นก็คือ มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น หรือ Intrinsic Value
โดยใช้หลักการง่ายๆ คือ ถ้าหากหุ้นตัวไหนมีราคาหุ้นต่ำกว่า Intrinsic Value มาก ถือว่าหุ้นตัวนั้นเป็นหุ้นคุณค่า (Value Stock) น่าที่จะซื้อเก็บไว้ เนื่องจากราคาของหุ้นควรที่จะปรับขึ้นมาที่ราคาที่แท้จริงในที่สุด ซึ่งจะทำให้เราได้กำไร ในทางตรงกันข้าม หากหุ้นนั้นมีราคาสูงกว่า Intrinsic Value นักลงทุนก็ไม่ควรซื้อหรือเก็บหุ้นนั้นไว้ เนื่องจากจะทำให้ขาดทุน เมื่อราคาหุ้นปรับตัวลงไปหามูลค่าที่แท้จริง
สิ่งที่ยากก็คือ แล้วจะหามูลค่าที่แท้จริงของหุ้นได้ยังไง
เพื่อที่ให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ลองเริ่มต้นคำนวณหามูลค่าที่แท้จริงจากพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งมีอายุเหลือ 1 ปี
ถ้าพันธบัตรสามารถไถ่ถอนเงินต้นได้ 10,000 บาทเมื่อครบกำหนด และให้ดอกเบี้ย 8%
ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไป 1 ปี จะได้รับเงินทั้งหมด 10,800 บาท
หากนักลงทุนต้องการผลตอบแทนปีละ 2% จะต้องซื้อที่ราคาเท่าไหร่
นักลงทุนสามารถคำนวณได้โดยจาก 10,800/1.02 = 10,588 บาท
นี่มูลค่าที่เหมาะสม หรือ Intrinsic Value ในสายตานักลงทุน
ถ้าราคาในท้องตลาดต่ำกว่า นักลงทุนก็ควรจะซื้อพันธบัตรนี้ไว้
ก็จะได้ผลตอบแทนมากกว่า 2% ที่ตั้งเป้าหมายไว้
ทีนี้ลองมาดูหุ้นบ้าง ในการหา Intrinsic Value สำหรับหุ้นนั้นจะยุ่งยากกว่า
โดยในการหามูลค่าที่เหมาะสมนั้นจะใช้เงินปันผล ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่ไม่แน่นอน
นอกจากนั้น ยังต้องคำนวณค่าเงินปันผลในแต่ละปี ไปตราบเท่าที่บริษัทนั้นยังดำเนินการอยู่
ดังนั้นในการคำนวณจึงต้องอาศัยสมมติฐานว่า บริษัทจะมีการจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นแต่ละปีในอัตราที่คงที่
ซึ่งจะได้สูตรการคำนวณง่ายๆ ดังนี้
มูลค่าที่แท้จริง = เงินปันผลปีหน้า / (ผลตอบแทนที่พอใจ – อัตราการเติบโตของเงินปันผลต่อปี)
โดยเงินปันผลในปีหน้านั้น คาดการณ์ได้ไม่ยากนัก แต่อัตราการเติบโตของเงินปันผลในระยะยาวเป็นสิ่งที่ทำนายยาก
ลองมาดูตัวอย่างการคำนวณมูลค่าที่แท้จริงของหุ้น ที่สมมติว่าเงินปันผลในปีหน้าที่คาดว่าจะจ่ายคือ 5 บาทต่อหุ้น
และอัตราการเติบโตของเงินปันผลคือ 8% ต่อปี หากนักลงทุนต้องการผลตอบแทน 10% ต่อปี จะได้ว่า
มูลค่าที่แท้จริง = 5 / (0.1 – 0.08) = 250 บาท
ปัญหาก็คือ ถ้าผลตอบแทนที่ต้องการ หรือ อัตราการเติบโตของเงินปันผล เปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อย
จะทำให้มูลค่าที่คำนวณได้ เปลี่ยนไปอย่างมาก
ดังนั้นในการนำมูลค่าที่แท้จริง หรือ Intrinsic Value มาใช้ในการวิเคราะห์หุ้นที่จะซื้อขาย
นักลงทุนควรที่จะพิจารณาถึงปัญหาข้อนี้ด้วย

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร