Friday, June 16, 2006 จะซื้อหุ้นซักตัวผมดูอะไรบ้าง? ilink case

จะซื้อหุ้นซักตัวหนึ่งจะต้องดูอะไรบ้าง? ที่ผมเขียนผ่านๆมาอาจจะยังไม่สามารถเอาไปใช้ได้ทันที หรือหลายๆคนอ่านแล้วอาจจะยังไม่เห็นภาพ วันนี้เลยจะยกตัวอย่างหุ้นที่ผมว่าวิเคราะห์ได้ไม่ยากมากนัก ลองติดตามกันเลยดีกว่า

หุ้น ILINK เป็นหุ้นที่ทำธุรกิจมุ่งเน้นทางธุรกิจเทคโนโลยี่สารสนเทศและการสื่อสาร โดยมุ่งเน้นในธุรกิจข่ายสายสัญญาณคอมพิวเตอร์และสื่อสารโทรคมนาคม รวมถึงรับติดตั้งระบบเคเบิ้ล หุ้นตัวนี้ผมรู้จักมาประมาณปีกว่าๆแล้ว แต่ว่าตอนนั้นไม่ได้สนใจเพราะเห็นว่าเป็นธุรกิจสื่อสารที่ผมไม่ค่อยเข้าใจ เท่าไหร่ แต่เวลาผ่านไปนานมีคนสะกิดให้ดูว่าหุ้นตัวนี้กำไรเติบโตดีมาก ผู้บริหารเก่ง ราคาหุ้นถูก งบการเงินสวย และที่สำคัญตัวธุรกิจไม่ได้เข้าใจยากอย่างที่คิด

ได้ยินแบบนั้น ผมเลยรีบไป load 56-1 และงบการเงินมาอ่าน ตอนนั้นงบปี 48 ออกมาเรียบร้อยแล้ว

ผม นั่งอ่านดูตัวธุรกิจก็เห็นว่าธุรกิจนี้ขายสายสัญญาณ computer และสื่อสาร เพราะฉะนั้นการเติบโตของบริษัทก็มีแนวโน้มโตไปพร้อมๆกับธุรกิจ IT และ สื่อสาร ซึ่งผมมองว่าอัตราการใช้คอมของคนไทยยังถือว่าต่ำมาก และมีอัตราการเติบโตที่สูงมากเช่นกัน และในอุตสาหกรรมสื่อสารเราก็จะเห็นว่าทั้ง DTAC และ AIS เองมีผู้ใช้บริการมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ต้องมีการวางระบบสื่อสารเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน ตรงจุดนี้ผมดูเอาจากธุรกิจที่บ้านด้วย เพราะบ้านผมขายสกรูน๊อต และในช่วงหลังๆมานี้ พวกเสามือถือมี order เพิ่มขึ้นสูงเรื่อยๆ และไม่มีทีท่าว่าจะลดลง ผมก็มองแล้วว่าโอกาสเติบโตของ ILINK เองก็น่าจะมีโอกาสมาก ยิ่งดูต่อไปจะเห็นว่า ILINK เป็นผู้นำอันดับ 1 ทั้งตลาดขายสายสัญญาณและด้านการวางระบบ ทำให้มีข้อได้เปรี่ยบคู่แข่งในเรื่องของความน่าเชื่อถือและ economy of scale

ผมไปดูงบการเงินของ ilink บริษัทไม่มีหนี้สินระยะยาวเลย เงินสดและเงินลงทุนชั่วคราวมีถึง 0.78 บาทต่อหุ้น ขณะนั้นหุ้นราคาประมาณ 4.5 บาท จะเห็นได้ว่าบริษัทนี้มีฐานะทางการเงินที่แข่งแกร่งมาก ต่อมาลองผมก็หันมามองรายได้และกำไรของบริษัท ปี 47 รายได้ 488 ล้าน ปี 48 รายได้ 670 ล้าน เพิ่มขึ้น 37% ที่นี้ลองมาดูกำไรสุทธิจาก 40 ล้านเพิ่มเป็น 60 ล้าน หรือเพิ่มขึ้นสูงถึง 50% การที่กำไรเพิ่มขึ้นมากกว่ารายได้นั้น เป็นสาเหตุมาจากการที่บริษัทเข้าตลาด MAI ทำให้เสียภาษีจาก 30% ของกำไรเหลือเพียง 20% ของกำไร

ดู eps ของปี 48 แล้วก็ได้ 0.76 บาท/หุ้น หรือคิดเป็น PE 5.9 ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับฐานะทางการเงิน ความแข่งแกร่งของบริษัท และแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจและบริษัท ด้วยคุณภาพหุ้นแบบนี้ผมประมาณคร่าวๆว่า pe ไม่น่าจะต่ำกว่า 8 จับคูณกับ eps ปี 48 จะได้ราคา ณ ที่เหมาะสม ณ วันนั้นถึง 6.08 บาท ผมมองว่า upside สูงถึง 35% นับว่าเป็นหุ้นที่น่าสนใจมากๆในแง่ของราคาหุ้น

ผม ยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อในทันที เพราะยังคงมีข้อสงสัยในตัวผู้บริหารว่าซื่อสัตย์มั๊ย เก่งมั๊ย วิสัยทัศน์เป็นอย่างไร แต่ผมเองยังอยากจะเข้าใจตัวธุรกิจให้มากขึ้น และยังอยากฟังแนวโน้มธุรกิจจากผู้บริหารซึ่งน่าจะเป็นคนที่รู้ดีกว่าใคร เพื่อน .. ผมจึงรอครับ ...รอจนถึงเวลาประชุมผู้ถือหุ้น

วันนั้นหุ้น ilink ราคา 4.7 บาท ซึ่งยังอยู่ในเกณที่ผมยอมรับได้ (ปกติผมจะซื้อหุ้นที่สามารถให้ผลตอบแทนไม่ต่ำกว่า 20% แสดงว่าผมต้องซื้อหุ้นไม่เกินราคา 6/1.2 = 5 บาท) หลังจากได้เข้าประชุมผู้ถือหุ้น บรรยายกาศเป็นกันเอง ผู้บริหารมาอธิบายถึงตัวธุรกิจให้ฟัง รวมถึงแผนการในอนาคต ผมเองก็ซักถามข้อสงสัย หลายข้อ รวมถึงวิเคราะห์ถึงลักษณะการตอบคำถามของผู้บริหาร เพื่อที่จะดูว่าผู้บริหารเก่งหรือไม่เก่ง ซื่อสัตย์รึเปล่า ซึ่งผมเองได้ค่อนข้างได้คำตอบที่น่าพอใจมากๆ

ข้อมูลที่ผมได้เพิ่มมา คือ ธุรกิจสามารถเติบโตได้ 30% ได้ไม่ยากในปี 49 ระยะยาวธุรกิจโตได้อีกนาน พวกระบบ wireless ที่หลายๆคนกลัวว่าจะมาแทนสายแลน กลับกลายเป็นจุดดีของบริษัทเพราะการวางระบบ wireless จำเป็นต้องใช้ระบบสัญญาณเช่นกัน บริษัทสามารถควบคุม Margin ได้ค่อนข้างดี แม้ต้นทุนเพิ่มก็สามารถผลักภาระไปให้ลูกค้าได้โดยไม่เสีย vol และที่สำคัญแกบอกว่าปีนี้แกหวังว่าจะทำให้ได้กำไรต่อหุ้นเกินราคาพาร์ซะที (ตอนนี้พาร์ 1 บาทต่อหุ้น) ผมเองก็เลยใช้ 1 บาทเป็นฐานในการคำนวณ eps ของปี 49 (จุดนี้ต้องระวังนะครับ ไม่ใช่ว่าผู้บริหารพูดอะไรก็เชื่อหมด กรณีนี้จากการพูดคุยกันนาน ผมว่าผู้บริหารเป็นคนที่น่าเชื่อถือ และดูเป็นกลุ่มผู้บริหารที่ชอบพูดและสามารถทำได้ตามที่พูด และฟังจากน้ำเสียงแกแล้ว แกพูดเหมือนกับว่าทำได้ไม่ยากเลย) ผมประเมินราคาหุ้น ilink ใหม่ทันที จาก 6 บาทเป็น 8 บาท (pe 8 * eps 1) เพราะฉะนั้น ถ้าผมต้องการผลตอบแทน 20% ใน 1 ปีผมควรซื้อ ilink ไม่เกินราคา 6.67 ซึ่งสูงกว่าราคาในตอนนั้นมากๆ

ออกจากห้องประชุมมา ผมตัดสินใจแล้วว่าหุ้นตัวนี้ดีมากๆ และราคาถูกเอามากๆด้วย
ผม โทรไปหาโบรกเกอร์ของผมว่าจะสั่งซื้อ ราคาหุ้นก่อนเข้าห้องประชุมอยู่ที่ 4.7 แต่ตอนที่โทรไปราคาเพิ่มเป็น 4.9 แล้ว ตอนนั้นหุ้น offer มีไม่มากผมเลยไม่ได้ซื้อ เพราะเห็นด้วยว่าหุ้นใกล้ปิดตลาดแล้ว ถ้าจะซื้อคงได้หุ้นไม่เท่าไหร่ อีกอย่างนึงคือผมไม่มีเงินสดเหลือแล้ว ถ้าจะซื้อต้องขายหุ้นตัวอื่นก่อน

วันต่อมาผมขายหุ้นที่ตัวอื่นเพื่อ ไปซื้อหุ้น ilink ตอนนั้นราคาเพิ่มขึ้นไปถึง 5.2 บาทแล้ว แม้หุ้นจะขึ้นมาสูงพอควรจาก 4.7 มาเป็น 5.2 แต่ผมยังมองว่าเป้าหมายผม 8 บาทยังมีโอกาสให้ทำกำไรได้อีกมาก ผมเลยสั่งซิ้อหุ้น ilink ทุกราคาที่ไม่เกิน 5.6 ทยอยเคาะซื้อไปเรื่อย (หุ้น ilink สภาพคล่องไม่สูงเท่าไหร่ การซื้อเลยต้องใจเย็นๆ ไม่สามารถกวาดรวดเร็วครบได้) วันนั้นราคาปิดน่าจะประมาณ 5.5 วันต่อมาผมก็ยังซื้อเพิ่มเรื่อยๆ แม้จะราคาจะสูงขึ้นเรื่อยๆ จนได้ครบตามที่ต้องการ .... แล้วผมก็ถือหุ้น เพื่อรอเวลา เวลาที่ผลประกอบการจะออกมายืนยันว่าผมคิดถูกว่า ilink เป็นธุรกิจที่ดี

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘