Friday, January 15, 2010 ถามตอบ

มีคนเขียนเข้ามาถามหลังไมค์ครับตอบไปซะยาวเลย

------------

รบกวนถามอีกเรื่องครับคุณyoyo

เรื่องMarginครับ
1.คุณyoyoใช้มาร์จิ้นไหมครับ ถ้าใช้ใช้จังหวะไหน? และปริมาณเท่าไหร่ครับ?
+ ก็ใช้อยู่เรื่อยๆครับ เยอะน้อยตามความถูกแพงของหุ้นที่เราถือ ยิ่งถูกและมั่นใจก็ใช้เยอะหน่อย ถ้าไม่ถูกแล้วก็ไม่ใช้ เวลาที่หาหุ้นไม่ได้ผมก็ใช้ Margin ซื้อพวกกองทุนอสังหา ที่ความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้นเยอะ แต่คุณเพิ่งเริ่มไม่นาน ผมว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งด้วยดีที่สุดครับ อันตรายมากๆ หลายๆคนที่ไม่เคยลองอาจจะยังไม่รู้ว่ามันมีอันตรายที่หลายแห่งที่ยังนึกไม่ ถึง ต้องเจอกับตัวถึงจะจำ ผมเกือบหมดตัวก็เพราะ Margin นี่แหละ

2.โดยภาพรวมแล้วคุณyoyoถือหุ้นในพอร์ทกี่%ของเงินลงทุนครับ และช่วงปลายปี2551 มีการลดสัดส่วนการถือหุ้นไหมครับ
+ ตั้งแต่เล่นมาก็ถืออย่างต่ำกว่า 100% ตลอดครับ (ใช้ Margin ก็เกิน 100%) ไม่ใช่ว่าผมมีกฎว่าจะต้องถือหุ้นตลอดหรอกนะครับ เพียงแต่ว่าผมยังหาหุ้นราคาถูกเล่นได้อยู่ ถ้าช่วงไหนหาหุ้นดีๆ ถูกๆ เล่นไม่ได้ก็คงต้องมีถือเงินสดบ้างเหมือนกัน เพียงแต่ยังไม่เคยเจอกรณีแบบนั้นเท่านั้นเอง ปลายปี 51 ก็ถือหุ้น 100% เหมือนเดิม ส่วน Margin ก็ซื้อกองุทนอสังหา

สำหรับผมชอบถือ100%ครับ แต่ผมต้องระวังกรณีปี2551ให้พิเศษหรือปล่าวครับ
+ จะถือเท่าไหร่อยู่ที่ความถูกความแพงของหุ้น และความเข้าใจในธุรกิจนั้นๆของเราครับ ที่บอกว่าต้องระวังแบบปี 51 นั้นผมว่ายากครับ ไม่มีใครรู้หรอกครับว่ามันจะเกินแบบนั้นเมื่อไหร่ จริงๆสัญญาณแย่ๆของวิกฤตครั้งนั้นมันบอกมาตั้งแต่ปี 49 แล้วครับ ถ้าเกิดคุณระวังตัวตั้งแต่ปี 49 แล้วถือเงินสด 100% คุณก็จะเห็นหุ้นคนอื่นเค้าขึ้นไปเรื่อยๆ ในขณะที่ตัวเองไม่ได้อะไร พอมาปี 50 อีกก็ปัญหาก็เริ่มชัดขึ้นอีก คุณอาจจจะยังถือเงินสดอยู่ และคิดว่าพวกที่ยังเล่นหุ้นกันอยู่ที่โง่จริงๆ แต่แล้วปี 50 หุ้นก็ไม่ลง พอมาต้นปี 51 หุ้นก็ยังคงไม่ลงต่อไป ธุรกิจก็พากันปิดตัวมากขึ้น คนอื่นเค้าทำกำไรกันไปเยอะแล้ว แต่หุ้นยังไม่ได้ไปไหน ตอนนี้คุณเสียความมั่นใจแล้ว และอาจจะคิดว่าวิกฤตมันอาจจะไม่เกิดก็ได้ คุณแค่วิตกเกินเหตุไปเอง แล้วคุณก็จะเข้ามาลงทุนในช่วงต้นปี 51 ผลลัพธ์ก็คงเห็นได้ชัด ปี 49 - 50 คุณไม่ได้อะไรเลย ในขณะที่ปี 51 คุณขาดทุนยับ แต่เมื่อเทียบกับพวกที่ Stay invest ในตลาดมาตลอด 49-51 เค้าอาจจะขาดทุนในปี 51 เยอะก็จริง แต่ปี 49-50 ก็ทำกำไรให้เค้าได้ระดับหนึ่งซึ่งช่วยบรรเทาผลของการขาดทุนได้พอสมควร .... กฏเหล็กของผมคือ อย่าไปเดาตลาด เดาไปก็ไม่ค่อยถูกหรอกครับ ถ้าหุ้นถูกก็ถือ ธุรกิจยังแข็งแกร่งเหมือนตอนที่เราซื้อแต่แรกไม่เปลี่ยนแปลงก็ถือต่อไป เท่านั้นเอง


ตอนนี้ขอสารภาพตรงๆว่าผมถือหุ้น 200%ครับ ใช้ทุน100%+มาร์จิ้น100
คุณyoyoคิดว่าเสี่ยงมากไหมครับ แต่ผมก็ลลดความเสี่ยงโดยการตั้งกฏว่า
+ ผมวิจารณ์ตรงๆเลยนะครับ คุณเสี่ยงเกินตัวไปมากๆครับ หลักการลงทุนของคุณยังไม่แน่นเลยด้วยซ้ำ ขนาดผมเองที่คิดว่าตัวเองแน่แล้ว ผมยังไม่เคยใช้ Margin สูงขนาดนั้นเลย ถ้าผมมีทุน 100 ผมจะกู้สูงสุดแค่ 50 เท่านั้น และจะใช้สูงขนาดนี้เฉพาะกรณีที่หุ้นราคาถูกมากๆเท่านั้น

1.ไม่ซื้อหุ้นตัวใดตัวหนึ่งเกิน25%ของพอร์ท
+ ก็อาจจะช่วยได้บ้าง ถ้า port ยังไม่ใหญ่ แต่ 25% ของ port มันก็คือ 50% ของ equity ผมว่าก็ยังเสี่ยงไปอยู่ดี นอกจากว่าคุณจะเข้าใจธุรกิจของหุ้นนั้นๆจริงๆ และหุ้นตัวนั้นต้องถูกมากๆ ถูกกว่าราคาที่ควรจะเป็นเกินครึ่ง

2.ในพอร์ต้องมีหุ้นไม่ต่ำกว่า10ตัว
+ การถือหุ้นเยอะ แต่ช่วยให้โอกาสเจ๊งหนักๆลดลง แต่ถ้าคุณไม่เข้าใจในหุ้นทั้ง 10 ตัวนั้นดีพอ การถือหุ้นแต่ 5 ตัว แล้วเข้าใจธุรกิจนั้นลึกๆ ยังเสี่ยงน้อยกว่า

3.ไม่ถือหุ้นในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเกิน25%
+ เหตุผลเหมือนข้อ 2 และ 1 ครับ ความเข้าใจสำคัญกว่าสัดส่วน

4.ในพอร์ทจะต้องมีหุ้นกลุ่มที่ไม่ใช่หุ้นวัฎจักรคือแม้นศก.จะร่วงกำไรก็ไม่ลด อยู๋ไม่ต่ำกว่า25%
+ อันนี้พอได้

ช่วยวิจารณ์หน่อยนะครับ ขอบคุณมากๆครับ......


ปล.อันนี้คือหุ้นในพอร์ทผมเผื่อคุณyoyoสนใจอยากเห็นนะครับ
แบ่งสัดส่วนตามหุ้น
17.4% TTA
12.5% SCNYL
8.9% STANLY
9.3% TRUE
8.5% TICON
7.4% BLA
4.6% SGP
5.3% ADVANC
4.1% CCET
4.1% CCET-w2
3.6% MAJOR
3.6% SPALI
2.7% SIRI
1.4% TCAP
1.4% PRO
2.0% PSL
1.8% RATCH
1.3% UMS-W1

แบ่งสัดส่วนตามกลุ่ม
19.4% ขนส่ง
14.5% สื่อสาร
14.8% อสังหา
8.9% รถยนต์
19.9% ประกัน
6.4% พลังงาน
8.3% อิเล็กฯ
3.6% บริการ-บันเทิง
1.4% การเงิน-ธนาคาร
1.4% บริการ-เฉพาะ
1.3% mai

+ ผมว่ากระจายเป็นเบี้ยหัวแตกไปมากๆเลยครับ โอกาสที่เราจะเข้าใจธุรกิจใดลึกๆนั้นยากมาก เวลาผมลงทุนนั้น ถ้าผมยังไม่สามารถประมาณกำไรหุ้นนั้นๆไปล่วงหน้าอย่างต่ำ 1-2 ปี และไม่สามารถกำหนดราคาเหมาะสมของหุ้นได้ ผมก็จะไม่ลงทุน เพราะฉะนั้นผมเลยเล่นหุ้นได้อยู่ไม่กี่ตัวเท่านั้น เพราะผมเดากำไรล่วงหน้า 1-2 ปีได้ไม่กี่ตัวเท่านั้น ถ้าคุณเซียนแบบพี่ลูกอีสานที่ถือหุ้น 20 ตัวแล้วยังคาดการณ์อนาคตธุรกิจได้ครบทั้งหมด ผมว่าก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร .. แต่จะหาคนที่เซียนแบบพี่ลูกอีสานได้นั้น ผมยังไม่เคยเจอเลยจริงๆ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘