หุ้นนางฟ้า

เกือบทุกช่วงเวลาในตลาดหุ้น เรามักจะพบหุ้นบางตัวที่ให้ผลตอบแทนกับนักลงทุนสูงลิ่วน่าประทับใจ และทำให้นักลงทุนรายย่อยบางคน ที่ลงทุนในหุ้นตัวนั้นมานานพอสมควรร่ำรวย หรือทำให้พอร์ตการลงทุน มีผลงานน่าประทับใจมาก ผมไม่ได้พูดถึงหุ้นปั่น หรือหุ้นเก็งกำไรที่มีรายใหญ่มาไล่ราคาเพื่อหาเหยื่อมารับ "ของ" ในราคาสูงโดยที่กิจการไม่มีพื้นฐานทางธุรกิจที่ดี แต่ผมกำลังพูดถึงหุ้นของกิจการที่ "ดี " ที่อยู่ในข่ายที่ Value Investor สนใจลงทุน และก็ลงกันมากโดยเฉพาะเมื่อหุ้นมีราคาเพิ่มขึ้นมากอย่างต่อเนื่องยาวนาน หุ้นที่ว่านี้ผมอยากเรียกว่า "หุ้นนางฟ้า" เพราะนี่คือ หุ้นในฝันสำหรับนักลงทุนจำนวนมาก
นิยามของหุ้นนางฟ้านั้นก็คือ หุ้นที่มีราคาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องยาวนานอย่างน้อย 2-3 ปีขึ้นไป โดยที่อัตราการเพิ่มนั้นสูงมากคือ ราคาหุ้นปัจจุบันอาจจะเป็น 4-5 เท่า หรือมากกว่าของราคาหุ้นเมื่อไม่กี่ปีก่อน หุ้นเหล่านี้ มักจะเคยเป็นหุ้นตัวเล็กหรือตัวจิ๋ว ที่มีมูลค่าตลาดรวมทั้งบริษัทไม่ถึงพันล้านบาท แต่มูลค่าหุ้นในปัจจุบันสูงถึงหลายพันล้านบาท และทำให้คนที่ถือหุ้นตั้งแต่ก่อนที่หุ้นจะเริ่มปรับตัวขึ้นมีกำไรมหาศาล แต่คนที่เพิ่งเข้ามาซื้อหุ้นนางฟ้านั้น ก็อาจจะไม่ได้กำไรอะไรเลยแถมอาจจะต้องเจ็บตัวหนัก เพราะในหลายๆ ครั้งหุ้นตัวนั้นกลับกลายเป็น "นางฟ้าตกสวรรค์" ในวันที่เขาเข้าไปซื้อ
คุณสมบัติของหุ้นนางฟ้าที่มักจะเห็นก็คือ เป็นกิจการขนาดเล็กที่มียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 2-3 ปีขึ้นไป โดยที่การเพิ่มขึ้นของยอดขายที่ผ่านมาจะโตเร็วมากในระดับอย่างน้อย 30-50% หรือมากกว่านั้น โดยที่มีการคาดการณ์ว่า บริษัทจะยังคงเติบโตในระดับดังกล่าวได้ต่อไปอย่างน้อยอีกหนึ่งหรือสองปีข้างหน้า ในขณะเดียวกัน กำไรของบริษัทก็มักจะโตตามยอดขาย หรือบางทีก็โตมากกว่า
นอกจากการเติบโตแล้ว ความสามารถในการทำกำไรของกิจการของหุ้นนางฟ้ายังมีสูงมากอย่างไม่น่าเชื่อ กำไรต่อสินทรัพย์ของกิจการเหล่านี้ มักจะสูงในระดับอย่างน้อย 15-20% ขึ้นไป ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่า กิจการไม่ต้องลงทุนมาก ในการที่จะทำกำไร เช่นเดียวกันกำไรต่อส่วนของผู้ถือหุ้นก็สูงเสียดฟ้า อยู่ในระดับอย่างน้อย 25-30% บางบริษัทกำไรถึง 40-50% จากส่วนของผู้ถือหุ้นทั้งๆ ที่บริษัทก็ไม่ได้กู้หนี้ยืมสินมากนัก ที่น่าทึ่งยิ่งกว่านั้น ก็คือ กำไรต่อยอดขายที่เป็นตัวบอกว่าผลิตภัณฑ์หรือสินค้ามีอำนาจทางการตลาดสูงแค่ไหน สามารถ "โขกกำไร" จากลูกค้าได้มากแค่ไหนก็ปรากฏว่าบริษัทของหุ้นนางฟ้ามักจะมีกำไรในส่วนนี้สูงมากในระดับใกล้หรือมากกว่า 10% ขึ้นไป ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่ากิจการของหุ้นนางฟ้านั้นมีอำนาจในทางการตลาดสูงมาก
แต่สิ่งที่น่าแปลกที่สุดก็คือ กิจการของหุ้นนางฟ้านั้น มักจะอยู่ในอุตสาหกรรมที่ดูเหมือนว่าจะมีอำนาจทางการตลาดต่ำมาก เช่น เป็นกิจการผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ เป็นกิจการที่ผลิตชิ้นส่วนส่งให้โรงงานที่ประกอบสินค้าสำเร็จรูปขายให้ผู้ใช้สุดท้าย หรือเป็นผู้รับเหมาที่ไปรับงานจากนายจ้างที่มีขนาดใหญ่และมีอำนาจต่อรองมากกว่ามาก ในตลาดเหล่านั้น โดยทั่วไปคนที่ขายสินค้ามักจะขายได้มาร์จินหรือกำไรต่อยอดขายต่ำมากเพราะผู้ซื้อมักจะมีอำนาจต่อรองสูงกว่า และมักจะกดราคาจนทำให้เหลือกำไรน้อยมาก แต่กิจการของหุ้นนางฟ้านั้นดูเหมือนจะเป็นข้อยกเว้น เช่น เป็นผู้ผลิตที่มีต้นทุนต่ำกว่าคนอื่นหรือมีความสามารถพิเศษที่คนอื่นไม่สามารถทำได้
มองทางด้านการเงิน บริษัทของหุ้นนางฟ้าก็มักจะมีฐานะทางการเงินที่ใช้ได้หรือดูดีพอสมควร กล่าวคือ มักจะมีหนี้สถาบันการเงินไม่มากนัก ดังนั้นจึงมักจะจ่ายปันผลค่อนข้างดีเวลามีกำไร แต่ก็น่าแปลกว่า หลายบริษัท ก็มักจะประกาศเพิ่มทุนเพื่อเหตุผลต่างๆ เฉพาะอย่างยิ่งเพื่อขยายกำลังผลิตต่อไป ผ่านการเทคโอเวอร์กิจการของคนอื่น ดูเหมือนว่าผู้บริหารของบริษัทจะมีความมั่นใจในความสามารถของตน สูงกว่าคู่แข่งในวงการเดียวกันมาก
ผู้บริหารกิจการของหุ้นนางฟ้ามักจะมีความสามารถสูงในการ "โฆษณา" กิจการและหุ้นของตนเองมากและมักจะทำบ่อยๆ กลายเป็นขวัญใจของนักลงทุนและมักได้ชื่อว่าเป็นผู้บริหารที่มี "ธรรมาภิบาลสูง" แม้ว่าบางครั้งเมื่อหุ้นตกลงมาอย่างหนัก และไม่ฟื้นกลายเป็นนางฟ้าตกสวรรค์จะทำให้นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามว่าผู้บริหารมีธรรมาภิบาลที่ดีจริงหรือเปล่า
หุ้นนางฟ้านั้น แม้ว่าจะมีผลงานทางด้านผลการดำเนินงานของบริษัทและของราคาหุ้นน่าประทับใจมากอย่างน้อยก็ในช่วงเวลา 2-3 ปีขึ้นไป แต่หุ้นนางฟ้าก็ไม่ใช่หุ้นที่เป็น Great Company หรือบริษัทที่ยิ่งใหญ่ เหตุผลก็คือ อำนาจทางการตลาดของบริษัทเหล่านี้ไม่น่าจะมีสูง หรือถ้าจะมีในปัจจุบันแต่ในระยะยาวแล้วผมเองก็สงสัยว่า บริษัทจะรักษาอำนาจนั้นไว้ได้หรือไม่ ดังนั้น ส่วนตัวผมเอง จึงมักจะไม่ใคร่สนใจหุ้นนางฟ้านักโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมันกลายเป็น "นางฟ้า" คือมีราคาขึ้นไปมากแล้ว เพราะผมเชื่อว่า กิจการที่มีอำนาจทางการตลาดน้อย หรืออำนาจที่มีอยู่ไม่ยั่งยืนโอกาสที่จะทำกำไรดีมากต่อเนื่องระยะยาวก็เป็นไปได้ยาก และเมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้นราคาหุ้นก็จะสะท้อนความเป็นจริงนั้น นี่ไม่ใช่สิ่งที่เป็นแค่การคาดเดา ผมเองเห็นมาไม่น้อยที่หุ้นหลายตัวที่เคยเป็นที่รักของ Value Investor เป็น "หุ้นนางฟ้า" แต่สุดท้ายหุ้นกลับตกลงไปมากมายและไม่ฟื้นกลับ กลายเป็น "นางฟ้าตกสวรรค์"

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘