ยรรยงค์ พันธ์วงศ์กล่อม

กฎเหล็ก 3 ข้อแห่งการลงทุน
“ยรรยงค์ พันธ์วงศ์กล่อม”
- จาก Investor Station.....

“หมอ ยรรยงค ์พันธ์วงศ์กล่อม” นักลงทุนรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์แห่ง ประเทศไทย (ตลท.) ผู้พลิกผลันชีวิตจากหมอฟัน เข้าสู่วงการตลาดหุ้นอย่างเต็มตัว เมื่อ 18 ปีที่ผ่านมา ด้วยเงินลงทุนเพียง 5 แสนบาท แต่ต้องผิดหวังเพราะขาดทุน เหลือเงินเพียง 1.8 แสนบาท แต่นั่นแค่ปีแรกและปีเดียวที่ขาดทุน..นับจากวันนั้น จวบจนถึงวันนี้พอร์ตของเขาไต่ระดับขึ้นสู่หลักพันล้านบาท โดย กฎเหล็ก 3 ข้อ ที่ยึด เป็นหลักปฎิบัติ...แต่จะเป็นเรื่องอะไรบ้างนั้น ติดตามได้ใน “แกะรอยเสือ”

เริ่มต้นด้วยเงินลงทุน 5 แสนบาท
ก่อน มาเล่นหุ้นผมเป็นหมอฟันและผมก็มาเล่นหุ้นตอนปี 2533 ตอนนั้นยังเป็นหมอ ฟันอยู่ พอดีเพื่อนที่เป็นหมอฟันด้วยกันชวนให้มาเล่นหุ้น เราก็ยังไม่รู้หรอกว่ามันเป็นอย่างไร แต่ดูไปดูมาก็สนใจจึงเข้ามาเล่น เริ่มเล่นด้วยเงิน 5 แสนบาท ขาดทุนไปเหลือ 180,000 บาท ตอนนั้นก็ค่อยๆ เรียนรู้จากคนอื่น ไปถามคนโน้นถามคนนี้ เขาก็บอกเราในประสบการณ์ที่เขา มีอยู่ เราก็เอาแต่ละคนมาประยุกต์ใช้ กับตัวเราก็เรียนรู้กับคนอื่น

ตั้งแต่เล่นหุ้นมา..ขาดทุนแค่ปีแรกปีเดียว
จาก ช่วงปีแรกที่ขาดทุน ก็ได้ประสบการณ์และมีการเรียนรู้และปรับตัว ซึ่งก็เป็น แค่ปีนั้นปีเดียวที่ขาดทุน..หลังจากนั้นก็ได้กำไรทุกปี ตอนดัชนีฯ 200 จุด พอร์ตผม new high ก็คือ SET ขึ้นไปผมเข้ามาเล่นตอนดัชนีฯ 650 จุด ขึ้นไป 1,700 จุด แล้วจาก 1,700 จุด ลงมา 200 จุด โดยธรรมชาติเงินมันจะหายไปแต่เงินผมไม่ได้หาย เงินผมก็ มีเยอะกว่าเดิมก็เหมือนกับปัจจุบันที่ SET อยู่ที่ 900 จุด ลงมาเหลือ 400 กว่าๆ ถามว่าของผมเป็นยังไง ผมไม่มีหุ้นเลย โดยทั่วไปมันต้องขาดทุนมากหรือน้อย..แต่ ผมกำไร

รอบนี้ไม่ขาดทุนเลย รอบนี้ไม่โดน..ยังมีกำไรอยู่เลย
ผม ไม่ได้เล่นตั้งแต่ดัชนีฯ 900 จุด แล้ว ผมมองตอนที่เกิดซัพไพร์มขึ้นมา ผมรู้อยู่แล้วโดนแน่นอน แต่ว่าเวลา ไหนไม่รู้ผมก็ระมัดระวังตัวมาตลอดและก็คิดว่าราคาหุ้นมันน่าจะลดได้ มากกว่านี้ก็เลยไม่เล่น หมายถึง..ไม่เล่นเลย แต่เพิ่งกลับมาซื้อเร็วๆ นี้เอง มีบ้างนิดๆ หน่อยๆ คิดเป็น 5%ของพอร์ตประมาณนี้ บอกเลยว่าสไตล์ ผมไม่เคยมีหุ้นถ้าผมมองไม่ดี ปรัชญาการลงทุนของผมคือมองเรื่อง ความเสี่ยงเป็นหลัก อะไรที่ผมตอบไม่ได้ถือเป็นความเสี่ยงหมด

หุ้นในพอร์ตสูงสุด 2-3 ตัว
หุ้น ในพอร์ตเยอะสุดคือประมาณ 2-3 ตัว เช่นถ้าผมสนใจหุ้น ABC ผมก็จะซื้อเยอะเลย ส่วนการ cut loss ผมก็จะตัดทีละตัว ฉะนั้น เราต้องมองดีๆ เพราะเวลาขายมันไม่ได้ขายง่ายๆ แต่เมื่อไหร่ไม่เล่นหุ้น ก็จะอยู่ที่แบงก์หรือพักที่กองทุนบ้าง 100% แต่ถ้าลงทุนจะลงทุนหมด เลย ผมจะ swicth ถ้าเล่นก็เล่นเลย ถ้านับวันลงทุนก็อาจจะแค่ปีละ 2 เดือนเองนะอีก 8 เดือนฝากแบงก์ ผมให้สัดส่วนการลงทุน 100 กับ 0 ถ้า ตลาดดีก็ 100% ถ้าไม่ดีก็คือ 0%

เล่นหุ้นเพราะสนุก..ไม่ใช่เพราะอยากมีเงินเพิ่ม
มี หลายคนถามเรื่องการไปลงทุนต่างประเทศ อย่างไปลงทุนเวียดนาม ต้องออกจากบ้านไปไปเจอผู้คนที่ไม่ใช่บ้านเรา ทำไปทำไม เขาบอกว่าเพราะมัน ถูก แล้วส่วนที่คุณได้มามันมีกำไรไหม..มันไม่มีค่า คุณจะทำไปทำไม เพราะ สำหรับผมมันเป็นส่วนเกินของชีวิตแล้ว คือมันไม่มีค่า แล้วคุณจะหาไปทำไม แต่ ที่ผมเล่นหุ้นเพราะมันสนุก ตอนนี้เมื่อไหร่ผมไม่เครียดผมก็จะเล่นหุ้น ถ้าผมเล่น ต้องไม่เครียด ฉะนั้นรอบนี้ผมก็ไม่ขาดทุนอะไร เพราะว่าผมจะมองสิ่งที่เราคิดมัน ถูกหรือมันผิดเท่านั้นเอง แต่การเล่นหุ้นมันเป็นความชอบส่วนตัว ไม่ใช่เล่นเพราะ อยากได้เงินเพิ่ม เล่นเพราะมันสนุก คืดว่าผมชอบคิดว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป และ สิ่งที่เราคิดมันถูกหรือผิด เป็นเหมือนการทดลอง และก็เล่นแบบไม่เครียดนะ ถ้า เครียดผมไม่เล่นหุ้น

ก่อนลงทุนต้องมองอนาคต
อย่าง แรกต้องมองภาพรวม ปีนี้ ปีหน้า ปีโน้นอะไรจะมา อย่างเช่นสิ่งที่จะให้ผล ตอบแทนได้มากที่สุดคือกลุ่มคอมมูดิตี้ แต่เมื่อไหร่จะถึงจุดต่ำสุด อย่างตอนนี้ก็มีธุรกิจเดินเรือ ธุรกิจอะโรเมติกส์ พวกนี้เป็นไปตามไซเคิล ในช่วงขาลงห้ามเข้า ถ้ามองจากตรงนี้ผมว่ายังไม่ ถึงไซเคิลต่ำสุดของมันอย่าเพิ่งซื้อ ฉะนั้นธุรกิจที่เป็นขาลงอยู่แต่ราคาหุ้นมันตกลงมาถูกๆ นั่น คือเรามองอดีตอนาคตมันคือนรกรออยู่ข้างหน้า ต้องมองอนาคต

แค่บทวิเคราะห์ไม่พอ
เริ่ม แรกศึกษาจากบทวิเคราะห์จากหลายๆ โบรกเกอร์ ดูจากข้อมูลทางการเงิน การ ทำกำไร และดูแนวโน้มตลาดโดยรวมด้วยว่าเป็นอย่างไร เพราะถึงแม้บริษัทดีแต่ตลาดฯ ไม่ดี ก็ไม่เล่นแล้ว อย่างเช่นเพิ่งซื้อหุ้นไปแต่ช่วงนี้ราคาหุ้นมัน under value แต่เราอาจจะเสีย โอกาสเพราะมันอาจจะลงได้อีก บทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ ผมว่าสำคัญอันดับ หนึ่ง เพราะดูปัจจัยพื้นฐาน อาจจะมีเข้าไป Visit พูดคุยกับผู้บริหารบ้าง สมมติผมมอง เรื่องนี้อยู่ผมก็จะดูว่าที่ไหนมันมี Research ตัวนี้อยู่ ผมก็จะเอามาดูแต่จะเข้าไปพบผู้ บริหารอีกทีเพื่อขอข้อมูลที่ชัดเจน บางทีเราอ่านบทวิเคราะห์แล้วอาจจะมี Question mark ไม่ใช่อ่านแล้วก็เชื่อ ก็ไปถามเขาอีกที เพราะไม่รู้ว่าเขาโกหกเราหรือเปล่า จากนั้นเราก็มาคิดรวบรวมว่าทั้งหมด มันมีความเป็นไปได้หรือเปล่า ถ้าเป็นไปได้เรา ก็ซื้อ และถ้าตัดสินใจซื้อ ผมก็จะซื้อเยอะ ฉะนั้นเวลาผมซื้อหุ้นก็ต้องขึ้น..ไม่มีหุ้นไม่ ขึ้น ถ้าซื้อขึ้นแน่ แต่ถ้าขายก็ลงแน่เช่นกัน เพราะว่าผมขายเกลี้ยง

เคยโดนหลอกเหมือนกัน
ผม เคยโดนหลอกเหมือนกัน มีอยู่ครั้งหนึ่งผมไป Visit บริษัทด้านชิ้นส่วน อิเล็กทรอนิกส์ สิ่งที่เขาบอกผมคือบริษัทไม่ดี ห่วย กำไรจะตก ผมซื้อไปแล้วประมาณ 5% แจ้งตลาดฯ ไปแล้ว เพราะโดยธรรมชาติไม่มีบริษัทไหนบอกว่าบริษัทตัวเองไม่ดี ไม่เคยเจอถ้าไม่ดีมันต้องไม่ดีจริงๆ ผมกลับมาขายทิ้งหมดเลย ปรากฎว่าหลังจากนั้น ประกาศผลการดำเนินงาน กำไรเป็น 2 เท่า ผมโดนหลอกซึ่งผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขา กลัวเราขนาดนี้ คราวนั้นผมเชื่อเลย เพราะโดยธรรมชาติไม่มีใครบอกว่าไม่ดีใช่มั๊ย ฉะนั้นข้อดีของการไป Visit คือต้องต้องชั่งน้ำหนักว่าเขาคิดอย่างไรด้วย

องคิดเรื่องความรู้-ก่อน-เรื่องเงิน
ก่อน เล่นห้จักตัวเองว่าเป็นคนอย่างไร ชอบแบบไหน เพื่อจะ ด้กำหนดหุ นที่จะลงทุนได้ถูกกับลักษณะนิสัยของตัวเอง อันดับแรกของคนทีะเข้ามาลงทุน สิ่งที่จะต้องทำคื คิดเรื่องความรู้ ก่อนเรื่องเงิน คื โดยส่วนใหญ่คนจ ลงทุนต้องเป็นคนที่มีเงิน มาลงทุนมีเงินเป็น้า น ส่วนใหญ่จะเป็นพ่อ้าเป็นนักวิชาการประสบความสำเร็จในชีวิตมาแล้วถึงจะมีเงิน เช่นเจ้าของอู่รถาจจะมีเงินอยู่ 2 ล้าน ทำงานมาแล วือว่ เก่งแล้วมีปะสบการณ์แล้วเอาเงิน20 ล้านมาเล่น คือกว่ คุณจะได้เง น 20 ล้าน คุณมีประส กา ณ์มา 20 ปี คุณเอาเงินท้งีว ตมาเล่นหุ้นโดยที่คุณไม่มีอะไรเลย แล้วก็ตลาดหุ้นมัน ป็นธุรกิจที่ยากที่สุดในโลก เพราะคุณต้องรู้ธุ กิจใน 400 บริษัทจดทะเบี นว่ แบบไหนดี ที่สุดใน 400 บริษัท แต่ใน วามากก็มี กมุมคือ ไม่มีธุรกิจไหนให้ ลตอบแทนดีเท่าธุรกิจนี้แล้ว ตลาดหุ้นต้องเรีย

3 ปีจึงจะรู้ว่าสอบผานหรือไม่
ผม แนะนำนะ นักลงทุ ที่เข้ามาันดับแรก ถ้าคุณมีเงิน 10 ลาน คุณเล่นหุ น แสนาทก่อน แสนน้ หมือนคุณเร ยนหนังสือ คุณมาเรียนหนังสือ จบหลักสูตร 3 ปีำหรับตลาดห้ ต้ เรียน 3 ปี ถึงจะรู้ว่าค ณ อบ่านหรือไม่ผ่าน สมมติว่า 1 แสนบาท ของคุณได เิ่มคุณ ็เล่นหุ้นต่อไป แต่ถ้า 1 แสน แล้วข ดทุน ค ณ ็กลับไปทำงานต อ คุณยังมีความรู้ไม พอและไม่พร้อมที่จะเล่นไซเคิลการขึ้นล งของหุ้น อย่างน้อย 10 ปี ถาคุณเกิดใ ช่ งตาดขาขึ้น คุณจะหมดตัวเพราะม วิธีการเล่นขาขึ้ นอย่างเดียว คือขาดทุนไม่ขาย ต่ถ้าเกิดเล่นเม อมันลง ขาดทุนไม่ขายคุณก็ จ๊ง แต่ถ้าขาดทุนแล้ว ut Loss คุณก็เก่ เรื อง C t Loss ต่อไปถ้า กิด บบนี คุณจะรู้ไม่หมดตัว แต่ถ้าคุณอยู่ในตล ดขา ขึ้นคุณหมดตัวก่อนเพราะคุณไม่เคยเห็นตลาดขาลง กว่าจะรู้ตัวคุณก็ มดตัวไปแล้ว ตลาดหุ้น ขาขึ้นให้ ด็กอนุบาลมาเล่นก็กำไรหมด เขาบอกว่าเราจะวัด นเก่งในตลาดหุ้นต้องดูว่าใ ครรอดอย่างรอบนี้ต้องวัดใครไม่โดน ใครรอดจบหลักสูตรด กเตอร์เลย ไม่ใช่เรื่องง่า

สำหรับนักลงทุนที่จะปฏิบัติตามกฎเหล็ก 3 ข้อของคุณหมอ ยรรยง...แต่หากทำ ด้ มองแนวโน้มตลาดฯให ออก เลือกหุ้นที่จะลงท นให้ถูกตัว การไต่ไปเป็นนักลงุนแถวห น้าของเมืองไทยที่ได้รับผลตอบแทนที่ดีก็ไม่น่าจะไกลเกินเอื้อม สัปดาห์หน้ามารู้

สัปดาห์พบกับ “เสี่ยปู” ตอนนี้ม ฉายาว่า “ อร์แรนต์ บัฟเฟต เมืองไทย” เนื่องจ กสไตล์การ งทุนที่เปลี่ยนแปลงไปจากนั กเก็งกำไร-สู่-แวลู อินเวสเตอร์ เพราะ ะไร..คนที่เ ยทำกำ ไรมหาศาลจากวิธีลงทุนแบบเก็งกำไร จึงเปลี่ยนสไตล์ให่.. หาคำตอบได้ใน “แกะรอยเสือ”

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘