หุ้นเกียร์ว่าง

คนที่มีหน้าที่จะต้องทำแต่ไม่ทำ โดยเฉพาะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเราเรียกว่าพวก "เกียร์ว่าง" หุ้นที่ควรจะให้ผลตอบแทนแก่ผู้ถือ เฉพาะอย่างยิ่งก็คือ ราคาหุ้นควรจะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามสมควรแต่ราคากลับไม่ไปไหนมานานผมก็อยากจะเรียกว่าหุ้น "เกียร์ว่าง"
หุ้นเกียร์ว่างในความหมายของผมนั้น ไม่ใช่หุ้นของบริษัทที่มีผลการดำเนินงานย่ำแย่ ฐานะการเงินมีปัญหา ผู้บริหารไม่โปร่งใส หรือไม่น่าไว้วางใจในแง่ของความซื่อสัตย์ แต่เป็นบริษัทที่มีผลประกอบการดีพอใช้ ฐานะการเงินค่อนข้างดี ที่สำคัญกว่า ก็คือ ราคาหุ้นถูกมาก หลายบริษัทเป็นหุ้นที่เรียกว่าหุ้นคุณค่าได้ แต่เมื่อเราซื้อไปแล้ว ราคาหุ้นกลับไม่ไปไหน สภาพคล่องในการขายก็ไม่ดี สิ่งที่ได้ก็มักจะเป็นปันผลปีละครั้งในอัตราประมาณ 5-6% อาการแบบนี้มักจะเป็นติดต่อกันนาน บางทีหลายปีจนเราเบื่อ แต่เวลาคิดจะขายก็รู้สึกเสียดายเพราะเราคิดว่าราคาหุ้นมันถูกมาก มันน่าจะขึ้นไปได้มาก แต่มันก็ไม่ขึ้น เพราะมันเป็นหุ้น "เกียร์ว่าง" หุ้นแบบนี้ถึงจะไม่ขาดทุนแต่ก็ไม่ทำกำไรให้กับเรา เราเสียเวลา และเสียโอกาสที่จะทำกำไรจากหุ้นตัวอื่นที่ราคาวิ่งเอาๆ เท่าที่สังเกตดู หุ้นเกียร์ว่างมักจะมีลักษณะและคุณสมบัติบางอย่างดังต่อไปนี้
ข้อแรก หุ้นเกียร์ว่างมักจะทำธุรกิจที่มีการเติบโตน้อย หรือเป็นธุรกิจประเภทตะวันตกดิน อย่างน้อยก็ในสายตาของคนทั่วไป ดังนั้น จึงมีคนสนใจที่จะลงทุนน้อย เฉพาะอย่างยิ่งก็คือ ไม่อยู่ในสายตาของนักเก็งกำไรรายย่อยหรือนักเล่นหุ้นขาใหญ่ ตัวอย่างที่ชัดที่สุดดูเหมือนจะเป็นหุ้นสิ่งทอ และสินค้าทางด้านการเกษตรบางอย่าง
ข้อสอง หุ้นเกียร์ว่างมักจะเป็นบริษัทที่ "เงียบมาก" นั่นคือ บริษัทมีข่าวน้อยมาก ทั้งในแง่ของตัวกิจการเองก็พบว่า บริษัทไม่ค่อยมีข่าวว่าจะขยายงาน ทำกิจกรรมใหม่ๆ ที่น่าสนใจ หรือแม้แต่ข่าวยอดขายหรือการทำกำไรของบริษัท ตัวผู้บริหารเองก็เปิดตัวกับสาธารณชนน้อยมาก ถ้าถามว่าใครเป็นผู้จัดการบริษัทเราก็มักจะนึกชื่อไม่ค่อยออก หลายๆ บริษัทไม่มีคนที่รู้เรื่องพอที่จะตอบปัญหากับนักลงทุนเพราะเขาไม่มีแผนกนักลงทุนสัมพันธ์
นอกจากนั้นพวกเขาก็อาจจะไม่มาชี้แจงนักลงทุนในงาน OPPORTUNITY DAY ที่จัดโดยตลาดหลักทรัพย์ ว่าไปแล้ว ผู้จัดการของบริษัทอาจไม่ได้สนใจนักลงทุนเลยก็ได้ เพราะเขาอาจจะคิดว่าบริษัทเขาไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน
ข้อสาม คุณสมบัติอย่างหนึ่งของหุ้นเกียร์ว่าง ที่ทำให้มันเป็นหุ้นที่อาจจะ "น่าสนใจ" ก็คือ กิจการมักมีกำไรที่สม่ำเสมอพอสมควร และมีแนวโน้มว่าจะเติบโตบ้างแต่ก็ไม่มากนัก ประเด็นที่ควรดูก็คือ กำไรของหุ้นเกียร์ว่างเมื่อเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้นหรือค่า ROE นั้น มักจะค่อนข้างต่ำ หรือถ้าจะพูดง่ายๆ ก็คือ กำไรไม่ค่อยคุ้มกับเงินที่เจ้าของหรือผู้ถือหุ้นลงทุนไป ซึ่งนี่ก็นำไปสู่ลักษณะข้อที่สี่
ข้อสี่ หุ้นเกียร์ว่างนั้น บริษัทมักจะจ่ายปันผลน้อยเมื่อเทียบกับกำไรในแต่ละปีทั้งๆ ที่บริษัทมีเงินสดเหลือมากและไม่ควร หรือไม่จำเป็นต้องใช้เงินในการลงทุนมาก เช่น บริษัทอาจจะจ่ายปันผลเพียง 25-50% หรือน้อยกว่านั้น โดยส่วนที่บริษัทเก็บไว้ 50-75% นั้น บริษัทสามารถสร้างผลตอบแทนได้ต่ำไม่คุ้มค่า นี่เป็นสิ่งที่ดูไม่สมเหตุสมผลแต่บริษัทเกียร์ว่างก็มักจะทำ โดยที่แรงจูงใจก็มักจะเป็นว่า บริษัทต้องเก็บเงินไว้เพื่อความมั่นคงของบริษัท แต่ลึกๆ แล้ว ผมคิดว่า การเก็บเงินกำไรไว้กับบริษัทมากๆ นั้น เป็นผลประโยชน์ของผู้บริหารที่จะมีเงินจับจ่ายได้อย่างสบาย และปลอดภัยในยามที่บริษัทอาจจะประสบกับปัญหา
นอกจากนั้น การมีเงินมากก็สามารถเอาไปออกดอกผลเพื่อทำให้กำไรดูดีขึ้น และช่วยเสริมผลงานของผู้บริหารขึ้นไปอีก แต่นี่ก็คือ การได้กำไรเพิ่มที่ไม่คุ้มค่าสำหรับผู้ถือหุ้น
ข้อห้า ถึงแม้ว่าหุ้นเกียร์ว่างจะจ่ายปันผลเมื่อเทียบกับกำไรในแต่ละปีน้อย แต่ถ้าเอาปันผลเทียบกับราคาหุ้นแล้วกลับปรากฏว่า ผลตอบแทนค่อนข้างดีเนื่องจากราคาหุ้นเกียร์ว่างนั้นมักจะต่ำกว่าที่ควรเป็น นอกจากนั้น ผลของการที่ราคาหุ้นค่อนข้างต่ำ ก็ทำให้ค่าราคาหุ้นต่อกำไร หรือ ค่า PE ของหุ้นเกียร์ว่างนั้นค่อนข้างต่ำ เช่นเดียวกัน ค่า PB หรือราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชีของหุ้นเกียร์ว่าง ก็ต่ำมาก หลายๆ ตัวมีค่า PB ต่ำกว่า 1 เท่า ในขณะที่ค่า PE เพียง 6-7 เท่า ซึ่งในสายตาของ VALUE INVESTOR หลายๆ คนแล้ว นี่คือหุ้นที่ถูกสุดๆ และให้ผลตอบแทนปันผลสูง ดังนั้นจึงเป็นหุ้นคุณค่าที่น่าสนใจมาก
ข้อหก หุ้นเกียร์ว่างนั้น มักจะมีสภาพคล่องในการซื้อขายต่ำอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะแตกต่างจากหุ้นที่มีสภาพคล่องต่ำในบางช่วงอย่างหุ้นเก็งกำไร หุ้นตัวเล็ก หรือหุ้นในกลุ่มอื่นๆ เหตุผลนั้นก็คงเป็นเพราะหุ้นเกียร์ว่างมักจะไม่มีความหวือหวาทั้งในเรื่องของผลการดำเนินงานของบริษัท และในเรื่องของข่าวต่างๆ ที่จะช่วยขับเคลื่อนราคาหุ้น เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ ผู้บริหารเองก็ไม่สนใจราคาหุ้น แต่มักจะมีนโยบายที่ไม่เป็นผลประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นแต่เป็นผลประโยชน์ของผู้บริหารมากกว่า
หุ้นเกียร์ว่างนั้น ในหลายๆ กรณี มีคุณสมบัติที่ใกล้กับการเป็นหุ้นคุณค่า ในบางครั้ง เราลงทุนซื้อหุ้นตัวหนึ่งโดยหวังว่า มันจะให้ผลตอบแทนงดงามเพราะมันถูกมาก มีผลการดำเนินงานสม่ำเสมอ มีผลตอบแทนปันผลที่ดี ผู้บริหารเองก็ดูซื่อสัตย์ ดูแล้วเป็นหุ้นคุณค่า แต่ซื้อแล้วเก็บเป็นเวลานานก็ไม่เห็นว่าหุ้นจะขึ้นแม้ว่ากำไรก็ยังดูดีอยู่ เราก็หวังว่าถ้าหุ้นไม่ขึ้น แต่ปันผลเพิ่มเราก็ยังพอใจ แต่รอเท่าไรปันผลก็ไม่เพิ่ม หรือเพิ่มน้อยมาก เราเริ่มนึกไม่ออกว่าเราจะรออะไร
ถ้าเป็นแบบนี้ นี่อาจจะเป็นสัญญาณว่า เราอาจจะเจอหุ้นเกียร์ว่างเข้าให้แล้ว

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘