พอร์ตของความมั่งคั่ง

นักลงทุนที่มุ่งมั่น หรือแม้จะยังไม่มุ่งมั่นก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ต้องทำ หรือควรจะทำอย่างยิ่งเวลาลงทุนในตลาดหุ้นก็คือ การบันทึกข้อมูลการลงทุนและผลงานการลงทุนที่ผ่านมาทั้งหมดเหตุผลก็คือ มันทำให้เรารู้ว่า พอร์ตของเรามีสถานะอย่างไร และที่ผ่านมามันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร การทำอย่างนั้น จะทำให้เราสามารถวิเคราะห์ได้ว่า การลงทุนของเรา ประสบความสำเร็จ หรือล้มเหลวแค่ไหน ที่สำคัญ มันยังบอกให้เรารู้ว่า ความสำเร็จนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากฝีมือหรือโชค มันยังบอกให้เรารู้อีกว่า เราเป็นนักลงทุนหรือนักเก็งกำไรและเป็นสไตล์แบบไหน
ในช่วงที่ยังเป็นนักลงทุน "สมัครเล่น" ซื้อขายหุ้นเก็งกำไรเล็กๆ น้อยๆ นั้น ผมเองยอมรับว่าไม่เคยจดบันทึกผลงานการลงทุน เม็ดเงินที่ใช้ซื้อขายหุ้นก็ไม่แน่นอนแต่จะปนไปกับบัญชีเงินฝากที่รวมรายได้จากเงินเดือนและอื่นๆ เช่นเดียวกัน รายจ่ายในชีวิตประจำวันก็จ่ายจากบัญชีเดียวกัน ดังนั้น เวลาซื้อขายหุ้นผมจึงไม่รู้จริงๆ ว่าเราได้กำไรหรือขาดทุนจากการ "เล่นหุ้น" ผมอาจจะรู้หรือเดาอย่างคร่าวๆ ว่า ได้กำไรหรือขาดทุนจากการจำได้ถึงผลการลงทุนของหุ้นแต่ละตัว และก็สรุปในใจว่าช่วงนี้ได้กำไรหรือช่วงนี้ขาดทุนเป็นเงินมากหรือน้อย โดยรวมแล้ว ผมก็มักจะมีข้อสรุปว่า "เสมอตัว" เพราะเวลาเล่นหุ้นระยะสั้นนั้น โอกาสกำไรกับโอกาสขาดทุนมักจะมีพอๆ กัน เวลากำไรก็กำไรไม่มาก เวลาขาดทุนก็ขาดทุนไม่มาก ช่วงหุ้นบูมก็กำไรมากหน่อย ช่วงหุ้นตกต่ำก็ขาดทุนมากหน่อย แต่ทั้งหมดนั้น ไม่ได้เปลี่ยนแปลงฐานะทางการเงินของตัวเองอย่างมีนัยสำคัญ การเล่นหุ้นหรือลงทุนในหุ้นเป็นเพียง "งานอดิเรก" หรือกิจกรรมที่ตื่นเต้นท้าทายในบางช่วงบางตอนของชีวิต
หลังจากเริ่มชีวิตการลงทุนแบบ Value Investment ย้อนหลังไปสัก 12-13 ปี ที่ผ่านมา ผมก็เริ่มจดบันทึกรายงานพอร์ตโฟลิโอ โดยอาศัยโปรแกรมคอมพิวเตอร์หยาบๆ ที่เขียนขึ้นเอง เนื่องจากในช่วงนั้นยังไม่มีโปรแกรมสำเร็จรูปที่ผมจะหามาใช้ได้ การบันทึกรายงานการถือหุ้นในพอร์ตโฟลิโอซึ่งรวมถึงมูลค่าต้นทุน มูลค่าตามราคาตลาด และกำไรของหุ้น และพอร์ตการลงทุนทำให้ผมเริ่มจะรู้อย่างถูกต้องว่าการลงทุนในหุ้นแต่ละตัวและพอร์ตมีกำไรเท่าไร
อย่างไรก็ตามผมก็ยังไม่รู้ เพราะไม่ได้บันทึกว่าหุ้นที่ซื้อมาและขายไปแล้วมีกำไรเท่าไร และเม็ดเงินกำไรโดยรวมของพอร์ต มีกำไรเท่าไรในแต่ละช่วงเวลา ปัญหาก็คือ ผมไม่มีบัญชีเฉพาะที่คุมเม็ดเงินทั้งหมดที่กันไว้สำหรับการลงทุน ซึ่งจะต้องแยกจากบัญชีอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตามปัญหานี้ได้หมดไปเมื่อผมตัดสินใจลงทุน "ร้อยเปอร์เซ็นต์" นั่นคือ ถือว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่มีอยู่เป็นเงินลงทุนในพอร์ตหุ้นทั้งหมด ดังนั้น สิ่งที่ผมจะต้องดูก็คือ ความมั่งคั่งซึ่งรวมถึงหุ้น พันธบัตร (ถ้ามี) กองทุนรวมทุกชนิดและเงินสด ทั้งหมดของผมมีเท่าไรในแต่ละช่วงเวลา
ในช่วงแรกๆ ผมคงบันทึกสถานะของ "พอร์ตความมั่งคั่ง" เป็น "รายสะดวก" นั่นคือ ไม่มีเวลาแน่นอน ส่วนใหญ่ก็คือ ช่วงที่มีการปรับพอร์ตและต้องบันทึกข้อมูลการลงทุนใหม่ ต่อมาก็อาจจะบันทึกเป็นรายเดือน สุดท้ายบันทึกเป็นรายสัปดาห์ ผมยังจำได้ว่าในช่วงที่หุ้นซบเซามากในช่วงหลังวิกฤติเศรษฐกิจราวปี 2540 - 2543 นั้น บางครั้งเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ผมยังไม่ได้อัพเดท ข้อมูล เหตุผลก็คือ ราคาหุ้นในช่วงนั้นนิ่งมาก กิจกรรมการซื้อขายก็น้อยมาก ตลาดมีปริมาณการซื้อขายต่อวันเพียง 2-3,000 ล้านบาทต่อวัน และผมก็ขี้เกียจที่จะติดตามราคาหุ้น อย่างไรก็ตามโดยรวมแล้ว พอร์ตของความมั่งคั่งของผม ก็ได้รับการบันทึกอย่างต่อเนื่องมาอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าสิบปีและมีความเที่ยงตรงพอใช้อย่างที่พูดว่า Approximately Right หรือประมาณว่าถูกต้อง
สิ่งที่ผมเห็นจากการ "เคลื่อนไหว" ของพอร์ตเป็นสิบปีนั้น ทำให้ผมรู้ว่า โดยรวมแล้ว ผมลงทุนในหุ้นประมาณ "ร้อยเปอร์เซ็นต์" ตลอดเวลา นั่นคือ ในแต่ละช่วงเวลาผมมีเงินสดในพอร์ตน้อยมาก โดยเฉพาะในช่วงหลังๆ ที่พอร์ตมีมูลค่าเพิ่มขึ้นมาก ผมแทบจะไม่เคยมีเงินสดเกิน 1% จากข้อมูลของพอร์ต ยังบอกว่าผมถือหุ้นแต่ละตัวค่อนข้างยาวประมาณว่า โดยเฉลี่ยน่าจะถือประมาณ 5 ปีก่อนที่จะขายออกไป จำนวนหุ้นในพอร์ตของผมเองนั้นมีแนวโน้มลดจำนวนลงและมีการ "Focus" หรือเน้นลงทุนในหุ้นแต่ละตัวหนักขึ้น ในด้านของธุรกิจที่ลงทุน ดูเหมือนว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไป จากหุ้นที่หลากหลายจะกลายเป็นหุ้นที่มีลักษณะของ Theme หรือเป็นหุ้นในกลุ่มเฉพาะมากขึ้น ฐานะของพอร์ตที่มองเห็นในแต่ละช่วงนั้น สิ่งที่เห็นก็คือ ผมแทบจะไม่เก็บหุ้นที่ "ขาดทุน" เลยนั่นคือ หุ้นเกือบทุกตัวในพอร์ตในแต่ละช่วงเวลามักจะเป็นหุ้นที่มีกำไร ตัวที่เก็บมานานก็มักจะมีกำไรมาก ตัวที่เก็บมายังไม่นานก็มักจะมีกำไรน้อยกว่า และเฉพาะตัวที่เพิ่งเก็บมาที่อาจจะมีขาดทุนบ้างซึ่งก็มักจะมีจำนวนน้อยมาก พูดง่ายๆ ผมไม่ชอบเก็บวัชพืช ถ้าตัวไหนซื้อมานานยังขาดทุนผมก็มักจะขายทิ้งไป
ทั้งหมดนั้นก็คือ พอร์ตของความมั่งคั่งของผม และการวิเคราะห์อย่างหยาบๆ ซึ่งช่วยให้ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมได้ทำมานั้น ถูกต้องมากน้อยแค่ไหน และตรงกับแนวความคิดในการลงทุนของผมหรือไม่ หลายเรื่องผมรู้ว่าผมทำผิดและแก้ไข หลายเรื่องผมคิดว่าถูกต้องอย่างน้อยก็ถึงเวลาปัจจุบัน แม้ว่าผมอาจจะยังไม่รู้ว่าจะถูกต้องต่อไปหรือไม่ พอร์ตของความมั่งคั่งนี้จะบอกให้ผมรู้และแก้ไขได้ทันเวลา และผมแนะนำว่า นักลงทุนทุกคนจำเป็นต้องทำ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘