พนัน-เก็งกำไร-ลงทุน

คนจำนวนมากมักสับสนระหว่างการพนัน การเก็งกำไร และการลงทุน การพนันนั้น โดยทั่วไป เป็นเรื่องที่เสี่ยงที่สุดและมักนำไปสู่หายนะสำหรับคนที่เล่นเป็นนิจสิน การเก็งกำไรเป็นเรื่องของการ "เก็ง" หรือคาดการณ์ มักมีความเสี่ยงสูงแต่ก็มีโอกาสรวยได้ ส่วนการลงทุนนั้นมักจะฟังดูดี
เป็นเรื่องของคนที่เอาการเอางาน ความเสี่ยงก็มีพอสมควร และในระยะยาวหน่อยก็อาจจะมีโอกาสรวยได้เช่นกัน นั่นก็คือคุณลักษณะที่คนทั่วไปมักมีความเห็นสอดคล้องกัน แต่เส้นแบ่งระหว่างคำทั้งสามนั้น ผมคิดว่าเราควรจะมีความชัดเจนกว่านั้น และต่อไปนี้คือ "นิยาม" ที่ผมคิดว่าจะช่วยให้เราแยกแยะได้ดีขึ้นว่าอะไรคือการพนัน อะไรคือการเก็งกำไร และอะไรคือการลงทุน
เรื่องแรกก็คือ เรื่องของ "คู่กรณี" หรือจะเรียกว่า "คู่ต่อสู้" ก็ไม่ว่ากัน ถ้าเป็นการพนัน จะมีคนอื่นที่เรารู้จัก ที่จะมา "พนัน" กับเรา เขาอาจจะเป็นเพื่อนร่วมก๊วนกอล์ฟ ขาไพ่ หรืออาจจะเป็นบ่อนกาสิโน สนามม้า โต๊ะบอล หรือเขาอาจจะเป็นกองสลากของรัฐบาลหรือเจ้ามือหวยกินรวบก็ถือเป็นคู่กรณีทั้งสิ้น การเก็งกำไรนั้น คู่กรณีมักจะเป็น "ตลาด" ที่เราไม่รู้ว่าใครเป็นคนเล่นกับเรา เช่นตลาดทองคำ ตลาดน้ำมัน ตลาดหุ้น ตลาดที่ดิน ตลาดพระเครื่อง ตลาดข้าว ตลาดเหล็ก และอื่น ๆ อีกมากมาย ส่วนการลงทุนนั้น คู่กรณีมักจะเป็นหน่วยทางเศรษฐกิจที่มีกระบวนการในการผลิต ที่มีการเพิ่มขึ้น (หรือลดลง) ของมูลค่าในตัวมันได้ ประเด็นที่สำคัญก็คือ มันมักจะสามารถสร้าง "กระแสเงินสด" ออกมาให้กับเจ้าของของมันได้ต่อเนื่อง
เรื่องที่สองก็คือ ทั้งการพนัน การเก็งกำไร และการลงทุน เราต้องจ่ายเงินหรือสัญญาว่าจะจ่ายเงินเพื่อที่จะเข้าไปทำ หลังจากนั้น เราจะได้ผลตอบแทนกลับมาเมื่อมีเหตุการณ์หรือผลลัพธ์บางอย่างออกมา ในเรื่องของการพนัน กฎเกณฑ์การจ่ายมักจะแน่นอน เช่น ถ้าเราเล่นไพ่แต่ละอย่าง เขาก็มีกฎเกณฑ์ว่าคนแพ้ต้องจ่ายเท่าไรและคนชนะจะได้กี่บาทแน่นอน เช่นเดียวกับการแทงม้า แทงบอล และอื่น ๆ อีกมาก
รวมถึงสลากกินแบ่งและหวยใต้ดิน การเก็งกำไรนั้น "รางวัล" หรือผลตอบแทนจะไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับตลาด กำไรอาจเป็นร้อย พันเปอร์เซ็นต์ หรืออาจจะติดลบก็ได้ เพราะราคาของสิ่งต่าง ๆ ในท้องตลาดมักจะสามารถวิ่งไปได้อย่างไม่มีขีดจำกัด อย่างเช่น น้ำมัน ทอง หรือหุ้นที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ การลงทุนนั้น น่าจะเป็นได้ทั้งสองแบบ นั่นคือ มีทั้งแบบที่มีการกำหนดกติกาการจ่ายที่แน่นอน เช่น พันธบัตร หุ้นกู้ และแบบที่ผลตอบแทนไม่แน่นอนและไม่มีขีดจำกัดเช่น หุ้นสามัญทั้งที่เป็นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์และหุ้นบริษัทเอกชน
เรื่องที่สามก็คือ เรื่องของความสามารถในการคาดการณ์ผลลัพธ์ที่จะออกมา เรื่องการพนันนั้น ในหลาย ๆ เรื่อง เราสามารถใช้สถิติบอกความน่าจะเป็นของผลลัพธ์ได้ เช่น ถ้าเราแทงหวยใต้ดินเลขท้ายสองตัว โอกาสถูกรางวัลก็คือ 1 ใน 100 หรือการเล่นไพ่หลาย ๆ แบบเราก็สามารถคำนวณความน่าจะเป็นได้ แต่การพนันในหลาย ๆ เรื่องเช่นการแทงม้า แทงบอล การเล่นไพ่ที่ต้องใช้กลยุทธ์ เหล่านี้ ฝีมือในการเล่นเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้แพ้หรือชนะได้ ในเรื่องของการเก็งกำไรนั้น
โดยส่วนใหญ่แล้ว ผลลัพธ์เป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้ยาก และคนที่มีความสามารถโดดเด่นจริง ๆ คือสามารถคาดการณ์ได้ถูกต้องมากกว่า 50% อย่างมีนัยสำคัญทางสถิตินั้น หาได้ยากทีเดียว ดังนั้น คนที่เก็งกำไรเป็นนิจสินจึงมักจะขาดทุนเป็นส่วนใหญ่เมื่อคำนึงถึงว่าพวกเขาต้องเสียค่า "คอมมิชชั่น" ทุกครั้งที่เก็งกำไร การลงทุนนั้น เนื่องจากการคาดการณ์เป็นเรื่องของการวิเคราะห์การดำเนินงานของหน่วยผลิตทางเศรษฐกิจ ส่วนใหญ่ในระดับบริษัท ดังนั้น ความแม่นยำจะมีมากกว่าการเก็งกำไร ที่มักมีปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้มากกว่า
เรื่องที่สี่ก็คือ สิ่งที่เรียกว่า "ผลรวมของเกม" นั่นก็คือ เมื่อนับรวมผลตอบแทนของทุกคนที่เข้ามาเล่นแล้ว ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร? ในกรณีของการพนัน ผลรวมไม่เป็นศูนย์ก็ติดลบในกรณีที่มีเจ้ามือหรือมีการเก็บ "ค่าต๋ง" ดังนั้น คนเล่นการพนันนั้น ถ้าไม่มีฝีมือ หรือเป็นการเล่นที่ไม่ต้องใช้ฝีมือ จึงมักจะขาดทุนเสมอถ้าเล่นไปเรื่อย ๆ การเก็งกำไรนั้น ส่วนใหญ่ก็มักจะมีผลรวมเป็นศูนย์ หรือใกล้ศูนย์หรือติดลบเนื่องจากค่าคอมมิชชั่น นั่นก็คือ ถ้ามีคนได้ก็มักจะต้องมีคนที่เสีย เนื่องจากว่า สิ่งที่ใช้เก็งกำไรนั้น มักไม่มีการสร้างมูลค่าเพิ่มในตัวมันเองหรือเพิ่มขึ้นน้อยมากเนื่องจากข้อจำกัดของเวลา ดังนั้น คนที่เก็งกำไรโดยไม่มีความสามารถที่โดดเด่นจึงมักจะขาดทุนเสมอ ส่วนการลงทุนนั้น เนื่องจากหน่วยทางเศรษฐกิจนั้น มักจะมีมูลค่าเพิ่ม ทำให้ผลรวมของผลตอบแทนของทุกคนมักจะเป็นบวก นั่นหมายความว่า โดยเฉลี่ยแล้ว นักลงทุนมักได้กำไร โดยเฉพาะถ้าลงทุนในกิจการที่สร้างมูลค่าเพิ่มมาก ตรงกันข้าม จะขาดทุนกันหมดถ้าลงทุนในกิจการที่ทำลายมูลค่าเพิ่มของบริษัท
เรื่องสุดท้ายก็คือ เรื่องของระยะเวลา การพนันนั้น เกือบทั้งหมดมีระยะเวลาแน่นอนและสั้น อาจเป็นนาทีหรือชั่วโมงหรือไม่กี่วัน การเก็งกำไรก็เช่นกัน มักจะใช้เวลาค่อนข้างสั้น ในบางกรณี เช่นการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์นั้น บางทีก็อาจจะสั้นมากเพียงไม่ถึงวัน ในกรณีอื่น ๆ เช่น การเก็งกำไรในทอง โลหะมีค่า น้ำมัน หรือพืชผลทางเศรษฐกิจ ก็อาจใช้เวลาเป็นเดือน แต่การเก็งกำไรข้ามปีนั้นมีน้อยมาก ในขณะที่การลงทุนนั้น ควรจะต้องเป็นกิจกรรมที่หวังผลระยะยาว จากการดำเนินงานของกิจการ ดังนั้น ระยะเวลาการถือครองเป็นปีหรือหลายปี น่าจะเป็นพฤติกรรมปกติของการลงทุน การถือครองทรัพย์สินหรือหลักทรัพย์ต่าง ๆ ในเวลาน้อยกว่า 1 ปี น่าจะเข้าข่ายของการเก็งกำไรมากกว่า
เรื่องของการพนันนั้น ผมคิดว่าค่อนข้างจะบอกได้ชัดเจน แต่ระหว่างการเก็งกำไรกับการลงทุนนั้น หลาย ๆ กรณีก็เป็นเรื่องที่แยกได้ยากเหมือนกันว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ในความเห็นผมก็คือ เราควรใช้หลาย ๆ เกณฑ์มาประกอบกันและดูว่าน้ำหนักไปอยู่ที่การเก็งกำไรหรือการลงทุน ถ้าผลออกมาว่าเป็นการเก็งกำไร เราก็ต้องระวังตัวมากขึ้น เพราะธรรมชาติของการเก็งกำไรนั้น ความเสี่ยงจะมากกว่า และโอกาสที่เราจะแพ้หรือชนะนั้นใกล้เคียงกันมาก และแม้ว่าที่ผ่านมาเราจะชนะแต่อนาคตเราก็อาจจะแพ้ได้

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘